บทที่ 58: รักษาความสัมพันธ์
บทที่ 58: รักษาความสัมพันธ์
ในขณะนี้ ทุกคนก็ได้เริ่มตั้งค่ายกลของตนแล้ว
เสี่ยวเป่ยเองก็เริ่มแกะสลักค่ายกล
ลู่เสี่ยวหรันกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปทั่ว ต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้มีความสามารถจริงๆ ค่ายกลที่เสี่ยวเป่ยสร้างนั้นได้มาถึง 50% ของความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากคำพูดของเด็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์กลับชาติมาเกิด
และมันก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ที่น่าประทับใจมากนักในอดีตเช่นกัน นี่เป็นเพราะการสร้างค่ายกลนั้นเน้นที่ความชำนาญไม่ใช่ที่การฝึกตน ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์อีกต่อไปแล้ว แต่ทักษะในการแกะสลักค่ายกลของเขาก็จะไม่ลดลงเลย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เสียงของหวังไฉ่ก็ดังขึ้นในหูของลู่เสี่ยวหรัน
[ ติ้ง! ตรวจพบตัวละคนหลัก หากคุณตามล่าตัวละครหลัก คุณจะได้รับถุงของขวัญหลายใบ นอกจากนี้ คุณจะสามารถปล้นโชคของเขาและอัปเกรดระบบได้ สิ่งนี้จะทำให้รางวัลเพิ่มขึ้นในอนาคต ]
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็ตกตะลึง
“ฉันจะได้รับรางวัลจากการฆ่าตัวละครหลักหรอ?”
[ ใช่ ]
ลู่เสี่ยวหรันเงียบไปครู่หนึ่ง
“ฉันควรจะฆ่ามันให้ตายตอนนี้เลยดีไหม?”
[ ในฐานะตัวละครหลัก โชคก็เข้าข้างเขา คุณไม่ควรตัดสินเขาจากความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาเพียงอย่างเดียว ถ้าคุณไม่ระมัดระวังให้เพียงพอ คุณก็อาจจะโดนสวนกลับได้ ]
ลู่เสี่ยวหรันพูดไม่ออก
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันจะแข่งขันวันนี้ให้จบก่อนก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็ได้กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปทั่ว และความแข็งแกร่งของทุกคนก็ถูกเปิดโปง “ฉันควรจะเอาลำดับที่เท่าไหร่ดีนะ? เอ่อ…”
ลู่เสี่ยวหรันเริ่มคิด
นิกายกระบี่สวรรค์อยู่ในอันดับที่ 80 แต่อู๋เฟิงหยุนก็อาจจะมีแผนสำรอง ในวันนี้ อีกฝ่ายจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทิ้งห่างเขาอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน ลู่เสี่ยวหรันก็ไม่ต้องการจะให้ตำแหน่งของเขาอยู่ต่ำจนเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาสักอันดับที่สามสิบก็แล้วกัน มันไม่ถือว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป ผลลัพธ์ระดับกลางถึงสูงนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้นำนิกายและคนอื่นๆ มีความสุข แต่มันยังไม่ทำให้คนอื่นสนใจฉันมากเกินไปด้วย”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็เริ่มปรับความแข็งแกร่งของเขาและเริ่มแกะสลักค่ายกล
บนเวทีการแข่งขัน เสียงคำรามของเสือและมังกรก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ เสียงเหล่านี้เป็นเสียงที่เกิดจากการสร้างค่ายกลของผู้เชี่ยวชาญอันดับแรกๆ เนื่องจากค่ายกลนั้นใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ดังนั้นมันจึงทำให้ค่ายกลเริ่มมีชีวิตขึ้นมาและยังดึงดูดเสียงอุทานของคนจำนวนมาก
การแข่งขันทั้งหมดกินเวลาสองชั่วโมง ลู่เสี่ยวหรันใช้เวลาเพียงสองนาทีในการทำให้เสร็จและใช้เวลาที่เหลือในการหลับเพื่อพักผ่อน
เมื่อเสียงกริ่งสิ้นสุดการแข่งขัน เขาก็ตื่นขึ้นในทันที
“ในที่สุดก็จบลงสักที”
ลู่เสี่ยวหรันยืดเส้นยืดสายและตามทุกคนออกจากสนามแข่งขัน
ผู้นำนิกายและคนอื่นๆ ก้าวไปข้างหน้าในทันทีและแสดงความกังวลเล็กน้อย
“เสี่ยวหรัน เจ้าทำงานหนักมาก เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้า
“ข้าไม่เป็นไร”
“เจ้ามั่นใจในผลลัพธ์ของเจ้าไหม? เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้อันดับที่เท่าไหร่กัน?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่น่าจะเลวร้ายเกินไป”
“ก็ดี ก็ดี อีกเดี๋ยวผลลัพธ์ก็จะประกาศแล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ลู่เสี่ยวหรันเพิ่งจะพูดจบ แต่เสียงของนิกายกระบี่สวรรค์ก็ดังขึ้นตาม
“ท่านผู้นำนิกาย วันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เลว วันนี้ข้าอารมณ์ดีและแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่”
“โอ้~! ท่านผู้นำนิกาย ท่านแสดงความแข็งแกร่งของท่านเพียง 80% เท่านั้นในสองครั้งก่อนหน้านี้ หากวันนี้ท่านปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกา ข้าก็เกรงว่าท่านคงจะเข้าสู่ 70 อันดับแรกแน่ๆ!”
ผู้คนจากนิกายอสูรสวรรค์จ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธ
“พวกเจ้าจะโมโหไปทำไม? เมื่อผลลัพธ์ประกาศออกมา เขาก็อาจจะต้องพบเจอกับความอับอายก็ได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ ศิษย์สองคนของนิกายเต่าทมิฬก็ออกมาประกาศผล
นิกายเต่าทมิฬเป็นนิกายค่ายกลขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ด้วยปรมาจารย์ด้านค่ายกลเพียงสิบคน การประเมินก็เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงนาที
“ผลออกมาแล้ว!”
ทุกคนก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผู้นำนิกายเฉินและคนอื่นๆ เองก็ล้อมรอบพวกเขาในทันที
“โอ้~! อันดับหนี่งยังคงเป็นอาจารย์เสี่ยว! อาจารย์เสี่ยวแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!”
ในฝูงชน เสียงนับไม่ถ้วนก็กล่าวยกย่องเสี่ยวเป่ยอีกครั้ง
ผู้คนจากนิกายกระบี่สวรรค์กวาดสายตามองและมองลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพิจารณาระดับกลางและระดับสูง เนื่องจากนิกายกระบี่สวรรค์ของพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะเข้าสู่ระดับนั้น
“ท่านผู้นำนิกาย! อันดับที่ 69! อันดับที่ 69! ฮ่าๆๆๆ…”
ผู้อาวุโสที่มีสายตาแหลมคมได้ค้นพบอันดับของนิกายกระบี่สวรรค์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว อู๋เฟิงหยุนมองไปในทิศทางที่เขาชี้และถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันที จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุข ความขมขื่นจากการฝึกหนักเมื่อวานไม่ได้สูญเปล่าจริงๆ!
ด้วยวิธีนี้ นิกายอสูรสวรรค์ก็น่าจะถูกเขาปราบปรามลงอย่างสมบูรณ์และคงจะไม่สามารถโต้กลับใดๆ เขาได้
“เร็วเข้า หาอันดับของนิกายอสูรสวรรค์!”
ทุกคนรีบไปหาอันดับของนิกายอสูรสวรรค์
“พวกเขาไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 100”
“พวกเขาไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 120 ด้วย”
“พวกเขาไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 90 ด้วยเหมือนกัน”
ขณะที่ทุกคนกำลังค้นหารายชื่อด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง อู๋เฟิงหยุนก็สัมผัสได้ว่ามีคนมาตบไหล่ของเขา
“ห้ะ?”
เขาหันกลับมาและเห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขของผู้นำนิกายเฉิน
“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
ผู้นำนิกายเฉิยพยายามกลั้นเสียงหัวเราะของเขาและกล่าวว่า “น้องอู๋ เจ้ายังหาอันดับของนิกายอสูรสวรรค์ของเราไม่พบอีกหรอ?”
หัวใจของอู๋เฟิงหยุนเต้นผิดจังหวะในขณะที่เขารู้สึกไม่ดี
“เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?”
ผู้นำนิกายเฉินกัดฟันแน่นและพยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนหน้าซีด จากนั้นเขาก็ชี้ขึ้นไปข้างบน
“เจ้าต้องเงยหน้าขึ้นมองนะ มันอยู่ตรงอันดับสูงๆ นั่นน่ะ เจ้าเห็นไหม?”
อู๋เฟิงหยุนและคนอื่นๆ หันศีรษะไปมองตามทิศทางที่เขากำลังชี้ไปและตกตะลึงในทันที
อันดับที่ 30!
ตลกแล้ว!
เด็กเหลือขอลู่เสี่ยวหรันสามารถได้อันดับที่ 30 ได้จริงหรอ?
ไอ้สารเลวนั่นน่ะนะ?
ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุไม่เกินสามสิบปีด้วยซ้ำ? “น้องอู๋ ทั้งหมดนี่มันเป็นเรื่องจริงนะ ก่อนที่เสี่ยวหรันจะขึ้นเวที ข้าก็บอกเขาแล้วจริงๆ ว่าให้ช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนิกายเอาไว้หน่อย แต่น่าเสียดายที่เขาคงจะกะกำลังพลาดไปเล็กน้อย ข้าขอโทษด้วยจริงๆ นะที่ทิ้งนิกายกระบี่สวรรค์ของเจ้าไว้เบื้องหลังแบบนี้”
ใบหน้าของอู๋เฟิงหยุนกระตุกอย่างกะทันหัน และเส้นเลือดที่หน้าผากของเขาก็ปูดโปนออกมามา
เขาต้องการจะเอาชนะอีกฝ่ายจริงๆ แต่ในท้ายที่สุด มันกลับเป็นเขาที่ถูกแซงไป
ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่คือนิกายเต่าทมิฬ เขาก็คงจะระเบิดความพิโรธของเขาออกมาแล้ว
ผู้อาวุโสนิกายกระบี่สวรรค์คนอื่นๆ สามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธของอู๋เฟิงหยุน พวกเขาทั้งหมดหดออร่าของพวกเขาลงและมองผู้นำนิกายของพวกเขาอย่างระมัดระวัง
“ท่านผู้นำนิกาย… เราจะทำยังไงต่อดี?”
อู๋เฟิงหยุนกำหมัดและกัดฟัน เขาสะบัดมือของผู้นำนิกายเฉินออกไปและหันหลังเดินจากไป
“กลับนิกายกระบี่สวรรค์”
“เอ่อ? แล้วการแข่งขันของเราล่ะ? มันยังเหลืออีกตั้งหลายการแข่งขันนะ”
“ไม่! เราจะถอนตัวเดี๋ยวนี้แหละ!”