640 - คำสั่งสอนของแม่เฒ่า
1950 - คำสั่งสอนของแม่เฒ่า
“ดาบอะไรที่ฟันทุกยุคทุกสมัยไม่ให้มีอดีตปัจจุบันและอนาคตเจ้าเด็กขี้แยกล้ากล่าววาจาโอหังที่นี่ อายุของเจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปถึงเวลาที่เจ้าต้องมีภรรยาแล้ว!”
ในขณะที่สือฮ่าวกำลังปลุกใจตัวเองในการบ่มเพาะอยู่ ทันใดนั้นก็มีคนกระแอมอยู่ข้างหลังเขาทำให้เขาร่างกายแข็งค้างด้วยความตกใจ
เดิมทีเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกทำลายอย่างไร้ความปรานี
โลกนี้ยิ่งใหญ่ แต่แม่เฒ่าก็ยังทรงพลังที่สุด!
เบื้องหลังสือฮ่าวคือแม่ของเขา นางกระแอมในลำคอเรียกเขาแบบนั้น
เขาเรียกนางว่าแม่เฒ่า แต่ในความเป็นจริงแล้วฉินอี้หนิงยังเด็กมากมองจากลักษณะภายนอกของนางคล้ายกับคนที่อายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
นอกจากนี้นางยังเป็นผู้บ่มเพาะคนหนึ่ง แม้ว่าจะระดับไม่สูงมากนักแต่ก็ทำให้นางดูอ่อนเยาว์กว่าวัยปกติ
เมื่อเร็วๆนี้นางกังวลมาโดยตลอดและกลัวว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับสือฮ่าว นางจึงต้องการให้เขาแต่งงานโดยเร็วที่สุดและมีทายาทไว้สักคนในกรณีที่เขาจากไปนานแสนนาน
เป็นเพราะลูกชายคนโตของนางคนนี้มีความสามารถอันสูงส่ง ท้ายที่สุดแล้วสักวันหนึ่งเขาจะต้องจากนางไป
แม้กระทั่งทุกวันนี้เขาก็ยังเข้าๆออกๆอาณาจักรที่สูงกว่า ดังนั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นจะต้องบังคับเขาแต่งงานให้ได้
“ข้าไม่สนใจความทะเยอทะยานอันสูงส่งของเจ้า เจ้าเป็นลูกชายของข้าเจ้าจะต้องแต่งงานนี่คือความต้องการของข้า!”
ปกติแล้วฉินอี้หนิงเป็นคนที่อ่อนโยนมากนางเป็นภรรยาและแม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ตอนนี้นางโกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ต้องบังคับสือฮ่าวให้แต่งงานให้ได้
นางมีความหวังเล็กๆว่าหลังจากที่สือฮ่าวแต่งงานและมีลูก มันจะทำให้ความทะเยอทะยานของเขาลดน้อยลง และในที่สุดเขาจะได้ไม่จากที่นี่ไป
มีบางสิ่งที่สือฮ่าวไม่ได้อธิบายให้ทุกคนในหมู่บ้านฟังเนื่องจากมันจะทำให้พวกเขากังวลเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่ฉินอี้หนิงไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา ดังนั้นนางจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อถ่วงเขาไว้ที่นี่ให้ได้
“ท่านแม่ท่านรู้ไหมว่าข้าต้องเดินตามเต๋าอันยิ่งใหญ่ ข้าจะต้องข้ามผ่านหลายยุคหลายสมัยเพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆนั่นจึงจะทำให้พวกเราสงบสุขอย่างแท้จริง” สือฮ่าวกล่าว
“จะอะไรก็ช่างแต่เจ้าเป็นทายาทของตระกูลสือ ตอนนี้ถึงวัยแต่งงานของเจ้าแล้วเจ้าจะต้องแต่งงานและมีทายาท!” แม่เฒ่ายังคงแสดงอำนาจออกมาไม่หยุด
“เจ้าควรพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี เจ้าคือบุตรของพวกเขาควรเข้าใจความต้องการของพ่อแม่” คราวนี้แม้แต่สือหยุนเฟิงหัวหน้าเผ่าผู้ใจดีก็ยังเข้ามากดดันสือฮ่าว
“ท่านปู่!” สือฮ่าวอ้าปากกว้าง
ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่พวกเขาแม้แต่คนอื่นๆในหมู่บ้านหินผาก็หวังให้เขาแต่งงานและทิ้งลูกหลานไว้เบื้องหลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเด็กมังกรแดงก็ยังพยายามกดดันให้เขาแต่งงานเพื่อที่จะได้ไม่มีเวลาออกไปข้างนอกและสั่งสอนวิชาให้มันมากกว่านี้
เรื่องนี้ทำให้เจ้าหนูมังกรแดงถูกเตะออกไปหนึ่งเท้า ร่างของมันหมุนคว้างในขอบฟ้าก่อนจะหายลับตาไป
“ท่านแม่ท่านน่าจะรู้ดีว่าข้ามีสหายหญิงมากมายแม้กระทั่งองค์หญิงของราชสำนักอมตะก็ไม่สามารถทำให้ข้าหวั่นไหวได้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับข้าในตอนนี้ที่จะเลือกคู่ชีวิต!” สือฮ่าวพยายามหาข้ออ้าง
“คู่ชีวิตของเจ้าก็อยู่ตรงนั้นไง!”ฉินอี้หนิงกล่าวเบาๆแต่ค่อนข้างดุดัน นางชี้ไปที่อวิ๋นซีที่เพิ่งกลับมาจากการเลือกยาในถิ่นทุรกันดาร
“อาจารย์ข้ากลับมาอีกแล้ว” ที่ขอบฟ้ามังกรแดงกลายเป็นริ้วแสงหลากสีและกระโดดไปรอบๆสือฮ่าว
ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความสุขราวกับว่ามันจงใจล้อเลียนสือฮ่าว
และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมันเห็นอวิ๋นซีที่หน้าหมู่บ้านมันก็ยิ่งหัวเราะด้วยท่าทางที่ชั่วร้ายพร้อมกับเรียกนางว่าอาจารย์หญิงทันที
เปง!
เท้าขวาของสือฮ่าวขยายใหญ่ขึ้นยิ่งกว่าภูเขามังกรน้อยถูกเตะเข้าไปอย่างรุนแรงมันปลิวหายลับขอบฟ้าไป เมื่อมันถูกเตะในครั้งนี้สามารถรับรองได้ว่ามันจะสลบไสลไปหลายวันอย่างแน่นอน
ผิวพรรณของอวิ๋นซีนั้นงดงามเหมือนหยกชั้นดี อย่างไรก็ตามนางค่อนข้างสงบ
นับตั้งแต่เด็กผู้หญิงคนนี้ติดตามเขามายังอาณาจักรที่ต่ำกว่า จิตใจของนางก็สงบสุขมีอารมณ์ที่ห่างไกลจากเรื่องทางโลกราวกับว่านางเป็นเซียนอมตะที่ถูกเนรเทศมายังเมืองมนุษย์
สือฮ่าวไม่สามารถปฏิเสธอวิ๋นซีต่อหน้านางได้อย่างแน่นอน
แม้ว่านางจะเพิ่งกลับมาหลังจากเก็บยาจากถิ่นทุรกันดารโดยไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
แต่นางก็เป็นเด็กสาวที่ชาญฉลาด เมื่อมองเห็นท่าทางของเขานางก็คาดเดาเบาะแสได้บางอย่าง
ในความเป็นจริงเมื่อนางเห็นการจ้องมองที่อ่อนโยนของฉินอี้หนิงรวมทั้งการดูแลเอาใจใส่ของผู้คนในหมู่บ้านหินผาเมื่อเร็วๆนี้ อวิ๋นซีก็สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“บอกข้ามาว่าเจ้าจะเลือกใคร!”ฉินอี้หนิงแอบถาม
สือฮ่าวตะลึง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเลือก เขาตกอยู่ในหลุมภายในจิตใจของตัวเองไม่สามารถปีนขึ้นมาได้
นับตั้งแต่สงครามในชายแดนรกร้างสิ้นสุดลองจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งปี ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งเสียชีวิตในการต่อสู้
ยิ่งไปกว่านั้นฮั่วหลิงเอ๋อถูกจับไปพร้อมกับแคว้นบาป ทั้งหมดกลายเป็นเชลยของศัตรูต่างมิติไม่ทราบว่าเป็นหรือตายในตอนนี้
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคิดมากมายที่ไม่สามารถปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ไปได้ในทันที แต่ผู้คนเหล่านั้นเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถกลับมาได้อีกตลอดกาล เราต้องมองไปข้างหน้า” ฉินอี้หนิงแนะนำ
ในความเห็นของฉินอี้หนิงฮั่วหลิงเอ๋อไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว อันหลานเป็นใคร? เขาจะสนใจสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆในแคว้นบาปด้วยหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะมีปาฏิหาริย์จริงๆแม้ว่าฮั่วหลิงเอ๋อจะยังมีชีวิตอยู่ สุดท้ายจะมีประโยชน์อะไร?
ตอนนี้โลกทั้งสองแยกออกจากกันมีคูน้ำสวรรค์กั้นระหว่างสองโลกไม่สามารถข้ามไปได้
การต่อสู้ครั้งใหญ่ของชายแดนรกร้างสิ้นสุดลงทั้งสองฝ่ายตัดการเชื่อมต่อโดยสิ้นเชิง
หากทั้งสองฝ่ายต้องการที่จะพบกันอีกครั้งมันคงเป็นเวลาที่ยาวนานหลายร้อยปี หรือบางทีอาจจะเป็นยุคที่ยิ่งใหญ่อีกยุคหนึ่ง
เมื่อถึงเวลานั้นนางก็ต้องตายไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดพวกเขาก็ไม่มีกรรมที่จะต้องพบเจอกันอีกในชีวิตนี้ ฉินอี้หนิงรู้สึกเสียใจเช่นกัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนางจึงต้องบังคับให้สือฮ่าวแต่งงานให้เร็วที่สุด
“ให้เวลาข้าอีกสักหน่อย” สือฮ่าวต้องการจะกลับไปทำสมาธิอีกครั้ง
“ฮั่วหลิงเอ๋อเป็นเด็กดี แต่พวกเจ้าสองคนไม่ได้มีกรรมร่วมกันอีกต่อไป” ฉินอี้หนิงถอนหายใจจากด้านหลัง
นางถูกสือจื่อหลิงดึงกลับมาไม่มีใครเข้าใจลูกชายของตัวเองดีไปกว่าพ่อ
สือจื่อหลิงรู้ว่าลูกชายของเขาจะไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ตาม
บางทีเขาอาจใช้ความเสียใจประเภทนี้กระตุ้นตัวเองด้วยซ้ำ
…………………...
หลายปีต่อมาสือฮ่าวฝึกฝนอย่างขมขื่นอยู่เสมอ ทักษะเต๋าของเขาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆเติบโตอย่างต่อเนื่องรวดเร็วจนถึงจุดหนึ่งที่น่ากลัว
เราต้องเข้าใจว่าในวัยของเขาการมาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรปลดปล่อยตนเองนั้นไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของผู้บ่มเพาะทั้งปวง
เพียงเขาเดินหน้าไปอีกเก้าก็จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรของผู้สูงสุดได้แล้ว
ในขณะเดียวกันความเร็วของการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดได้หยุดลงเช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็ไม่ได้ใช้วิธีบ่มเพาะที่ถูกต้องดังนั้นขีดจำกัดของมันจึงมีอยู่
สือฮ่าวฝึกฝนทักษะของตัวเองอย่างแท้จริงความสามารถของเขาน่าอัศจรรย์มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปหลายปีเขาก็ฝ่าฟันอย่างต่อเนื่องก้าวหน้าอยู่เสมอความแข็งแกร่งของเขาจึงยิ่งใหญ่อย่างไม่สิ้นสุด
ในวันนั้นเกิดเสียงดังสนั่นภายในกำแพงปฐมแห่งความโกลาหล สือฮ่าวรวบรวมพลังของตัวเองเพื่อทะลวงเข้าสู่ครึ่งก้าวของผู้สูงสุดรากฐานของเขาตอนนี้สมบูรณ์แบบ!
ความสำเร็จประเภทนี้หากมีข่าวกระจายออกไปมันจะสั่นคลอนอาณาจักรที่สูงกว่า
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีใครสักคนในอาณาจักรที่ต่ำกว่าสามารถเข้าถึงครึ่งก้าวของอาณาจักรผู้สูงสุดได้จริงๆ!
อาจกล่าวได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนในโลกแห่งการบ่มเพาะด้วยซ้ำ
มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน