EP 17 (Stardew Valley) ตามหาสมบัติในหอคอยเวทมนต์
EP 17 (Stardew Valley) ตามหาสมบัติในหอคอยเวทมนต์
ผู้แปล วังวน
อาบิเกลนั้นเธอซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องและเธอก็พยายามเอามือปิดหน้าเอาไว้ ราวกับว่าเธอเองไม่อยากเห็นภาพที่หน้าสยดสยองที่เกิดขึ้นร่วมไปถึงมีความหวังลึกๆว่าหนานเสี่ยวเองคงจะไม่เห็นเธอ
หน่านเสี่ยวใช้เวลาจังหวะนั้นเดินไปและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
อาบิเกลในเวลานั้น ไม่แม้แต่จะส่งเสียงสิ่งที่เธอทำเพียงอย่างเดียวคือใช้มือปิดหน้า
“เฮ้ ยืนขึ้น” หนานเสี่ยวเปิดบทสนทนา
“ได้โปรด อย่าฆ่าฉันเลย!” อาบิเกลเริ่มอ้อนวอนขอความเมตตาจากหนานเสี่ยวก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ฉันยอมทุกอย่างแล้ว ฉันจะทำทุกสิ่งที่คุณต้อง ขอเพียงอย่าฆ่าฉันเท่านั้นเถอะ ได้โปรด”
“จริงเหรอ?
“จริงสิ!”
หนาเสี่ยวเองหยิบขวดยาที่เขาได้รับมาจากผู้วิเศษก่อนหน้านี้ขึ้นมาในทันที "ยาเพิ่มความชำนาญทางภาษา" ในเวลานั้น หนานเสี่ยวเห็นถ้วยกระเบื้องลายครามอยู่บริเวณนั้นพอดีและเทอย่างระมัดระวังลงไปครึ่งขวด: "อย่างงั้นเธอจงดื่มยานี้ส่ะ"
อาบิเกลเองเธอก็เหลือบมองถ้วยกระเบื้องที่ข้างในมียาสีน้ำเงินและจาง ๆ อาบิเกลมองไปที่ หนานเสี่ยวด้วยแววตาที่น่าสงสาร
ในจังหวะนั้นหนานเสี่ยวก็ทำท่ารายรำดาบก่อนจะบอกว่า: "ดื่ม!"
อาบิเกลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดื่มยานั้นไปหนึ่งอึก
สามนาทีผ่านไป...
ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ใช่ยาพิษ ยาขวดนี้ใช้ได้จริงอย่างงั้นหรอ แล้วผลลัพธ์มันจะออกมายังไงกัน?
“สีดำเปลี่ยนเป็นสีเทา สี...ดำ เปลี่ยนเป็น...สีเทา ดำ...เปลี่ยนเป็นเทา ...สี...!” หนานเสี่ยวเองไม่เข้าใจสิ่งที่อาบิเกลพูดแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดกับเธอว่า “สิ่งที่เธอพูดคืออะไร ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย!”
ในเวลานั้นดวงตาของอาบิเกลนั้นเบิกโพลงขึ้นมา และดูเหมือนเสียงของอาบิเกลเองก็จะค่อยๆหายไป
... มันน่าจะผิดหวังจริงๆ ดูเหมือนว่าสรรพคุณยาขวดนี้ไม่เป็นอย่างที่ผู้วิเศษชั่วนั้นพูดไว้ก่อนหน้านี้ หมอนั้นก็แค่หลอกหลวงฉันให้ทำภารกิจและกะจะปิดปากฉันสินะ
ต่อมาหลังจากรู้ความจริงว่ายาขวดดังกล่าวใช้ไม่ได้ผล หนานเสี่ยวก็กำลังจะขู่อาบิเกลต่อ แต่จู่ๆ อาบิเกลเองก็มีอาการคล้ายกับคนถูกฟ้าฝ่าก่อนที่เธอจะช็อกและหยุดนิ่งไป สภาพตอนนี้ของเธอคือเธอกัดฟันตัวเองไว้แน่นก่อนจะเอามือจับไปที่คอด้วยความทรมาน ก่อนที่จะมีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งห้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือดวงตาของเธอมันไหลยาวลงมาเป็นเส้นจนถึงใบหน้า!
มันเป็นยาพิษอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ!
วินาทีถัดมา ตัวของอาบิเกลก็แดงคล้ายกับอุณหภูมิข้างในร่ายกายของเธอนั้นร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ดวงตา จมูก ปาก เปลวเพลิงค่อยปรากฎขึ้นมาๆ เธอกลิ้งไปมาในกองไฟ ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาเบาๆ
เปลวเพลิงที่ดูน่าขนลุกยี้กลืนกินเนื้อของเธออย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอตอนนี้ถูกเผาลึกลงไปจนถึงกระดูกก่อนที่อาบิเกลจะนอนขดตัวอย่างทรมาน ก่อนที่เธอจะใกล้ตาย เธอคลานออกไปอย่างน่าประหลาดใจห่างออกไปเจ็ดหรือแปดเมตร รอยไหม้พร้อมขี้เถาปรากฎเป็นทางยาวตลอดทางที่อาบิเกลคลานหนีไป เปลวไฟนี้อาจจะไม่ใช่เปลวไฟธรรมดาและมันน่าจะเป็นเปลวไฟที่กัดกินเธอจากภายในคล้ายกับหิมะในขั่วโลกที่เมื่อสัมผัสมันโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันมันก็จะกัดกินเนื้อส่วนนั้นด้วยความเย็นยะเยือกยังไงอย่างงั้น ฉันเลยคิดว่าเปลวไฟนี้อาจจะร้ายแรงกว่าหิมะพวกนั้นด้วยซ้ำ?
สรุปแล้วยาขวดนี้ไม่ใช้ยาที่ช่วยให้พูดภาษาต่างๆได้อย่างชำนาญ แต่มันคือยาพิษ
หนานเสี่ยวก็คิดขึ้นมาภายในใจทันทีว่าโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้ตัดสินใจดื่มมันไปตั้งแต่ตอนตน ถ้าเวลานั้นเขาตัดสินใจดื่มมันไปตั้งแต่ตนตอนนี้ร่างกายของเขาก็คงเหลือเพียงโครงกระดูกเพียงเท่านั้น
แสดงว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของผู้วิเศษชั่วมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่น่าแปลกตอนที่เซบาสเตียน และอาบิเกลพยายมเร่งเร้าผู้วิเศษให้ฆ่าฉัน เขาจึงแสดงท่าทีลังเลออกมา? แน่นอน สาเหตุไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวที่จะสู้ฉันไม่ได้หรอก !แต่เขาเองคิดว่าการวางยาพิษนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายกว่า และไม่ต้องใช้กำลังอะไรมากมาย
แน่นอนว่าพิษที่แปลกประหลาดเช่นนี้จะต้องมีประโยชน์มากในโลกหลัก
หนานเสี่ยวนำปากกาที่เขาพกติดต่อมาด้วยเขียนไว้ที่ขวดว่า "ยาพิษร้ายแรง!" อย่างระมัดระวังบนขวดแก้วและใส่ยาลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขา
ตอนนี้คนเดียวที่มีชีวิตอยู่ในหอคอยคือหนานเสี่ยวนั้นเอง ตามทฤษฎีแล้ว ทรัพย์สินของผู้วิเศษทั้งหมดเป็นของเขา
บูม! ตึงตึง!
ในเวลานั้นปิแอร์ที่อยู่ในร่างสัตว์ประหลาดคลั้งยังคงพยายามจะพังประตูหอคอยเข้ามาให้ได้ เจ้าหมอนี้มันไม่ลดละความพยายามเลยจริงๆนะ
ฉันเองควรเปิดประตูและไปปะทะกับมันตรงๆเลยจะดีไหม? แต่แน่นอนความคิดนี้ก็แทบจะล้มเลิกไปในทันที แน่นอนว่ามันแทบจะไม่จำเป็นเลยที่จะออกไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดกล้ามโตที่สูงกว่าสามเมตร ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ภายในบ้านของผู้วิเศษแล้วมันน่าจะมีอะไรที่ง่ายกว่านี้ในการจัดการกับสัตว์ประลาดที่บ้าคลั่งขนาดนั้นได้
หน่านเซียวตัดสินใจเริ่มการล่าขุมทรัพย์ในหอคอยผู้วิเศษ
ตามทฤษฎีแล้ว ผู้วิเศษไม่น่าจะเก็บของไว้ในทีที่คนอื่นๆพบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้น ต้องมองหาสถานที่ที่ดูมืดและน่าขนลุก เช่น ห้องแล็บและห้องใต้ดิน อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าที่ๆหนานเสี่ยวอยู่ในตอนนี้คือที่พักอาศัยของผู้วิเศษผู้ชั่วร้ายเขาเองจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นหนนเสี่ยวเข้าไปหยิบไม้เท้าหรืออะไรบางอย่างเพื่อสำรวจเส้นทาง และเดินอย่างระมัดระวัง อย่างช้าๆ เพื่อว่าภายในหอคอยแห่งนี้อาจมีกลไกของกับดักซ่อนอญู่
ในขั้นตอนแรกคือการค้นอุปกรณ์ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของผู้วิเศษด้วยความหวัง และพบว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
แน่นอนว่ากระเป๋าเป้นั้นมันเป็นพื้นที่เก็บของที่ทั่วไปมากและมันคงจะเป็นอะไรที่ง่ายเกินไปถ้าเกิดมีของสำคัญมากๆอยู่ในนั้น น่าเสียดายจริงๆ...
หน่านเสี่ยวพยายามยัดกระเป๋าเป้ของจอมเวทย์เข้าไปในกระเป๋าเป้ของเขาเอง แต่ก็ไม่ได้ผล ดูเหมือนว่าเป้เก็บของนั้นไม่สามารถวางซ้อนทับกันได้
อย่างั้นช่างมันเถอะ
เสื้อคลุมของผู้วิเศษถูกไลนัสกัดจนขาดหลุดรุ่ยไปหมดแล้ว และรองเท้าเองก็ดูเก่ามากและไร้ค่า สิ่งเดียวที่น่าเก็บไว้ก็คือสร้อยคอที่อยู่ในมือของผู้วิเศษ ดูเหมือนมันจะเป็นจี้ที่มีอัญมณีออกสีไพลิน
ผู้วิเศษใช้อัญมณีนี้ในการเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว แช่แข็งอีกาให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทันที และดูเหมือนผู้วิเศษเคยพูดไว้ว่าพลังที่เขามีสามารถปล่อยพลังออกมาเทียบเท่ากับระเบิดที่มีอนุภาพสิบเท่าได้เลย นี่เป็นสมบัติลับที่ดีมาก อย่างงั้นควรเริ่มต้นจากสิ่งนี้
ไม้เท้าของนักเวทย์ก็ดีเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าพลังเวทย์มนตร์จะถูกถอนออกไปแล้วและทับทิมที่ฝังอยู่ด้านบนของไม้เท้าก็แตกละเอียดไปแล้ว
มันสามารถนำกลับไปที่โลกหลักแล้วเอาไปขายได้หรือเปล่า?
แน่นอนว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่แย่ที่สุดเลย แม้ว่าโลกคู่ขนานแห่งนี้จะมีของแปลกประหลาดอยู่มากมาย แต่ถ้านำของพวกนี้กลับไปมันก็ไม่ต่างจากการนำขยะกลับไปอยู่ หรือไม่มันก็อาจจะเสี่ยงที่คนบนโลกหลักนำของเรานี้ไปใช้และเกิดใช้งานขึ้นมาได้ และไม่รู้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อโลกหลักขนาดไหนด้วยและคงจะมีปัญหาอีกมามายตามมาด้วยจริงไห?
ทำไมผู้วิเศษนั้นดูยากจนจั้งเลย ปกติแล้วอย่างน้อยเป็นถึงวิเศษก็น่าจะมีแหวนไม่ต่ำกว่าสิบวงในมือแล้วสิ? แต่นี้อะไรกันเครื่องแต่งกายยังเหมือนกับผ้าขี้ริ้วที่ไม่ได้ซักมานานแล้ว
ต่อไปหนานเสี่ยวก็จะเริ่มหาสมบัติภายในหอคอยเวทมนต์แห่งนี้
เดิมทีหนานเสี่ยวคาดการณ์ว่าน่าจะพบหนังสือเวทย์มนตร์อยู่ในกระเป๋าเป้ของผู้วิเศษและถ้าเขาเจอมันจริง เขาก็จะใช้เริ่มศึกษาหนังสือเวทมนต์เล่มนั้นในทันที น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าผู้วิเสษซ่อนหนังสือเวทย์มนตร์ไว้ที่ไหน หลังจากค้นหาหอคอยทั้งสามชั้นแล้ว หนานเสี่ยวยังไม่พบแม้แต่โน้ตใบเล็กด้วยซ้ำ
ในห้องบนชั้นสองและห้องนอนบนชั้นสาม หน่านเสี่ยวพบเพียงวงแหวนเวทมนต์ที่เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีไว้ทำไม และสงสัยว่ามันเป็นทางเข้าสู่พื้นที่มิติที่ซ่อนอยู่ แต่เขาไม่มีอำนาจและไม่เข้าใจคาถาที่จะใช้เปิดมัน แม้ว่าเขาจะสงสัย เขาก็ทำได้แค่มอง
"คัมภีร์เอลฟ์โบราณ" ที่เขาบังเอิญได้มาตอนที่เขาเข้ามาที่โลกแห่งนี้ในตอนแรก อันที่จริงมันค่อนข้างอ่านง่ายขึ้นมา เพราะมันเป็นตารางเปรียบเทียบคำคล้ายกับสมุดแปลคำศัพท์ซึ่งก็พอจะช่วยหนานเสี่ยวได้อยู่บาง
เมื่อเปิดม้วนคัมภีร์จูนิโมในโทรศัพท์ หนานเสี่วก็เริ่มแปล มันไม่ยากเหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาได้มันมาใหม่ๆ และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการทำความเข้าใจ
—เราจูนิโมมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือมนุษยชาติ แต่เจ้าต้องได้รับความไว้วางใจจากเราก่อน โปรดพิสูจน์ความปรารถนาดีของเจ้า! เมืองนี้ได้รับความเสียหายจาก เดอะวอย์เจ้าแห่งปีศาจ เจ้าไปที่เหมืองและหาคนแคระที่หายไปที่นั่น คนแคระเหล่านั้นจะบอกเจ้าว่าจะสื่อสารกับเราอย่างไร
ผู้วิเศษจะต้องมีข้อมูลนี้และวางแผนที่จะค้นหาคนแคระ ที่หัวเตียงของเขา หน่านเสี่ยวพบ "คู่มือแปลภาษาคนแคระ" มันหนาและใหญ่อยู่พอสมควร นี่ไม่ใช่หนังสือโบราณ ดูเหมือนมันจะถูกจัดพิมพ์จากสำนักพิมพ์ในสาธารณรัฐแวนจิล และราคาราว 100 หยวนในโลกของความจริง
บนชั้นสามมีหนังสือหลายเล่ม และดูเหมือนทุกเล่มจะเป็นสูตรทำอาหาร
กะหล่ำดอกวิเศษ, ปลาย่างสมุนไพร, มันเทศเคลือบ, ปลาคาร์พแปลกใจ, ม้วนปลา, ปลากะพงกรอบ, ซุปมะพร้าว, ปลาไหลรสเผ็ด, ซาซิมิ, ซูชิซาซิมิ, มะเขือยาวพาเมซาน, บลูเบอร์รี่พัฟเพสตรี้, เค้กแบล็กเบอร์รี่กรอบ, แคนดี้แครนเบอร์รี่, มัฟฟินเมล็ดงาดำ, อาหารทะเล ซุป หอยทากฝรั่งเศส เค้กปู...
หลังจากอ่านแล้ว หน่านเสี่ยวก็แปลกใจที่รู้ว่าเขาได้เรียนรู้วิธีทำอาหารเหล่านี้
ดิ๊ง เรียนรู้ทักษะสีขาว: การทำอาหาร
ใช่ ใช่ ในอนาคตถ้สฉันกลับมายังโลกหลัก ฉันอาจะสามารถไปเป็นพ่อครัวอาหารตะวันตกได้เลย จากสูตรการทำอาหารเหล่านี้ และธุรกิจอาหารอาจจะไม่ใช่เรื่องเกินจริง
นอกจากนั้นยังมีอัญมณีมากมาย
มีกล่องไม้อยู่ที่หัวเตียงของผู้วิเศษ และมีตะแกรงเล็ก ๆ อยู่มากมาย และอัญมณีชนิดต่างๆ ถูกจัดวางตามหมวดหมู่ต่างๆ มรกต, พลอยสีฟ้า, ทับทิม, อเมทิสต์, ซิทริน, มรกต, เพชร, แจสเปอร์, โอปอล... มีครบทุกอย่าง อีกทั้งน่าจะเป็นอัญมณีที่คุณภาพดีอีกด้วย
อัญมณีเม็ดใหญ่หลากสีสันอย่างน้อยมันน่าจะมีขนาดอยู่ที่ 1 กะรัต คัดมาอย่างวิจิตรบรรจง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีใบรับรอง ก็ยากที่จะนำมันกลับคืนสู่โลกหลักได้ ในเกมสตาร์ดิววอเล่ห์อัญมณีถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าทองเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเป็นท้องอาจจะขายง่ายกว่าในโลกหลัก
เขาเองไม่สามารถเข้าไปในห้องใต้ดินได้เลย มันได้รับการคุ้มครองโดยชั้นของเวทย์มนตร์ที่เข้าใจยาก หน่านสี่ยวสงสัยว่าสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ใต้ดิน แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
หลังจากการค้นหาสิ้นสุดลง หนานเสี่ยวก็เริ่มคิดว่าเขาจะออกไปจากที่นี้ได้อย่างไร