เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 245
ตอนที่ 245
ก่อนที่หลินซวนจะได้จัดการชายชุดขาวผู้นั้นให้เรียบร้อย ยู่เหวินจ้านเทียนก็คำรามลั่น
“อย่าได้จองหองเกินไปนัก!” ยู่เหวินจ้านเทียนดูบ้าคลั่งไม่น้อย กลิ่นอายรอบกายมันปั่นป่วนยิ่ง ราวกับว่ามันจะเสียสติได้ในทุกวินาที
“กระบี่ชีวิตมรณา!”
ยู่เหวินจ้านเทียนกุมด้ามกระบี่ในมือแน่นและเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า หยดโลหิตค่อยๆ หลั่งไหลลงมา ร่างกายสูงโปร่งของมันราวกับหลงเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ทว่าเลือดทั้งหมดในร่างของถูกสูบออกไปจนแห้งเหือด
ราวกับว่าโลหิตทั้งหมดของมันถูกสูบเข้าไปยังกระบี่เล่มนั้นจนหมดสิ้น จากนั้นมันจึงปล่อยมือของตนออก ร่างแห้งกรังนั้นบ่งบอกได้ว่ามันใช้ทักษะต้องห้ามออกมาเช่นกัน
กระบี่ของมันกลับกลายเป็นสีแดงก่ำและปลดปล่อยกลิ่นเลือดเข้มข้น ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวพลางมองมายังหลินซวนและคำรามออกมาจากส่วนลึก
“มอบชีวิตของเจ้ามาซะ!”
กลิ่นอายที่ออกมาจากกระบี่แดงเลือดเล่มนั้นส่งผลต่อจิตใจของผู้คน ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังสูญเสียพลังชีวิตไปอย่างช้าๆ
เมื่อกระบี่เล่มนั้นบรรลุถึงหลินซวน เขายืนอยู่กับที่โดนมิได้เคลื่อนไหว ราวกับว่าเขากำลังถูกวิญญาณร้ายสิงสู่มิให้เคลื่อนที่
เห็นเช่นนั้น ยู่เหวินจ้านเทียนหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสัตว์ประหลาดเช่นใด เจ้าก็ยังต้องตกตายลงภายใต้กระบี่ของข้า”
กระแสเสียงแห่งความเศร้าใจดังขึ้นมาจากเบื้องล่าง
หลินซวนใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ และนี่ทำให้เขาดูคล้ายกับเด็กน้อยวัยแปดถึงเก้าปี
ในอายุเท่านี้ พละกำลังไร้เทียมทานของเขากล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะไร้พ่ายผู้หนึ่ง ผู้คนทั้งหมดต่างสนใจเพียงการดูชมการต่อสู้ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าหลินซวนจะเติบโตขึ้นรวดเดียวเช่นนี้?
“ช่างน่าเสียดาย อัจฉริยะอีกผู้หนึ่งกำลังจะตกตายลงแล้ว”
ในระหว่างที่ผู้คนขบคิดเช่นนั้น เหตุการณ์ต่อมาทำให้พวกมันทั้งหมดต่างต้องตกตะลึง
มุมปากของหลินซวนยกขึ้น ร่างของเขาเปล่งประกายออกมา และกระบี่สีแดงก่ำเล่มนั้นกวาดผ่านลำคอของเขา เพียงเสี้ยวปลายผม มันจะสามารถสังหารหลินซวนลงได้แล้ว
“อ๊าก!” หลังจากที่หลินซวนหลบได้สำเร็จ ใครบางคงก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา
ผู้คนต่างหันมองไปยังต้นเสียงและพบเห็นดาบสีแดงเลือดนั้นแทงทะลุผ่านหน้าผากของชายในชุดขาวก่อนปักร่างของมันตรึงไว้กับต้นไม้ใหญ่
ดวงตาที่เบิ่งกว้างของมันเริ่มสูญเสียประกายชีวิต ไม่แน่ว่ากระทั่งมันตกตายลงแล้ว มันก็ยังไม่คาดคิดว่าตนเองตายลงด้วยน้ำมือของอัจฉริยะจากตระกูลเดียวกัน
ในเวลานั้นเอง ร่างสีดำก็ร่วงหล่นจากท้องนภา บนอกของมันมีมีดเล่มหนึ่งปักคาอยู่ ร่างของมันบิดหมุนกลางอากาศ และโลหิตไหลทะลักออกมาจากปากราวกับเป็นน้ำพุ
ร่างนั้นคือเฮยซีที่ก่อนหน้านี้ปะทะอยู่กับเสี่ยวหวง เมื่อทุกคนมองไป พวกมันก็ค้นพบว่าร่างของเฮยซีแข็งค้างไปแล้ว
นี่ทำให้ผู้คนต่างตื่นตระหนกอีกครั้ง อัจฉริยะไร้เทียมทานอีกผู้หนึ่งตกตายลงแล้ว สัตว์ประหลาดสองตนนี้มาจากแห่งหนใดกัน?
พวกมันมิเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน ราวกับว่าพวกเขาปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า รุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างสัมผัสได้ถึงความกดดันไร้ที่สิ้นสุด ในยุคสมัยนี้ พวกมันกลับกลายเป็นเพียงผู้ชมข้างสนามไปแล้วหรือ?
กลางอากาศ ยู่เหวินจ้านเทียนเหม่อมองฉากเบื้องหน้าที่ยังเพิ่งสังหารคนตระกูลเดียวกันลงไป ร่างมันสั่นสะท้าน ราชวงศ์อมตะมิยินยอมให้พวกมันเข่นฆ่ากันเอง การลงทัณฑ์ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎนี้รุนแรงยิ่งนัก กระทั่งสีหน้าของผู้บ่มเพาะแดนก่อตั้งจิตยังต้องเปลี่ยนสี เหตุการณ์หลังจากที่มันกลับไปยังราชวงศ์นั้นมิอาจจินตนาการได้
มองไปยังหลินซวนที่ยิ้มร่า ยู่เหวินจ้านเทียนรู้สึกราวกับว่าเบื้องหน้าของมันเป็นปีศาจตนหนึ่ง มันกล่าวด้วยความหวั่นผวา
“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา….. อ๊ากกก”
ยู่เหวินจ้านเทียนกุมศีรษะพลางกรีดร้อง มันไม่อาจทรงตัวกลางอากาศได้อีกต่อไป
ต่อให้มันมิได้ตกตายลงต่อนี้ ความหวาดกลัวที่หลินซวนมอบให้แก่มันก็จะเกาะติดในจิตใจไปตลอดกาล
“ลงไปด้านล่างเสีย” หลินซวนเอ่ยอย่างเรียบเฉย
“เหยียบย่าง!” ร่างของหลินซวนเคลื่อนไหว และไปปรากฏเบื้องบนของยู่เหวินจ้านเทียนอย่างไร้สัญญาณเตือน
เพียงคำนั้นก็ตัดสินชะตาชีวิตทั้งหมดของยู่เหวินจ้านเทียน!
ทุกเท้าที่หลินซวนเหยียบลงราวกับเขากำลังส่งสัญญาณเตือนให้ใต้หล้ารับคำสั่ง อักขระแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นคล้ายถูกดึงดูดด้วยการกระทำนั้น
ในยามที่เขาหยุดลง ยู่เหวินจ้านเทียนก็หมดจิตใจที่จะต่อต้าน และมันถูกส่งกระเด็นออกไปร่าวกับว่าวที่สายขาด
เมื่อยู่เหวินคังซึ่งบาดเจ็บสาหัสเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ มันหัวเราะอย่างขื่นขม จากนั้นก็หยุดลงและฆ่าตัวตาย
นั่นเป็นเพราะมันรู้ดีว่าบัดนี้พวกมันมิใช่คู่มือของหลินซวนแม้แต่น้อย การต่อสู้โดยลำพังรังแต่จะทำให้มันอับอายมากยิ่งขึ้น มันจึงตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยตนเอง
อย่างมากที่สุด มันก็เสียวิญญาณแค่บางส่วนเท่านั้น ด้วยทรัพยากรที่เก็บรวบรวมไว้ของราชวงศ์อมตะ มันย่อมสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้
เมื่อรุ่นเยาว์ที่เหลือจากราชวงศ์อมตะเห็นว่าอัจฉริยะทั้งสี่ของพวกมันพ่ายแพ้และถูกกำจัด พวกมันทั้งหมดก็สูญเสียกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปและปรากฏสีหน้ามืดมน
“มันจบแล้ว ทุกสิ่งจบลงแล้ว!” รุ่นเยาว์คนนั้นยอมแพ้ ราวกับว่ามันมองเห็นจุดจบของตนเองแล้ว
“หนี!”
“อ๊า ไว้ชีวิตข้าด้วย”
เบื้องบนท้องนภาราวกับว่ากลายเป็นโรงเชือด พวกมันทั้งหลายต่างกรีดร้องโหยหวนน่าเวทนา เศษร่างกายและหยาดโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
เหล่ารุ่นเยาว์จากกองกำลังอื่นที่มองดูอยู่ต่างนิ่งค้าง เสียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากดังมาจากลำคอ เหตุการณ์เบื้องหน้าช่างโหดร้ายเลือดเย็น นี่เป็นสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นจากคนในรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเขาจริงๆ หรือ?
พวกเขาทั้งหมดพลันจดจำใบหน้าของหลินซวนและเสี่ยวหวงเอาไว้อย่างแม่นยำ หลังจากหนีออกไปแล้ว พวกเขาก็แจ้งข่าวนี้แก่ตระกูลของตนเองหวังจะค้นหากองกำลังเบื้องหลังสัตว์ประหลาดคู่นั้น พวกเขามิอาจจะเป็นศัตรูกับตัวตนเช่นนั้นได้ พวกเขาอาจกลายเป็นนายเหนือของทั่วทวีปแผ่นฟ้าในอนาคต
คนที่เหลืออยู่ของราชวงศ์อมตะต่างหนีตายไปทุกทิศทาง บ้างถึงขั้นขอแค่หลบหนีไปได้จนยอมทำลายการบ่มเพาะของตนเองลง
หลินซวนมิได้หยุดพวกมันหรือใช้อัสนีสวรรค์ทำลายวิญญาณพวกมันเสีย วันหนึ่งเขาย่อมจะไปเยือนราชวงศ์อมตะด้วยตนเอง และสิ่งที่พวกมันต้องชดใช้จะมากมายเป็นร้อยเท่าพันทวี!
…………….
ณ ทางเข้าแดนลึกลับ เหล่าศิษย์ของกองกำลังต่างๆ พากันเข้าไปสำรวจยังภายในของแดนลึกลับนับได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว แดนลึกลับสามารถจะปิดตัวลงเมื่อใดก็ได้ เพื่อการปกป้องอัจฉริยะของพวกเขา ยอดฝีมือของกองกำลังเหล่านั้นจึงถูกส่งมาประจำการยังทางเข้านี้
“ข้าล่ะสงสัยยิ่งนักว่ากองกำลังใดจะเป็นผู้กุมชัยชนะในแดนลึกลับ” ตาแก่ตัวเตี้ยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า กลิ่นอายของเขาไม่อาจสัมผัสได้ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขาส่งผลต่อโลกทั้งใบ ไม่มีผู้ใดกล้าประมาทบุคคลเช่นนี้
“ตระกูลหยินหยางของข้าส่งผู้เยาว์เข้าไปเพียงคนเดียวเท่านั้น เพียงมันรอดออกมาได้ก็พอใจ” กลุ่มหมอกปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะเผยร่างของชายแก่ในชุดป่าน เขามีรอยยิ้มเป็นมิตรบนใบหน้าทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์อมตะมองไปยังชายชราในชุดป่านผู้นั้นก็ยิ้มออกมา
“คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ หากว่าเขากลับกลายเป็นผู้พิชิตแดนลึกลับจริงๆ เล่า?”
ชายแก่ผู้นั้นมิได้ตอบคำถามใด
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรศิลาเอ่ยบางอย่างกับผู้พิทักษ์ราชวงศ์อมตะ
“ราชวงศ์อมตะส่งอัจฉริยะเข้าไปจำนวนมาก ประกอบด้วยวิถีการบ่มเพาะของพวกเขาแล้ว ข้าคาดว่าทรัพยากรที่ได้กลับมาจะมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ได้ยินมาว่ามีเมล็ดพันธุ์จำนวนหนึ่งที่ถูกส่งเข้าไป หนึ่งในนั้นคือยู่เหวินจ้านเทียน พละกำลังของมันเทียบเท่าได้กับลูกของอสูรโบราณ และทักษะกระบี่ของมันก็อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้อาวุโส ผลลัพธ์ที่มันนำออกมาย่อมมิย่ำแย่ ถูกหรือไม่?”
ได้ยินเช่นนั้น ตาแก่ของหอเทพอัคคีก็แค่นเสียง พวกมันเคยแย่งชิงเหยื่อล่อบางส่วนมาจากราชวงศ์อมตะ แต่ไม่คาดคิดเลยว่านั่นจะเป็นการโยนหินทับเท้าตนเองและทำให้หอเทพอัคคีเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ หรือในอีกแง่หนึ่ง พวกมันทำให้ราชวงศ์อมตะรอดพ้นหายนะไปได้
อาวุโสจากนิกายตัดสวรรค์เอ่ยขึ้น
“ข้าได้ยินมาบ้าง และเชื่อว่าอัจฉริยะเหล่านั้นมิเลวเลยทีเดียว”