บทที่ 3 อย่าพูด, พี่หมิงกำลังจริงจังนะ!
“ยินดีต้อนรับ”
“ข้าคือผู้นำนิกายหยานหวง เหออี้หมิง”
“นิกายหยานหวงเคยรุ่งเรืองมาก แต่น่าเสียดายที่เวลาเหล่านั้นได้ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้นิกายกำลังตกอยู่ในห้วงหุบเขาลึกจนไม่สามารถเห็นเดือนเห็นตะวันได้
“แต่วันนี้ ข้า เหออี้หมิง สาบานที่จะนำนิกายหยานหวงกลับสู่แสงตะวันอีกครั้ง”
“พวกเจ้าเต็มใจที่จะเข้าร่วมเป็นสาวกของนิกายหยานหวงหรือไม่ เข้าเส้นทางแห่งการฝึกฝน เราจะมาสร้างนิกายที่ทรงพลังที่สุดไปด้วยกัน”
เหออี้หมิงพูดอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็เริ่มทำตามแผนที่ถูกแนะนำด้วยระบบและมอบสัญญาที่ถูกเตรียมไว้
หน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้าของผู้เล่นทุกคน
“การท้าทายของอสูรสวรรค์ : Virtual Online Game contract”
สัญญาเต็มไปด้วยเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมกับผู้เล่นอย่างมาก เช่นการค้นพบและผลประโยชน์ทั้งหมดที่ผู้เล่นได้รับในเกมจะถูกส่งไปยังนิกาย ในทางกลับกันพวกเขาจะได้รับรางวัลสำหรับการมีส่วนร่วมในนิกาย
พวกเขาไม่สามารถทรยศ ต่อต้าน ผู้นำนิกายได้ ถ้าเกิดการขัดต่อสัญญาตัวพวกเขาจะระเบิด มีบทความและอนุประโยคมากกว่าหนึ่งร้อยข้อ ซึ่งทั้งหมดมีความยาวและซับซ้อนมาก
“อะไรกันเนี่ย สัญญาพวกนี้ยาวมากๆ”
“ทำไมคำว่าระเบิดมันเยอะจัง”
“ฉันไม่สนใจหรอก ฉันยังไม่จบการศึกษาระดับประถมด้วยซ้ำ ฉันอ่านมันไม่ออกด้วยซ้ำ”
ผู้เล่นหลายคนยอมแพ้ที่จะอ่านมันหลังจากอ่านไปได้เพียงไม่กี่บรรทัด พวกเขาเพียงแค่กดยอมรับเพื่อให้มันผ่านๆไป
F*ck มันยาวเกินไป
ติงห่าว ID : ก๋วยเตี๋ยวเนื้อไม่ได้พยายามที่จะอ่านด้วยซ้ำ
เขาเลื่อนข้อความไปที่ด้านล่างสุดของสัญญา และกดยอมรับ
ทุกคนยอมที่จะกดตกลงโดยไม่อ่านสัญญาเพื่อที่จะได้เริ่มเกมนี้
ในไม่ช้า ผู้เล่นทั้ง 88 คนก็กดยอมรับ สัญญาก็แล้วเสร็จ
หมายความว่าตอนนี้ผู้เล่นทั้ง 88 คนได้กลายเป็นสาวกนิกายกลุ่มแรกของเหออี้หมิงอย่างเป็นทางการ
“ขอแสดงความยินดีที่เสร็จสิ้นภารกิจ การประเมินภารกิจ : S”
“รางวัลภารกิจ: ยาวิญญาณขั้นสูง”
“ยาวิญญาณชั้นสูง: อัตรา 100% ในการเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรวิญญาณ!”
หลังจากระบบแจ้ง เหออี้หมิงก็รู้สึกดีใจที่ได้รางวัลภารกิจอันนี้
ไม่ว่ายังไง ในที่สุดเขาก็มีสาวก และเขายังได้รางวัลเป็นยาวิญญาณขั้นสูง
เหออี้หมิงติดอยู่ที่ขั้นสิบของการหลอมรวมกายามานานมากแล้ว เขาเองถือว่ามีระดับการฝึกฝนสูงที่สุดในเหล่าหมู่มนุษย์ด้วยกัน
อย่างไรก็ตามราคาของยาวิญญาณขั้นสูงมีราคาที่เหออี้หมิงเองก็ยังไม่สามารถซื้อได้อยู่แล้วนี่จึงเป็นรางวัลที่มีค่ามากสำหรับเขา
ตั้งแต่ตัวระบบถูกเปิดใช้งาน ก็มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น
เหออี้หมิงไม่ลังเล เขากินยาเข้าไปในคำเดียว และบุกเข้าไปในขอบเขตของพลังชีพจรวิญญาณ
เหออี้หมิงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้สัมผัสถึงพลังวิญญาณไหลผ่านเข้ามาในร่างกายจนล้นออกมา ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าขอบเขตการหลอมกายาหลายสิบเท่า
ขอบเขตพลังชีพจรวิญญาณนั้นมีความหมายว่าตัวผู้ถือครองได้เข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนที่แท้จริง
เมื่อเขาอยู่ที่ขอบเขตของพลังหลอมรวมกายาเขามีพลังทางวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในร่างกาย เขาต้องพึ่งพากำลังจากร่างกายเพียงอย่างเดียว
การเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรวิญญาณหมายความว่าเขาจะมีพลังในการใช้เครื่องมือด้วยจิตวิญญาณ และการปลดปล่อยคาถา และเทคนิคการใช้ต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นเช่น
สามารถควบคุมดาบให้ขึ้นไปในอากาศได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ขณะที่เหออี้หมิงกำลังเพลิดเพลินกับการเข้าสู่ขอบเขตของพลัง ผู้เล่นต่างๆ ก็กำลังซุกซนกันอย่างสนุกสนาน
ผู้เล่นพากันวิ่งไปมา ผู้เล่นบางคนกำลังวิ่งออกไปไกลจนสุดสายตา และบางคนกล้าหาญวิ่งมุ่งหน้าไปเพื่อแตะตัวหัวหน้านิกายของเขา
แม้แต่ชายที่มีชื่อตัวละครว่า ก๋วยเตี๋ยวเนื้อต้องการยื่นมืออกไปแตะในส่วนที่ต้องห้าม
“หัวหน้านิกายจะกรี๊ดออกมาไหมนะถ้าข้าไปแตะตรงนั้น”
ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออยากรู้อยากเห็นมาก
เหออี้หมิงตกใจ แล้วเขาก็ทำท่าทางจริงจัง
เหออี้หมิงใช้ความคิดเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเหล่าสาวก เนื่องจากการทำสัญญาได้เสร็จสมบูรณ์ เขาจึงสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของเหล่าสาวกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
“ว้าว!! ตอนนี้ฉันขยับไม่ได้แล้ว นี่กำลังจะเริ่มเข้าคัตซีนใช่ไหม”
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ …… อย่าส่งเสียงดังสิ”
“พี่หมิงกำลังจริงจังนะ อย่าทำเป็นเล่นกันสิ”
“แม้ว่าผู้เล่นบางคนจะยังหัวเราะอยู่ แต่พวกเขาก็เงียบลงหลังจากนั้น”
“ติ้ง !!”
“มีภารกิจใหม่”
เหออี้หมิงกำลังจะได้ภารกิจใหม่จากระบบ
“กำจัดสัตว์อสูรทั้งหมดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับนิกาย”
“เป้าหมาย : อสูรอูฐสงคราม 100 ตัว”
“จำกัดเวลา: 3 วัน”
“ระยะเวลาที่ทำภารกิจสำเร็จจะส่งผลต่อการประเมินภารกิจ ยิ่งผลการประเมินสูง รางวัลจะยิ่งสูงขึ้น”
“คำแนะนำ : โฮสต์สามารถมอบหมายภารกิจให้กับสาวกได้ ภารกิจสามารถแบ่งออกเป็นภารกิจย่อย 100 ภารกิจ เพื่อให้สาวกของคุณทำสำเร็จ”
“เหออี้หมิงตกตะลึงหลังจากได้ได้ยินภารกิจจากระบบ”
แม้ว่าระบบจะปล่อยภารกิจมาให้ใหม่ แต่เขาสามารถแยกย่อยภารกิจและส่งมอบให้เหล่าสาวกของเขาได้ ก็เปรียบได้กับให้ผู้เล่นเหล่านี้ทำงานให้เขา มันค่อนข้างดีเลยทีเดียว
แต่…
อสูรอูฐสงคราม? ในขอบเขตพลังชีพจรวิญญาณ สำหรับเหล่าสาวก พวกเขาแทบจะไม่มีทางชนะเลย
เขาเองพึ่งจะเข้ามาถึงขอบเขตพลังชีพจรวิญญาณขั้นแรก แต่ตอนนี้เขาจะต้องฆ่า อสูรอูฐสงคราม ซึ่งขอบเขตพลังของมันน่าจะอยู่ใกล้เคียงกับเหออี้หมิง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
เหออี้หมิงเองก็กลัวว่าสาวกของเขาจะตายเพราะภารกิจนี้กันจนหมด
เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยากแค่ไหนก็ต้องลองดูมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ลูกศิษย์ทุกคน”
“วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าลงจากภูเขาแห่งนี้ เพื่อขยายขอบเขตของนิกาย”
“ตามข้ามา” เหออี้หมิงพูดอย่างเยือกเย็นและเดินนำไปที่บรรไดทางขึ้นของโถงนิกาย
“บัดซบ เรากำลังจะปลดล็อคแผนที่ใหม่”
“ฮู้~ พวกเรากำลังจะลงจากภูเขา”
“นี่เรากำลังจะไปต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือเปล่านะ”
“ข้าจะไปฆ่ามอนสเตอร์ให้หมดเลย”
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่เรากำลังจะไปสู้กับมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่าอย่างงั้นเหรอ”
“ตามพี่หมิงไปก่อนเถอะ”
ผู้เล่นทุกคนกำลังตื่นเต้นกับการออกจากโถงนิกาย พวกเขาเดินลงบันได้ที่ลัดเลาะไปกับภูเขา และในที่สุดก็ถึงเชิงเขา
ที่เชิงเขาเต็มไปด้วยวัชพืชและไม่เลื้อยเล็กๆเต็มไปหมด ไม่มีแม้แต่ทางเดิน เห็นได้ชัดว่าสถานที่นี้ไม่มีผู้คนมาเยือนมาเป็นเวลานานมากแล้ว
ทันใดนั้น พุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ก็เริ่มสั่นไหว
“มันกำลังมา” เหออี้หมิงพูดขึ้น พร้อมทำท่าตั้งรับไปที่พุ่มไม้นั้น
กาก้า!
หลังจากเสียงร้องที่ฟังดูแปลกๆ ร่างใหญ่โตที่สูงกว่าสี่เมตรก็ทะลุโพรงต้นไม้ออกมา ดวงตาคู่โตกวาดมองผู้เล่นด้วยความหิวโหย
มันมีผิวสีน้ำตาลที่ดูเหมือนเกล็ด สี่ขายาว และปากใหญ่โตคลุมด้วยฟันแหลมคม
มันดูเหมือนม้า แต่ขาทั้งสี่ของมันมีพละกำลังพอๆกับขาช้างเลยทีเดียว
ฟันที่แหลมคมของมันสามารถกัดและกินคนทั้งตัวได้ในคำเดียว
สัตว์ตัวนี้ดุร้ายมาก