STY-ตอนที่ 30 การโจมตีด้วยกระบี่!
ในขณะนี้ ซู่ชิวหยา ที่สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าจากทั่วทุกทิศทาง นางได้ชักชวนให้เหล่าผู้ติดตามหยุดทันที
ทันใดนั้น เจตนาฆ่าที่รุนแรง ก็ได้พุ่งเข้าหา ซู่ชิวหยา
สิ่งนี้ทำให้ ซู่ชิวหยา ค่อนข้างแปลกใจ
และในปัจจุบัน ผู้บ่มเพาะพลังจำนวนมากก็ปรากฏตัวจากทั่วทุกทิศทาง
ทีละคน เหล่าผู้บ่มเพาะพลังเหล่านี้ได้โจมตีเข้าใส่พวกเขา
กลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่ง ได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยพวกเขาได้เปิดใช้งานสมบัติ ยันต์ หรือ การโจมตีมากมาย เพื่อโจมตีใส่พวกเขา
มองเห็นฉากนี้ การแสดงออกของ ซู่ชิวหยา ก็ยังสงบ
พวกนางได้ลงจากเขาไปเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้หลายครั้ง และ ในขณะนี้ มีเพียงความสงบเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้
ดังนั้น ซู่ชิวหยา จึงได้โบกมืออันบอบบางของนาง
ทันใดนั้น รัศมีพลังที่แข็งแกร่งก็ได้ระเบิดออกมา
เหล่าผู้บ่มเพาะพลังที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของ ซู่ชิวหยา พวกเขาได้ถูกพลังฝ่ามือของนางซัดเข้าที่หน้าอก
ทันใดนั้น ผู้บ่มเพาะพลังเหล่านี้ก็ถูกผลักถอยออกไป
และร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า
“ในเวลานี้ การขี่กระบี่บินไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีของพวกเรา รีบลงไปข้างล่างเร็วเข้า!”
ซู่ชิวหยา ได้ออกคำสั่งทันที
ทุกคนที่ขี่กระบี่บินได้พยักหน้าและร่อนลงไปที่บนพื้น
ผู้บ่มเพาะพลังของนิกายอินทรีหิมะก็ร่อนลงมาเช่นเดียวกันและพวกเขาก็ได้ปิดล้อม ซู่ชิวหยา และ คนอื่น ๆ
“พวกเจ้าเป็นคนจากนิกายอินทรีหิมะ?”ซู่ชิวหยา ได้มองดูพวกเขาอย่างเย็นชาและกล่าวถาม
ที่นี่คือ อาณาเขตของนิกายอินทรีหิมะ ดังนั้น ซู่ชิวหยา จึงสามารถคาดเดาได้ในทันทีว่าพวกเขาเป็นคนจากนิกายอินทรีหิมะ เพราะว่า นิกายอินทรีหิมะ ไม่พอใจดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เมื่อพวกเขาสบโอกาสเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเลือกโจมตีกลุ่มคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ในปัจจุบัน
เหล่าผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่โดยรอบ ไม่ได้พูดอะไร พวกเขามองไปที่ ซู่ชิวหยา และ คนอื่น ๆ อย่างเย็นชา
“ศิษย์พี่ซู่ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?”ศิษย์คนนึงได้มองไปที่ ซู่ชิวหยา และกล่าวถาม
ตอนนี้ ซู่ชิวหยา ก็คือ หัวหน้ากลุ่มของพวกเขา
ดังนั้น ศิษย์ทั้งหมดในที่แห่งนี้ จึงปฏิบัติตามคำสั่งของ ซู่ชิวหยา
“ศิษย์น้องเยี่ย เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น พวกเราจะคอยถ่วงเวลาคนของนิกายอินทรีหิมะเอาไว้ ดังนั้น ให้เจ้าใช้โอกาสนี้รีบมุ่งหน้ากลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์เพื่อแจ้งข่าวทันที!”ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ ศิษย์หญิง ที่อยู่ด้านข้าง
“แต่…”
“ไม่มีแต่ ข้าสัมผัสได้ว่ามีรัศมีพลังที่แข็งแกร่งมากมายอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่า นิกายอินทรีหิมะ จะเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี ตอนนี้สิ่งที่พวกเราทำได้ก็มีแค่ทางนี้เท่านั้น”ซู่ชิวหยา ได้กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
“ข้าเข้าใจแล้ว!”ศิษย์น้องเยี่ย ทำได้เพียงเลืกที่จะเชื่อฟังคำสั่ง
ในขณะนี้เอง ก็มีเงาร่างสีดำปรากฏขึ้นจากในระยะไกล
เงาร่างสีดำนี้ได้รวมตัวกันอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นร่างของชายวัยกลางคน
เมื่อพวกเขาเห็นเงาดำปรากฏตัวขึ้น ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนก็โค้งคำนับในทันที “ผู้อาวุโสโม่หยิง!”
ชายคนนี้ก็คือคนที่ปรากฏตัวขึ้นในห้องลับตอนนั้น ผู้อาวุโสโม่หยิง สายตาของ ผู้อาวุโสโม่หยิง ได้กลายเป็นเย็นยะเยือกและมองไปที่ ซู่ชิวหยา พร้อมกับคนอื่น ๆ “จับเป็นนังผู้หญิงชุดแดงคนนั้น ส่วนที่เหลือฆ่าให้หมด!”
“ขอรับ!”
ทุกคนได้ยอมรับคำสั่งในทันทีและรีบพุ่งไปที่ ซู่ชิวหยา พร้อมกับ คนอื่น ๆ
ซู่ชิวหยา ได้โบกมือเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า เหล่าผู้บ่มเพาะพลังกำลังพุ่งเข้ามา
ฝ่ามืออันบอบบางของนาง ได้ตั้งขึ้นไว้ที่ด้านหน้า
ทันใดนั้น ณ จุดศูนย์กลางของ ซู่ชิวหยา รูปแบบก่อตัวบางอย่าง ก็ได้ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของนาง
ขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนไหว นางก็ได้เริ่มสร้างรูปแบบก่อตัวแล้ว
และเมื่อทุกคนรีบวิ่งเข้าหานาง นางจึงได้เปิดใช้รูปแบบก่อตัวในทันที
รูปแบบก่อตัวได้ถูกเปิดใช้งานในเวลานี้
ทันใดนั้น ทุกคนที่พุ่งเข้ามา ก็ได้ติดอยู่ในรูปแบบก่อตัวของ ซู่ชิวหยา
ภายในรูปแบบก่อตัว มีกระบี่บินจำนวนมากได้พุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง และ มันได้พุ่งเข้าใส่ผู้บ่มเพาะพลังทีละคน
นี่เป็น ข่ายอาคมกระบี่ประเภทนึง! และ พลังของมันก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ผู้บ่มเพาะพลังของนิกายอินทรีหิมะรู้สึกตกตะลึงในทันทีและพวกเขาได้ถอยร่นกลับไป
“ไม่ดีแล้ว นี่มันข่ายอาคม!”
ทุกคนต้องการที่จะล่าถอย แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
พวกเขามองเห็น กระบี่บินจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นภายในข่ายอาคม และ มันก็ได้พุ่งแทงเข้าใส่ร่างศิษย์ของนิกายอินทรีหิมะ
หลังจากนั้น กระบี่บินก็ยังคงบินอย่างต่อเนื่องภายในข่ายอาคม
โดยพวกเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของกระบี่บินเหล่านี้ได้เลย
ศิษย์ของนิกายอินทรีหิมะ ที่รีบวิ่งเข้าไปพวกเขาล้วนตกตายทีละคนภายใต้การเคลื่อนไหวของ ซู่ชิวหยา
ในเวลานี้ ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ภายนอกต่างตกตะลึงโดยสมบูรณ์
แต่ปัจจุบัน ร่างของ ผู้อาวุโสโม่หยิง ก็ได้หายไป และ ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้า
“เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ศิษย์หลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมองข้ามได้!”ผู้อาวุโสโม่หยิง ได้มองไปที่ ซู่ชิวหยา และ กล่าวออกมา
สีหน้าของ ซู่ชิวหยา ได้กลายเป็นสงบ
โดยเสื้อผ้าสีแดงของนางได้ปลิวไสวไปตามสายลม
กระบี่ยาวได้ถูกควบแน่นและปรากฏขึ้นในมือของนาง นางในตอนนี้ราวกับเทพธิดาในชุดแดงที่จุติลงมาจากบนสวรรค์ อีกทั้งดวงตาของนางยังเฉียบคมเป็นอย่างมาก
“ทุกคนไม่ต้องไปกลัว แม้ว่า ข่ายอาคมนี้จะมีประสิทธิภาพ แต่มันก็ใช้เวลานานในการจัดตั้งรูปแบบ”
“ถึงแม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะด้านการสร้างข่ายอาคม แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการจัดตั้งรูปแบบอีกครั้ง และ ด้วยเวลาในปัจจุบัน นางสามารถสร้างได้แค่ข่ายอาคมเพียงชุดเดียวเท่านั้น และ ตอนนี้มันก็น่าจะใกล้สิ้นสุดลงแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ผู้อาวุโสโม่หยิง พวกเขาก็พุ่งเข้าหา ซู่ชิวหยา ในทันที
ซู่ชิวหยา ที่เห็นคนเหล่านี้พุ่งเข้ามา นางได้ขยับกระบี่ในมือของนาง
ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง
เจตจำนงค์กระบี่ได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่เจตจำนงค์กระบี่ แต่เป็นพลังปราณที่แท้จริงที่น่าสะพรึงกลัวที่ถูกควบแน่นมาจากเจตจำนงค์กระบี่
โดยแรงกดดันที่พลังปราณนี้ปลดปล่อยออกมา ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้!
ปั้ง!
เสียงดังได้ปรากฏขึ้น
ร่างของผู้บ่มเพาะพลังชุดที่ 2 ที่พุ่งเข้ามา ได้ถูกส่งลอยไปอีกครั้งโดย ซู่ชิวหยา!
ในเวลานี้ แม้แต่ โม่หยิง ก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่า ซู่ชิวหยา ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่า ซู่ชิวหยา จะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้
ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในขั้นกลางของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า แต่นางก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเขาที่อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าเลย
โดยร่างของ โม่หยิง ได้เปลี่ยนไป และ ก่อตัวเป็นเงา พุ่งเข้าหา ซู่ชิวหยา ในทันที
ซู่ชิวหยา ได้ยกกระบี่ของนางขึ้นและชี้ไปที่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
กระบี่ของนางนี้ได้เจาะเข้าไปที่ร่างของผู้อาวุโสโม่หยิง
แต่ทันใดนั้น อาวุโสโม่หยิง ก็กลายเป็นเงา และ พยายามปิดล้อมร่างกายของ ซู่ชิวหยา
ซู่ชิวหยา รู้สึกตกใจ และ ได้ถอยร่นกลับไป 2-3 ก้าว
สีหน้าของนางได้เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าสีแดงของนางในปัจจุบันได้กระพือในขณะที่นางออกท่วงท่ากระบี่และต่อสู้กับผู้อาวุโสโม่หยิง
ซู่ชิวหยา มีฐานบ่มเพาะพลังในขั้นกลางของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า ในขณะที่ ผู้อาวุโสโม่หยิง อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า แต่ทั้งสองที่ต่อสู้กันไปมา ไม่มีท่าทีว่าใครจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย
อย่างไรก็ตาม คนอื่น ๆ นั้นแตกต่างกัน
ที่นี่คือ อาณาเขตของนิกายอินทรีหิมะ และ ผู้บ่มเพาะพลังของนิกายอินทรีหิมะก็มีมากมาย ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สถานการณ์ของเหล่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ในเวลานี้ เย่เฉิน ที่ขี่กระบี่บินมาเพียงลำพัง เขาได้ใช้เวลาไปมากพอสมควร
ในที่สุด เขาก็เห็นร่างของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา
ปัจจุบัน เขาเห็นว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับร่างเงาสีดำอันขมขื่น
เย่เฉิน ไม่ได้แสดงตัวในทันที
มี ศิษย์หลายคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ อยู่เคียงข้างศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขามากเกินไป แม้ว่าเขาต้องการที่จะช่วยศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา แต่เขาก็ไม่ต้องการเปิดเผยตัวต่อหน้าคนจำนวนมาก มิฉะนั้น หลายปีที่เขาหลบซ่อนตัวตนมันจะไปมีประโยชน์อะไร
เย่เฉิน ได้มองหาที่ซ่อนตัวและคอยสังเกตุสถานการณ์
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขากำลังต่อสู้กับผู้อาวุโสโม่หยิงอย่างดุเดือด
สำหรับ ศิษย์คนอื่น ๆ พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บและตกอยู่ในสถานการณ์อันขมขื่น
โดยเฉพาะศิษย์ 2-3 คน จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก หากไม่มีใครช่วยเหลือพวกเขา เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย และ ในเวลานั้น เมื่อคู่ต่อสู้หันมาช่วยเหลือในการโจมตีศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา สถานการณ์ของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาก็คงไม่สู้ดีอย่างแน่นอน
ดังนั้น เย่เฉิน ที่มองดูสถานการณ์ เขาได้ขยับความคิดของเขา “กระบี่จงมา!”
ทันใดนั้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากก็บินออกมาและล้อมรอบร่างของ เย่เฉิน