STY-ตอนที่ 25 ฆ่าคนด้วยกระบี่เดียว!
ชายชราที่ถูกตัดแขนไปข้างนึงโดย มู่หรงชิงเสวี่ย ได้จ้องมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขา
เจตนาฆ่าที่แข็งแกร่งที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของชายหนุ่ม ทำให้แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเฉียบคมจากเจตนาฆ่านี้
จากการประเมินของเขา ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอายุประมาณ 17-18 ปี แต่เขามีความรู้สึกราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง โดยเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ฐานการบ่มเพาะพลังของชายหนุ่มก็ไม่ได้ต่ำ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เปิดเผยฐานพลังของเขาออกมา แต่ชายชราก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมา
ชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า!
เย่เฉิน ได้กอดศิษย์พี่หญิงรองของเขาเอาไว้แน่น และ ใช้สายตาที่เย็นชากวาดมองออกไป
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีอายุเพียงแค่ 11 ปี แต่เขาก็ได้ใช้เทคนิคการปลอมตัวที่ศิษย์พี่หญิงสามของเขาสอนให้จนกลายเป็นชายหนุ่มอายุ 17-18 ปี…
โดย เย่เฉิน ได้จ้องมองไปที่ ชายชราคนนั้นอย่างดุเดือด
อีกฝ่ายเกือบจะฆ่าศิษย์พี่หญิงสามของเขาไป เท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายยังคิดที่จะลงมือกับศิษย์พี่หญิงรองของเขาอีก ซึ่ง เย่เฉิน ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
เย่เฉิน ได้กอดศิษย์พี่หญิงรองของเขาด้วยมือข้างนึง ส่วนอีกมือของเขาก็ได้ยื่นออกมา
ทันใดนั้นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้บินไปอยู่ในมือของ เย่เฉิน
เย่เฉิน ได้หันคมกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาทันที!
เจตจำนงค์กระบี่ที่เย็นยะเยือกได้พุ่งออกมาจากมือของ เย่เฉิน อย่างรวดเร็ว
อาวุโสพ้าง ได้กลายเป็นตื่นตระหนก เขารีบหยิบกระบี่เล่มใหญ่ออกมา และ มีความตั้งใจที่จะขัดขวางการโจมตีที่ทรงพลังอันนี้
โดย กระบี่ขนาดใหญ่ของเขาได้ขยายใหญ่ขึ้นและตั้งรับที่เบื้องหน้าของเขา
เผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้ เขาไม่กล้าที่จะดูถูกศัตรูแม้แต่น้อย เขาได้ระดมพลังปราณโดยรอบและบังคับให้มันไปหลอมรวมอยู่ด้วยกันในจุดเดียว โดยมันได้ควบแน่นบนกระบี่ยาวที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเขา
“เด็กน้อย ข้ายอมรับว่าเจ้ามีความสามารถบางอย่าง แต่เจ้าจะไม่หยิ่งเกินไปหน่อยเหรอถ้าคิดที่จะฆ่าข้า?”ผู้อาวุโสพ้างคนนี้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
เย่เฉิน ไม่ได้พูดอะไร เขาได้บังคับเจตจำนงค์กระบี่ของเขาและฟาดฟันมันออกไป!
อาวุโสพ้างที่ตั้งรับด้วยกระบี่ของเขา เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมากที่จะต้านทางการโจมตีของ เย่เฉิน
ไม่ว่า เย่เฉิน จะแข็งแกร่งเพียงใด อีกฝ่ายก็อยู่ในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่านั้น และ แน่นอนว่าเขาก็อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่า เย่เฉิน จะสามารถฟันเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
พลังกระบี่ที่แข็งแกร่งได้พุ่งเข้าหาร่างของผู้อาวุโสพ้างในเวลานี้!
ปั้ง—
เสียงดังที่เด่นชัดได้ปรากฏขึ้น
กระบี่ขนาดใหญ่ของอาวุโสพ้างได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ และ เจตจำนงค์กระบี่ที่แข็งแกร่งก็ได้ฟันศีรษะของ อาวุโสพ้างจนขาดสะบั้น
ดวงตาของ อาวุโสพ้าง ได้เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ!
จากนั้นศีรษะของเขาก็หลุดออกมาจากร่างกาย
และหลังจากนั้นไม่นานร่างและศีรษะของเขาก็ได้ร่วงหล่นลงมาจากด้านบนท้องฟ้าโดยไม่ได้ปรากฏร่องรอยของชีวิตหลงเหลืออยู่
สิ่งที่ เย่เฉิน ทำ ก็แค่การเหวี่ยงกระบี่ของเขา
ทว่าเขากลับสามารถฆ่าผู้อาวุโสที่อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าได้
เย่เฉิน ได้ปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครรอดชีวิต หลังจากที่เขาทำความสะอาดฉากตรงหน้าเสร็จ เขาก็พาศิษย์พี่หญิงรองที่หมดสติออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที
บนท้องฟ้า เย่เฉิน ได้อุ้มศิษย์พี่หญิงรองที่หมดสติและบินไปด้วยกระบี่บินของเขา
ดวงตาของ เย่เฉิน ได้ลดลงมาและจ้องมองไปที่ ศิษย์พี่หญิงรอง ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยสีหน้าที่กังวลใจ
แต่ในเวลานี้ดวงตาที่ปิดสนิทของ มู่หรงชิงเสวี่ย ก็ได้ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางได้ปรากฏร่องรอยสีขาวซีด ซึ่ง เย่เฉิน ที่นั่งอยู่บนกระบี่บินของเขา ได้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของศิษย์พี่หญิงรองของเขาในทันที เขาพบว่า ศิษย์พี่หญิงรองของเขาเพียงแค่ใช้พลังปราณไปมากและหมดสติ นางไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร เพียงแค่พัก 2-3 วัน…นางก็จะหายดี
เย่เฉิน ได้โอบกอดศิษย์พี่หญิงรองของเขาเอาไว้แน่น โดยควบคุมกระบี่บินของเขามุ่งหน้าไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
จนกระทั่งไปถึงครึ่งทาง มู่หรงชิงเสวี่ย ก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“เฉินน้อย นั่นเจ้าเหรอ?”มู่หรงชิงเสวี่ย ได้กล่าวถามออกมาในขณะที่ใบหน้าของนางขาวซีด
ซึ่ง เย่เฉิน ก็ได้พยักหน้า
“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งจนแซงหน้าข้าไปแล้ว!”มู่หรงชิงเสวี่ย ได้กล่าวออกมา“แม้ว่าข้าจะรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงในสักวัน แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้!”
ในบรรดาศิษย์ทั้ง 7 คนของ เซียนหยกอมตะ นอกเหนือจากศิษย์พี่หญิงใหญ่ซู่ชิวหยาแล้วอาณาจักรพลังของ มู่หรงชิงเสวี่ย ก็ถือว่าเป็นรองเท่านั้น
นางอยู่ห่างจากอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าเพียงก้าวเดียว โดยความแข็งแกร่งดั่งกล่าวแม้กระทั่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ก็ยังหาจับตัวได้ยาก
อีกอย่างจะต้องรู้ว่า ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เหล่าศิษย์ที่ไปถึงอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณได้พวกเขาจะกลายเป็นศิษย์หลัก อีกทั้งพวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
และมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะก้าวข้ามอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าไปในฐานะศิษย์หลักได้
ผู้ที่เข้าสู่อาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าได้ เกือบทั้งหมดก็คือ ผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
โดยนางได้ฝึกฝนมามากกว่า 10 ปี และ นางได้เข้าสู่ขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณแล้ว แต่นางไม่ได้คาดหวังเลยว่าศิษย์น้องเล็กของนางจะสามารถแซงหน้านางได้ภายใน 3 ปี พรสวรรค์ของศิษย์น้องเล็กช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม มู่หรงชิงเสวี่ย ก็ไม่ได้อิจฉา เพราะ เย่เฉิน เป็นศิษย์น้องเล็กของนาง เมื่อเห็นความสำเร็จของศิษย์น้องเล็ก นางมีแต่จะพอใจมากยิ่งขึ้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะซ่อนเร้นพลังของตัวเองมาโดยตลอดเลยสินะ?”ศิษย์พี่หญิงสองได้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม
เย่เฉิน เพียงแค่ยิ้มออกมาและลูบศีรษะของศิษย์พี่หญิงรองของเขา
“ศิษย์พี่หญิงรอง ท่านอย่าได้ผลีผลามออกมาตัวคนเดียวอีกในอนาคต ก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่หญิงสาม ก็ได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเสียชีวิต ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่านอีกคน ข้าคง…”เย่เฉิน มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงรองของเขา
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าก็ปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอ!”ศิษย์พี่หญิงรองของเขาได้กล่าวพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่พึงพอใจ
ทันใดนั้น ลักยิ้มที่สวยงามสองข้างก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงรองของเขา
“ศิษย์พี่หญิงรอง ข้ามีเรื่องที่จะบอกท่าน”เย่เฉิน ได้กล่าวออกมา
“หืม?”มู่หรงชิงเสวี่ย ได้มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยท่าทีที่สงสัย
“อันที่จริงท่านค่อนข้างงดงามเวลาที่ยิ้มมากกว่าใคร ๆ ดังนั้นศิษย์พี่หญิงรองท่านจะช่วยยิ้มให้มากกว่านี้หน่อยจะได้หรือไม่?”เย่เฉิน มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงรองของเขา
มู่หรงชิงเสวี่ย มองไปที่ ศิษย์น้องของนางและมุมปากของนางก็ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา
ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ทั้งสองได้นั่งเคียงข้างกันบนกระบี่บินเวลานี้
ในปัจจุบัน เมฆบนท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงซึ่งมันดูสวยงามเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สวยที่สุดไม่ใช่แสงตะวันยามเย็น แต่เป็นรอยบุ๋มที่งดงามของทั้งสองคน…
…
เย่เฉิน ได้พาศิษย์พี่หญิงรองของเขากลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
โดยเขาขอให้ ศิษย์พี่หญิงรองปกปิดความแข็งแกร่งของเขา ซึ่ง ศิษย์พี่หญิงรองก็เห็นด้วย
เหมี่ยวหาน ที่ฟื้นตัวจากการใช้เทคนิคการฟื้นฟูนิรันดร์ ก็มาหา เย่เฉิน เหมือนกัน โดยนางคาดเดาว่าคนที่ช่วยเหลือนางเอาไว้ ก็คือ เย่เฉิน
แต่ว่า ศิษย์พี่หญิงสาม เหมี่ยวหาน ของเขา คุยง่ายกว่าศิษย์พี่หญิงรองเป็นอย่างมาก ซึ่ง เย่เฉิน ก็ได้ขอให้ ศิษย์พี่หญิงสาม ปกปิดความจริงเรื่องที่ว่าเขาเป็นคนช่วยนางเอาไว้
แม้ว่า เย่เฉิน จะมีพลังในอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าและเทียบเท่าได้กับผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่ เย่เฉิน ก็ยังต้องการฝึกฝนเป็นการส่วนตัว
มันอันตรายที่จะเปิดเผยตัวเองเร็วเกินไป เพราะ ในขณะที่เขาอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ มันจะดีกว่า ที่เขาจะหลบซ่อนตัวในความสันโดษ ก่อนที่เขาจะไปถึงอาณาจักรมหายาน,อาณาจักรเทวะ หรือ แม้แต่อาณาจักรที่เหนือกว่า อาณาจักรทัณฑ์สวรรค์?
…
ยอดเขาอวี๋เซียว
ศิษย์ 2-3 คนได้ปรากฏตัวที่ด้านหน้าของประมุขนิกายอวี๋เซียวพร้อมกับสมบัติบางอย่างในมือ
“ท่านประมุข นี่คือสมบัติที่พวกเราได้รับมาจากแดนลับ ข้าใคร่สงสัยว่าใครกันที่เป็นคนวางพวกมันไว้ที่หน้าประตูภูเขาของยอดเขาอวี๋เซียวของพวกเรา”
ในเวลานี้ ศิษย์อีกคน ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าของประมุขนิกาย
“ท่านประมุข มีข่าวรายงานมาว่า กลุ่มคนจากนิกายอินทรีหิมะ ที่แย่งชิงสมบัติของพวกเราได้ถูกฆ่าตายอย่างน่าสลดใจที่แม่น้ำซานฉวน!”
ซึ่งข่าวได้มาเพิ่มเติมทีละคน
ประมุขนิกายอวี๋เซียว รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากและบ่นพึมพัมออกมาในทันที “เหตุใดถึงมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านปรมาจารย์ยุทธ์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความสันโดษจะเป็นคนลงมือ?”