ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 169 เขาใจกว้างขนาดนี้เลยหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 171 นำวิธีการบ่มเพาะสุดพิเศษเข้าสู่หอสมุด

MDB ตอนที่ 170 ไล่พวกเขาออกไป


“ฮึ่ม…” ไม่ว่าเฉินเฉิงจะไร้ยางอายมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถพูดโกหกอย่างลอย ๆ ได้ เนื่องจากสิ่งที่หลินจินพูดมานั้นเป็นความจริงและถ้าหากเขาไม่ยอมรับความจริงและกล่าวหาว่าสิ่งที่หลินจินพูดนั้นเหลวไหล เขาอาจจะเสี่ยงต่อการทำให้ฝูงชนโกรธเคือง

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่โต้ตอบ หลินจินจึงเดินเกมรุกต่อ

"สูตรที่ข้ากล่าวถึงก่อนหน้านี้เป็นองค์ประกอบของ 'จินตภาพภายนอก' ของเทคนิคการสร้างภาพ มันมีทั้งหมด 56 ประโยคและข้าจะอธิบายอย่างละเอียดทีละประโยค แต่ก่อนหน้านั้น…”

หลินจินหยุดที่นี่ทันทีชี้ไปที่เฉินเฉิงและสาวกไม่กี่คนที่เยาะเย้ยเขาในตอนต้นของการบรรยายและพูดว่า “พวกเจ้าสร้างปัญหาให้ข้าตั้งแต่เริ่มต้น พวกเจ้าพยายามดูหมิ่นข้าอีกด้วย เนื่องจากพวกเจ้าไม่ต้องการฟังข้า พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทำ เชิญออกจากห้องบรรยายไปเสีย ถ้าพวกเจ้าไม่ทำมันจะรบกวนผู้อื่น”

เขาพยายามจะไล่พวกเขาออกไป

เฉินเฉิงและพวกต่างตะลึงงัน ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นนักเลงที่หยาบคายที่สุด เพราะพวกเขาคิดว่าหลินจินจะไม่สามารถสอนอะไรพวกเขาได้

พวกเขาตั้งใจที่จะใช้โอกาสนั้นเพื่อทำให้หลินจินอับอายขายหน้าในที่สาธารณะ แต่ทว่า หลินจินไม่เพียงแต่ให้การบรรยายที่ถูกต้องเท่านั้น เนื้อหาที่กล่าวถึงมีความสำคัญมาก แม้แต่เย่หยู่โจวก็ไม่ทราบสูตรเต็มรูปแบบของเทคนิคการสร้างภาพนี้ หลังจากที่เฉินเฉิงได้ยินว่า 56 ประโยคมีประโยชน์เพียงใด เขาก็ไม่อยากที่จะออกไปเลย

ถ้าเขาทำ มันจะไม่ถือว่าเขาพ่ายแพ้อย่างงั้นเหรอ?

เฉินเฉิงตัดสินใจว่า เขาจะไม่ออกจากห้องบรรยายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เขาเลือกที่จะไม่โต้ตอบ เขานิ่งเงียบ พยายามแสร้งทำเป็นหูทวนลมอย่างไร้ยางอาย

ขณะที่สาวกคนอื่น ๆ ที่เคยสร้างความโกลาหลมาก่อนก็ทำเช่นเดียวกัน

หลินจินยิ้ม เขากล่าวเสริมว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่ออกไป ข้าจะไม่บรรยายต่อ เนื่องจากทุกคนที่นี่ได้ยินสูตรนี้แล้ว พวกเจ้าจึงสามารถนำเนื้อหากลับไปและทำความเข้าใจด้วยตัวเอง”

หลินจินตั้งใจจะทิ้งการบรรยายอย่างดื้อ ๆ

ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ฟังที่เหลือต่างไม่พอใจในทันที

“ศิษย์พี่หลิน ท่านทำอย่างนั้นไม่ได้!”

“สูตรนั้นฟังดูยากเกินไป ดังนั้นท่านจึงต้องอธิบาย! ขอร้องล่ะศิษย์พี่หลินอย่าเพิ่งไป!”

สาวกบางคนเริ่มสงสัยเมื่อเห็นว่าเฉินเฉิงรบกวนการบรรยายของหลินจิน ท้ายที่สุดสิ่งที่เขาทำมันก็ไม่สุภาพจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นสาวกด้วยกันทำการบรรยายแต่ก็ยังต้องการความเคารพในขั้นพื้นฐาน

ก่อนหน้านี้ เมื่อหยางเจี๋ยเป็นผู้พูด เฉินเฉิงไม่เคยสอบสวนเขาในลักษณะนี้

แม้แต่คนงี่เง่าก็สามารถบอกได้ว่าเฉินเฉิงและคนอื่น ๆ ตั้งใจทำสิ่งนี้

ถ้าหลินจินไม่ได้บรรยายเนื้อหาที่ความลึกซึ้งก็คงไม่มีใครห้ามให้เขาออกไป แต่สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างออกไป เนื่องจากมีผู้ชมเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความหมายของประโยคทั้ง 56 ประโยคนี้ได้อย่างแท้จริง พวกเขาส่วนใหญ่รู้เพียงส่วนสำคัญของมันและรอคอยที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้

ถ้าหลินจินหยุดการบรรยายของเขากลางทางเช่นนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเกาผ่านเสื้อผ้า แม้จะเกาโดนจุดที่คันแต่อาการคันยังไม่หายไป ยิ่งปล่อยไว้ก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากขึ้น

ตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นหลินจินอีกต่อไป แม้แต่ผู้ช่วยอาจารย์ที่มาชมการบรรยายก็ไม่กล้าขัดใจเขา และพวกสาวกคนอื่น ๆ ก็ยังต้องการฟังคำอธิบายจินตภาพภายนอกมากกว่านี้

ดังนั้น สาวกคนอื่น ๆ จึงหันไปหาเฉินเฉิงและลูกน้องของเขาเป็นตาเดียว

สายตาทุกคู่กำลังทิ่มแทงพวกเฉินเฉิงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาพยายามทำเป็นไม่สนใจและนั่งต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวด้วยสายตาหลายคู่ที่จ้องมาที่พวกเขา

เฉินเฉิงกำหมัดแน่นขณะที่เขาสาปแช่งหลินจินในใจ อีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของเขาว่า หลินจินไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้แม้ว่าเขาจะยืนกรานที่จะอยู่ต่อ

ในขณะที่เฉินเฉิงทำได้ แต่ลูกน้องของเขาทำไม่ได้ ท้ายที่สุด พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าสาวกที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าพวกเขา เมื่อทุกคนจ้องเขม็งมาที่พวกเขา พวกเขาจะอยู่นิ่ง ๆ ได้อย่างไร?

ตอนนี้คนเหล่านี้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนกองไฟ พวกเขาหันไปมองเฉินเฉิง

เมื่อเห็นเฉินเฉิงยังคง 'ไร้ยางอาย' อยู่ ใครบางคนก็พูดขึ้น “ศิษย์พี่เฉิน ทำไมท่านถึงต้องทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับข้าด้วย?”

สาวกคนนี้กล่าวอย่างคนสุภาพ

แต่ก็มีบางคนที่มีอารมณ์แปรปรวนซึ่งเคยหงุดหงิดกับการกระทำของเฉินเฉิงจนถึงตอนนี้ เขาคำรามอย่างเหลืออดว่า

“ออกไปเดี๋ยวนี้! เจ้าทำตัวรำคาญตั้งแต่ต้น ไม่ว่าใครจะมาพูดในวันนี้ พวกเขาก็มาที่นี่เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาในการบ่มเพาะ แต่เจ้า เฉินเฉิง เจ้ามาที่นี่โดยตั้งใจเล่นงานศิษย์พี่หลินโดยตรง ทั้ง ๆ เขายังไม่ทันจะพูดอะไรเลย ถ้าเจ้าไม่อยากฟังให้รีบออกไปซะ มันเสียเวลาของคนอื่น!!”

“ใช่ ออกไป!”

"ไปซะ!"

"ไสหัวออกไป!!"

เมื่อมีคนเริ่มก็ต้องมีคนตาม เสียงก่นด่าเริ่มทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่ว่าเฉินเฉิงจะไร้ยางอายมากเพียงใด แต่สุดท้ายมันก็มีขีดจำกัด ในที่สุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกลูกน้องก็ทำตามเขาอย่างรวดเร็วและหนีไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ

นอกประตู เฉินเฉิงเกือบจะร้องไห้ด้วยความโกรธ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเขาจะถูกฝูงชนโห่ไล่เช่นนี้ เขาไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน

“หลินจิน ข้า เฉินเฉิงจะไม่มีวันให้อภัยแก!” เขาสาปแช่งได้ไม่นาน ใบหน้าอัดบูดบึ้งนั้นก็กลายเป็นรอยยิ้ม “หลินจิน แกต้องเสียสละอย่างมากโดยเปิดเผยเทคนิคการบ่มเพาะที่เป็นความลับของแกออกมา แม้ว่ามันจะทำให้แกได้หน้าได้ตา แต่สิ่งเหล่านั้นมันกลับทำให้หยางเจี๋ยขุ่นเคืองต่อแกมากขึ้น หยางเจี๋ยจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างเด็ดขาด!!”

ภายในห้องบรรยาย หยางเจี๋ยแสดงททาทีเคร่งขรึมออกมา

'หลินจินคนนี้สอนทุกคนถึงวิธีการบ่มเพาะอันล้ำค่า แต่สิ่งที่เขาทำนั้น มันจะทำให้กลายเป็นเรื่องยากสำหรับข้าไม่ใช่หรือ?’

หยางเจี๋ยไม่สามารถตำหนิได้ที่จะมีความคิดเช่นนี้เพราะการบรรยายที่ผ่านมาของเขาไม่เคยพูดถึงวิธีการบ่มเพาะเลย เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับคำอธิบายคาถาและแบ่งปันประสบการณ์การบ่มเพาะของเขา

สิ่งที่หลินจินพูดในวันนี้มีประโยชน์มากกว่าที่หยางเจี๋ยมอบให้อย่างน้อยสิบเท่า

สำหรับคนอย่างหยางเจี๋ย เขาที่ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีมาก เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าในที่แจ้ง

เขาทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว

หยางเจี๋ยลุกขึ้นและจากไป

สิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่านั้นก็คือไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อเขาจากไป สาวกทุกคนในห้องบรรยายต่างก็ให้ความสนใจกับหลินจิน

หยางเจี๋ยเร่งฝีเท้าออกไป

คำอธิบายของหลินจินมีขึ้นเพื่อเสริมสูตรที่เขาให้ประโยคต่อประโยค สำหรับบางประโยค คนสิบคนอาจสร้างการตีความที่แตกต่างกันสิบแบบ บางอันก็ไม่ถูกต้อง บางอันก็ตรงประเด็นและมันควรจะเป็นอย่างนั้น บางประโยคมีการตีความที่ถูกต้องมากกว่าหนึ่งรายการ

เหมือนทางเดินขึ้นภูเขา บ้างก็คดและปีนยาก บ้างก็เดินง่าย

คำอธิบายที่ดีสามารถช่วยปรับปรุงการบ่มเพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับบางคนที่มีทักษะในการเข้าใจต่ำกว่าคนทั่วไป พวกเขาจะชอบคำตอบที่เตรียมพร้อมมากกว่า

ในขณะเดียวกัน บางคนที่เข้าใจสูตรแล้วยินดีที่จะฟังเช่นกันเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างความเข้าใจของเขากับของหลินจิน

ในบรรดาผู้ฟังรวมถึงผู้ช่วยอาจารย์ที่มีพันธสัญญาโลหิตอยู่ในอาณาจักรที่ห้าซึ่งมีประสบการณ์และความสามารถมากกว่าสาวก พวกเขาเข้าใจทั้ง 56 ประโยคของสูตรการสร้างภาพของหลินจินและพบคำตอบของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตื่นเต้นเป็นพิเศษกับคำอธิบายของหลินจิน

'หลินจินคนนี้ต้องพบกับปาฏิหาริย์หรือเรียนรู้สูตรทั้ง 56 ประโยคนี้จากผู้ฝึกตนที่ยอดเยี่ยม หากเขาจะอธิบายตามความเข้าใจของเขา มันอาจจะไม่ได้เหนือกว่าเรา เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เราสามารถให้คำแนะนำบางอย่างแก่เขาได้เพื่อตอบแทนความกรุณาของเขาที่แบ่งปันสิ่งนี้กับเรา’ ผู้ช่วยอาจารย์คนหนึ่งรำพึงในใจ

อีกหลายคนก็คิดเหมือนกัน

นอกจากนี้ยังมีคนที่คาดเดาว่าคำอธิบายของหลินจินอาจได้รับจากผู้เชี่ยวชาญคนั้น

ทุกคนเงียบ ปล่อยให้เสียงของหลินจินบรรยายอย่างลื่นไหล

มีการอธิบายทุกคำและประโยคอย่างละเอียดถี่ถ้วน ขณะที่พวกเขาฟัง ฝูงชนก็ตกใจ และในเวลาเดียวกัน หนึ่งในข้อสงสัยของพวกเขาได้รับการยืนยัน

สูตรและคำอธิบายของหลินจินต้องได้รับจากผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากผู้เป็นศิษย์คงไม่สามารถบรรลุความเข้าใจในระดับนี้ได้

มันมีรายละเอียดมากเกินไป

การอธิบายอย่างละเอียดนั้นลึกซึ้งและการฟังหลินจินก็เหมือนกับได้ฟังผู้ฝึกตนที่มีประสบการณ์มาบรรยาย

เมื่อส่วนนี้จบลง ต่อไปเป็นการสรุปการบรรยายของหลินจิน เนื่องจากยังมีเวลาเหลืออยู่ เขายังไม่ได้ลงจากเวทีทันทีแต่ถามว่า

“หากมีอะไรที่พวกเจ้าไม่เข้าใจ อย่าลังเลที่จะถามคำถามข้า”

ช่างเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้

ผู้ช่วยอาจารย์ที่มาฟังบรรยายถึงกับอึ้ง

ไม่ยากเลยที่จะท่องในสิ่งที่เขารู้ อย่างไรก็ตาม การตอบคำถาม มันเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า หากปราศจากรากฐานความรู้ที่แน่น หลินจินจะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอนหากเขาไม่สามารถตอบได้อย่างถูกต้อง

ดังนั้น ข้อเสนอนี้ของเขาจึงทำให้ผู้ช่วยอาจารย์รู้สึกงุนงง หลินจินสามารถท่องสูตรและคำอธิบายจากความทรงจำได้ แต่ทฤษฎีนี้ถูกหักล้างทันทีที่เขาเสนอให้ตอบคำถามของพวกเขา

สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขาเข้าใจหัวข้อนี้อย่างลึกซึ้งและมีความรู้ที่แท้จริง

ทันทีที่หลินจินกล่าวว่ามีการยกมือขึ้นมากมาย

ในหมู่พวกเขา มือของเซว่ป่าเอ๋อร์ถูกยกขึ้นสูงสุด เธออยู่ใกล้มากจนลุกขึ้นยืนขณะที่เธอโบกแขน หวังว่าหลินจินจะสังเกตเห็นเธอ

เธอแสดงออกชัดเจนเกินไป

เป็นการยากที่จะเพิกเฉยต่อเธอและเธอก็ทำให้หลินจินยิ้มได้

“ถ้าอย่างนั้น เซว่เป่าเอ๋อร์ เจ้ามีอะไรอยากจะถามข้า”

เซว่ป่าเอ๋อร์ยิ้มจากหูถึงหูเมื่อเธอได้ยินหลินจินพูดถึงชื่อของเธอ เธอลุกขึ้นยืนและถามทันที

“พี่หลิน พี่หลิน ท่านบอกว่าเราสามารถเห็นภาพดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวได้ อีกทั้งเรายังเห็นภาพพืชและสัตว์ได้ มันมีความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้หรือไม่? การนึกภาพดาวเคราะห์จะดีกว่าการมองเห็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดเราจึงควรนึกภาพพวกมันทั้งหมด”

ความคิดของเซว่ป่าเอ๋อร์นั้นแตกต่างไปจากคนทั่วไป สิ่งที่เธอสนใจก็แตกต่างอย่างชัดเจนจากที่อื่นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลินจินยังสามารถตอบคำถามของเธอได้

พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษได้ให้คำอธิบายที่ครอบคลุมแก่เขา แม้ว่ามันจะไม่สามารถตอบคำถามเฉพาะเจาะจงได้ แต่หลินจินสามารถเรียนรู้โดยการเปรียบเทียบ ดังนั้นการตอบคำถามของเซว่ป่าเอ๋อร์จึงไม่ใช่เรื่องยากทั้งหมด

“เซว่ป่าเอ๋อร์ เจ้าต้องไม่จำกัดตัวเอง แม้ว่าสูตรจะระบุไว้ข้างต้นแต่ทุกอย่างในโลกนี้สามารถมองเห็นได้และไม่ได้อยู่ในลำดับชั้นที่แน่นอน เจ้าเพียงแค่ต้องค้นหาสิ่งที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุด ข้าต้องการเสริมว่าใน 'จินตภาพภายนอก' เจ้าต้องเลือกเพียงภาพเดียวเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นเพราะข้าเชื่อว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ความโลภไม่ได้รับประกันผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป” หลินจินตอบ

เซว่ป่าเอ๋อร์ยกมือขึ้นอีกครั้ง

“แล้วพี่หลิน เราจะบอกได้อย่างไรว่ามีอะไรเหมาะกับเราหรือไม่? ตัวอย่างเช่นข้า ถ้าข้าต้องการสร้างภาพ ข้าควรเลือกภาพอะไร?”

หลินจินยิ้ม

ในขณะที่เขาไม่สามารถพูดแบบเดียวกันสำหรับคนอื่นได้ หลินจินต้องอนุมานถึงความเหมาะสมของเซว่ป่าเอ๋อร์แล้วตอบว่า

“การมองเห็นบางสิ่งที่อยู่นอกเหนือตัวเองสามารถชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในใจ และคุณลักษณะเหล่านี้ต้องเสริมซึ่งกันและกัน เจ้ามีบุคลิกที่ร่าเริง ดังนั้นหากเจ้าต้องใช้การสร้างภาพ เจ้าต้องรักษาความสงบของจิตใจและเนื่องจากคุณสมบัติของคุณคือไฟ การนึกภาพธูปหรือดอกไม้นั่นจะเหมาะสำหรับเจ้า”

เมื่อได้ยินคำตอบของหลินจิน เซว่ป่าเอ๋อร์ก็เข้าใจและหยุดถามคำถามอีกต่อไป เธอนั่งลงและเริ่มนึกภาพโดยหลับตา

ถัดมา สาวกอีกคนยกมือขึ้น หลินจินพยักหน้าให้เขาและสาวกคนนี้ลุกขึ้นยืน “พี่หลิน ข้าเคยค้นคว้าวิธีการสร้างภาพมาก่อนและถือว่าข้าค่อนข้างมีความรู้ในเรื่องนี้ แต่หลังจากฟังการบรรยายของท่าน ข้ารู้ว่าข้ายังไม่เข้าใจมันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ข้าได้เห็นภาพบางอย่างแล้วและเป็นการยากสำหรับข้าที่จะเปลี่ยนมันออกมาในขั้นตอนนี้หรือไม่? ข้าสามารถขอคำปรึกษาจากท่านได้หรือไม่ พี่หลิน?”

คำถามนี้ค่อนข้างยุ่งยากมาก

หลายคนหันไปหาหลินจินเพื่อรอคำตอบของเขา แม้แต่ผู้ช่วยอาจารย์ก็ทำเช่นเดียวกันเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร

เฉกเช่นคนที่เดินทางผิดที่อยากจะเริ่มต้นใหม่ มันยากกว่ามือใหม่ที่เริ่มต้นจากศูนย์มาก ไม่ว่าจิตรกรจะเก่งแค่ไหน เขาเองก็จะเลือกวาดภาพบนผืนผ้าใบใหม่ แทนที่จะซ่อมแซมส่วนที่ล้มเหลว

พวกเขาทั้งหมดคิดมากหรือน้อยในสิ่งเดียวกัน

หลินจินไตร่ตรองคำถามครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เจ้าได้สร้างภาพอะไรก่อนหน้านี้?”

“รูปเคารพของเทพเจ้าลัทธิเต๋า ซวนหวู่!”

ซวนหวู่เป็นหนึ่งในเทพโบราณ การดำรงอยู่ของเขาได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือโบราณและจิตรกรได้ผลิตภาพวาดของเทพองค์นี้ตามคำอธิบายที่พบในหนังสือดังกล่าว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด