บทที่ 59: จุดเริ่มต้นของปัญหา
บทที่ 59: จุดเริ่มต้นของปัญหา
อู๋เฟิงหยุนและผู้คนจากนิกายกระบี่สวรรค์ต่างก็เต็มไปด้วยความโกรธในขณะที่พวกเขาจากไป
ในขณะเดียวกันผู้นำนิกายเฉินเองก็ยังกับตะโกนไล่หลังอย่างตั้งใจ
“น้องอู๋ อย่าเพิ่งไป ถึงผลลัพธ์ของเจ้าจะไม่ค่อยดี แต่สิ่งสำคัญก็คือการได้เข้าร่วมนะ”
อู๋เฟิงหยุนซึ่งเดินจากไปไกลแล้วเดินเซและเกือบจะล้มลงกับพื้น ฉากนี้ทำให้ผู้นำนิกายและคนอื่นๆ ในนิกายอสูรสวรรค์หัวเราะคิกคัก
ลู่เสี่ยวหรันค่อนข้างพูดไม่ออกกับผู้นำนิกายและคนอื่นๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ความขุ่นเคืองระหว่างนิกายอสูรสวรรค์กับนิกายกระบี่สวรรค์นั้นก็เกิดจากบรรพบุรุษของนิกายกระบี่สวรรค์ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมันได้มากนัก
และปัญหาของเขาในตอนนี้ก็คือเขาต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเสี่ยวเป่ย
“ท่านผู้นำนิกาย การแข่งขันในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็อยากจะไปเดินดูซื้อของสักหน่อย”
ผู้นำนิกายโบกมือของเขา
“เอาเลยๆ เจ้าไปได้เลย”
“ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย”
ขณะที่ลู่เสี่ยวหรันกำลังจะเดินจากไป ผู้นำนิกายก็เรียกเขากลับมาอีกครั้ง
“เสี่ยวหรัน รอเดี๋ยวก่อน”
ลู่เสี่ยวหรันหยุด
“มีอะไรรึเปล่าท่านผู้นำนิกาย?”
ผู้นำนิกายยิ้มกรุ้มกริ่มและยัดถุงหินวิญญาณใส่ในมือเขา
“ข้าไม่ได้นำหินวิญญาณมามากนัก ดังนั้นเอาหินวิญญาณระดับสูงทั้ง 200,000 ก้อนนี้ไปใช้ก่อน มิฉะนั้น เดี๋ยวเจ้าจะไม่มีเงินพอที่จะซื้ออะไรเอา”
ลู่เสี่ยวหรันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะป้องมือของเขา
“ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย”
“ด้วยความยินดี ไปได้แล้ว”
ลู่เสี่ยวหรันอำลาผู้นำนิกายและมาถึงพื้นที่ตอนเหนือของนิกายเต่าทมิฬในทันที
เขาได้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้ว ในพื้นที่ภาคเหนือของนิกายเต่าทมิฬ มันก็เป็นสาขาของกลุ่มอาคาเซีย
นิกายใหญ่อย่างนิกายเต่าทมิฬมีสถานะทางธุรกิจที่โตเต็มที่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับพวกเขาที่จะนำเข้าธุรกิจบันเทิงอย่างกลุ่มอาคาเซียเข้ามาในนิกาย
จากมุมมองที่ต่างออกไป มันก็มีเพียงอุตสาหกรรมบันเทิงชั้นนำอย่างกลุ่มอาคาเซียเท่านั้นที่จะสามารถเปิดสาขาขึ้นในยังอาณาเขตของนิกายเก่าทมิฬได้
“นายท่านผู้นี้หน้าไม่คุ้นเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านมาที่กลุ่มอาคาเซียอย่างงั้นหรอ?”
ทันทีที่ลู่เสี่ยวหรันมาถึง เทพธิดาที่ทางเข้าก็พาเขาเข้าไปข้างใน
“ข้าขอทราบนามสกุลท่านหน่อยจะได้ไหม”
“หลี่”
“เอาล่ะนายท่านหลี่ วันนี้ท่านสนใจอะไรหรอ ท่านกำลังมองหาเทพธิดาแบบไหนอยู่หรอ?”
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุกในวันนี้ ข้าต้องการจะซื้อข้อมูลบางอย่าง”
ทุกคนเชื่อว่ากลุ่มอาคาเซียนั้นเป็นนิกายที่ไร้พิษสงในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่และอาศัยเพียงการรับใช้ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ เพื่อรับหินวิญญาณมา
อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่ความจริงซะทั้งหมด
หากพวกเขาพึ่งพาเพียงการรับใช้ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ กลุ่มอาคาเซียก็คงจะถูกแทนที่ไปตั้งนานแล้ว
กลุ่มอาคาเซียยังมีวิธีการหารายได้ที่สำคัญอย่างยิ่งอีกอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เอง นิกายใหญ่อื่นๆ จึงไม่เพียงแต่จะไม่ทำร้ายกลุ่มอาคาเซียเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการจะร่วมมือกับกลุ่มอาคาเซียอีกด้วย
นี่เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มอาคาเซีย
กลุ่มอาคาเซียเป็นผู้ค้าข้อมูลที่ยิ่งใหญ่มากในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่
เทพธิดาหงหยูนั้นไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาจริงๆ เธอใช้แขกจำนวนมากที่กลุ่มอาคาเซียได้รับเพื่อรวมเครือข่ายข้อมูลขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะล่วงรู้ความลับนี้ ราคาค่าข่าวกรองของกลุ่มอาคาเซียนั้นสูงกว่าราคาค่าบริการของเหล่าเทพธิดามาก นอกจากนี้ การขายข้อมูลยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลด้วย แขกทั่วไปสามารถลืมเกี่ยวกับการบริการเรื่องข้อมูลของกลุ่มอาคาเซียไปได้เลย
เทพธิดายิ้ม
“นายท่านหลี่มาที่นี่เพื่อซื้อข้อมูลนี่เอง! อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาคาเซียของเราก็มีกฎเกณฑ์อยู่ หากท่านต้องการจะซื้อข้อมูล ท่านก็จะต้องมีบันทึกการใช้บริการของกลุ่มอาคาเซียซะก่อน”
การแสดงออกของลู่เสี่ยวหรันไม่ได้เปลี่ยนไปในขณะที่เขาหยิบตราประจำตัวของหลี่เต๋าหรันออกมาจากกระเป๋าของเขา เขาเก็บมันขึ้นมาได้ในวันที่หลี่เต๋าหรันได้รับรู้ถึงความลับของยอดเขาจื่อฉุ่ย
“ได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้แหละ”
เทพธิดารับตราไปและรีบวิ่งไปที่แผนกต้อนรับในทันที เธอตรวจสอบตราประจำตัวของหลี่เต๋าหรันด้วยหินรูปแบบพิเศษของกลุ่มอาคาเซีย
เมื่อเธอเห็นว่าหลี่เต๋าหรันได้เติมหินวิญญาณระดับสูงจำนวน 50,000 ก้อนเข้าไปในบัญชี ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
รวยมาก!
วินาทีถัดมา เธอก็รีบวิ่งกลับมาพร้อมกับตรา
“นายท่านหลี่ ข้าต้องขอประทานโทษจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าท่านจะเป็นผู้ใช้บริการระดับสูงของกลุ่มอาคาเซีย หลี่ลี่หลาน รีบไปเอาชามาให้นายท่านหลี่เร็ว และก็ใช้ชาเซียนที่ดีที่สุดนะ”
ลู่เสี่ยวหรันโบกมือของเขา
“ไม่จำเป็น ข้ายังมีงานที่ต้องทำและข้าก็กำลังรีบไป ช่วยข้าหาข้อมูลที่ข้าต้องการจะตรวจสอบที ข้าต้องการมันอย่างเร่งด่วน หาได้แล้วก็หักออกจากในบัญชีของข้าเลย”
“เอาล่ะ งั้นโปรดบอกข้ามาว่าท่านต้องการจะสืบข้อมูลอะไร”
“เสี่ยวเป่ยจากเมืองเจียง”
“ตกลง ข้าจะตรวจสอบให้ท่านเดี๋ยวนี้แหละ สิ่งนี้อาจจะต้องใช้เวลาสิบนาที และเนื่องจากท่านเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา ท่านจึงสามารถไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองและเพลิดเพลินกับบริการนวดและของว่างฟรีได้” “ไม่จำเป็น ช่วยข้าตรวจสอบให้ละเอียดก็พอ”
“เข้าใจแล้ว”
ลู่เสี่ยวหรันไม่ค่อยคุ้นเคยกับน้ำเสียงที่ไพเราะของผู้หญิงคนนี้ เหล่าเทพธิดาของกลุ่มอาคาเซียล้วนได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพ ถ้าเขาไปที่ห้องส่วนตัว มันก็อาจจะมีบริการที่ต้องเสียเงินรอเขาอยู่
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มพ่อค้าก็เข้ามาที่ประตูด้านเหนือของนิกายเต่าทมิฬ ร่างชุดดำสองสามร่างแยกออกมาจากกองคาราวานอย่างเงียบๆ
“เราต้องใช้โอกาสนี้เพื่อแอบเข้าไปในงานชุมนุมค่ายกลโดยไม่มีใครรู้ให้ได้ ตราบใดที่เราสามารถแอบเข้าไปข้างในงานและมีส่วนร่วมในการสร้างค่ายกลของหอคอยปราบมารขึ้นใหม่ได้ เราก็จะสามารถใส่ค่ายกลสามหัวใจมารที่นิกายมารนักบุญของเราทุ่มเทพัฒนามาอย่างอุตสาหะได้ และเมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะเป็นวันที่ผู้นำมารฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง!”
“ข้าจะปลอมตัวก่อนและฆ่าคนสักสองสามคน หลังจากนั้นข้าก็จะเอาตัวตนของพวกมันมา!”
“รับทราบ”
เมื่อพวกเขาพูดคุยกันเสร็จ พวกเขาก็หายตัวไปท่ามกลางฝูงชน
เวลาผ่านไปชั่วพริบตา ทางด้านกลุ่มอาคาเซีย ลู่เสี่ยวหรันได้รับข้อมูลแล้ว “นายท่านหลี่ นี่คือข้อมูลที่ท่านต้องการ ท่านยังต้องการอะไรอื่นอีกหรือไม่?”
“ไม่เป็นไรขอบคุณ”
“ด้วยความยินดี การบริการท่านคืองานของเราอยู่แล้ว”
ลู่เสี่ยวหรันออกจากกลุ่มอาคาเซียและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อตรวจสอบข้อมูลในทันที
เสี่ยวเป่ยเป็นลูกชายของตระกูลเสี่ยวในเมืองเจียง เขาอายุ 28 ปีและเดิมมีการฝึกตนอยู่ที่ขอบเขตก่อกำเนิด และโดยไม่รู้ว่าเขาได้รับโอกาสประเภทใด แต่การฝึกตนของเขาก็ได้กระโดดขึ้นไปจนถึงขอบเขตวิญญาณขั้นห้าได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และเขาก็ทำลายตระกูลหยุนซึ่งมีชื่อเสียงสูงสุดในเมืองเจียง นอกจากนี้ เขายังได้รับความโปรดปรานจากลูกสาวของเจ้าเมืองเจียง อดีตคู่หมั้นของนายน้อยตระกูลหยุน หยุนหลี่เกอ…
ลู่เสี่ยวหรันเพิกเฉยต่อเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้โดยตรง ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์จะเกิดใหม่และทำลายตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่เพื่อลุกคืบอำนาจและตบหน้าผู้อื่นในขณะที่ได้ผู้หญิงไปด้วย
สิ่งที่เขาต้องการเห็นคือประสบการณ์ของอีกฝ่ายหลังจากนั้น
“ครั้งหนึ่งเขาเคยซื้อหอกระดับต่ำที่ขึ้นสนิมแล้วจากแผงขายของริมถนนในเมืองเจียง ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงถูกเยาะเย้ย… แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ได้รับอาวุธขอบเขตราชันยุทธ์โดยใช้หินวิญญาณแค่สองก้อน!”
“ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าร่วมการสำรวจสุสานของจักรพรรดิในภูเขาฉีหยุน… และในท้ายที่สุด เขาก็ได้รับมรดกที่ดีทั้งหมดจากจักรพรรดิ”
“ครั้งหนึ่งเขาใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อเคล็ดวิชาการฝึกตนโบราณที่เหลืออยู่ในงานประมูล… และในท้ายที่สุด เขาก็ได้รับเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้น โดยการประมาณการอย่างระมัดระวัง เขาก็ได้ซ่อมแซมเคล็ดวิชาการฝึกตนนี้จนสมบูรณ์ด้วยโชคของเขา”