ตอนที่แล้วร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 98 หุ่นเชิดของต้าไป๋
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป(ฟรี)ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 100 ความเงียบสงบก่อนพายุ

(ฟรี)ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 99 สองปะทะหนึ่ง


ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 99 สองปะทะหนึ่ง (ฟรี)

มู่ไป๋และไคจวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ลู่ซูหลันไม่ได้ขัดขวางพวกเขา เนื่องจากทั้งส้องเตรียมพร้อมสำหรับการลอบโจมตีของเธอแล้ว แต่เธอไม่ได้สนใจพวกเขาด้วยซ้ำ ราวกับว่าเธอกำลังดูแคลน แต่ทั้งสองคนก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเร่งฝีเท้า แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกอับอายที่ถูกละเลย แต่ภารกิจของพวกเขานั้นสำคัญกว่าศักดิ์ศรี ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่ร้านไวน์อย่างรวดเร็ว

พวกเขาจะต้องครอบครองต้นมังกรกำเนิดปฐพี! ผู้นำนิกายผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาจะต้องตัดหัวพวกเขาทั้งสามอย่างแน่นอนหากพวกเขากลับไปโดยปราศจากมัน!

ขานเย่ขมวดคิ้วเนื่องจากชายชราสองคนกำลังพุ่งมาทางเขา เขากำมีดแน่นในขณะที่มองไปยังทั้งสองอย่างแน่วแน่ เขาไม่สามารถประมาทได้!

มู่ไป๋เหลือบมองขานเย่ดูถูกเหยียดหยามในขณะที่ยกเคียวขึ้นด้วยความเจตนาสังหาร!

“ระวังให้ดี ชายคนนี้สังหารผู้อาวุโสซีถีไซ่ป๋อได้ ความแข็งแกร่งของเขาควรอยู่ในระดับเดียวกับเราทั้งคู่” ไคจวินหรี่ตาของเขาในขณะที่ดึงดาบออกมาจากด้านหลัง เขาเป็นผู้ฝึกฝนดาบและเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิด ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงอ่อนแอกว่า ต้าไป๋เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มู่ไป๋เพิกเฉยต่อคำเตือนของไคจวินและเยาะเย้ยอยู่ภายในใจ เขากระโจนเข้าใส่ขานเย่ขณะที่เล็งเคียวไปยังหัวใจของฝ่ายหลัง

“เจ้าสมควรตายเพราะเจ้าสังหารผู้อาวุโสของนิกายซากศพ! ตายเสีย!” มู่ไป๋ตะโกนด้วยแววตาที่ไร้ความปราณี เขาอาจจะแก่ชรา แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาไม่ใช่เรื่องต้องล้อเล่นอย่างแน่นอน

หลังจากผ่านเข้าทะลวงมายังขอบเขตที่ 6 ระดับราชาขั้นสูงสุด ความมั่นใจของขานเย่ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ถอยกลับในขณะที่เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนทั้งสองคนซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาถึงหนึ่งขอบเขต นอกจากนี้ เขายังมีมีดที่สามารถผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย!

เขารู้สึกถึงเจตนาสังหารที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการโจมตีของมู่ไป๋ได้ ดังนั้นเขาจึงรีบรวบรวมแก่นแท้ของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง จากนั้นขานเย่ก็ยกมีดขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง เผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่ไป๋อย่างห้าวหาญ!

มู่ไป๋ประหลาดใจกับความกล้าหาญของขานเย่แต่เขากลับยิ้มเยาะในใจ ‘คิดว่าข้าอ่อนแอเหมือนไอ้ขี้ขลาดซีถีไซ๋ป๋องั้นหรือ? น่าขัน!’

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ไป๋หยุดนิ่งและกลายเป็นเรื่องเย็นเยบ มีดของขานเย่ผ่าเคียวของเขาได้อย่างง่ายดาย!

‘บัดซบ! นั่นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่มันถูกทำลายไปในพริบตางั้นหรือ? เจ้าสารเลวนี้ใช้มืออะไรกัน!’ มู่ไป๋คิดอย่างหวาดกลัว

โชคดีที่เขาสามารถหลบหลีกจากคมมีดได้เพียงเส้นขน ถ้าเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทันเวลา หัวของเขาคงถูกตัดออกมาทันที...

มู่ไป๋รีบถอยห่างจากขานเย่และเหลือบมองมีดด้วยสายตาที่ร้อนรน ‘หากข้าได้มีดเล่มนั้น ความสามารถในการต่อสู้ของข้าจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า’

ไคจวินซึ่งอยู่ด้านหลังมู่ไป๋ไม่ได้ปล่อยให้ขานเย่ได้พักหายใจแม้แต่น้อย เขายกดาบของเขาขึ้นและฟาดไปทันที ทำให้เกิดเสียงฉีกอากาศขณะที่ดาบของเขาเข้าใกล้ขานเย่

“ฟึ่บ!”

ขานเย่รู้สึกได้ถึงขนของเขาที่อยู่ใกล้ปลายดาบของไคจวินเพียงเล็กน้อย ‘ชายชราคนนี้แข็งแกร่งกว่ามาก’ เขาพึมพำในใจ แต่เจตนาการต่อสู้อันแข็งแกร่งได้แวบเข้ามาในดวงตาของเขา!

ชายทั้งสองต่างกวัดแกว่งอาวุธปะทะกัน ทำให้บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถแตะต้องอีกฝ่ายได้

ไคจวินรู้ว่ามีดของคู่ต่อสู้นั้นแปลกประหลาด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าปะทะกับขานเย่โดยประมาทเพียงแค่หลบเลี่ยงการโจมตีของขานเย่

‘มีดของชายผู้นี้ควรเป็นอาวุธเซียนเป็นอย่างน้อย แต่เขาสามารถใช้อาวุธเซียนด้วยขอบเขตบ่มเพาะที่ต่ำต้อยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน’ เท่าที่เขารู้ มีเพียงยอดฝีมือขอบเขตที่ 9 ระดับนักบุญเท่านั้นที่สามารถใช้อาวุธเซียนได้ หากผู้ฝึกตนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำและพยายามควบคุมอาวุธในระดับนั้น มันจะเป็นเพียงแค่การทำร้ายตนเองเท่านั้น แต่ขานเย่ไม่ได้อยู่ในสภาพอย่างที่ว่า อันที่จริง ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกราวกับว่าถูกฉีดเลือดไก่

ไคจวินขมวดคิ้วขณะหยิบโลงศพหินออกจากแหวนมิติ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ด้วยอาวุธขนาดมหึมา เขาจึงตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัว

หลังจากเคาะมือ โลงศพหินของเขาก็เปิดออก เผยให้เห็นศพมนุษย์ที่มีเนื้อเน่าเปื่อย หุ่นเชิดซากศพของไคจวินมีดาบอยู่ในมือขวา ดังนั้นมันจะต้องเป็นผู้ฝึกฝนดาบก่อนที่จะถูกปรับแต่งอย่างแน่นอน

กลิ่นเน่าเหม็นอันเหลือทนได้ลอยออกมาจากโลงศพหิน แต่ไคจวินไม่ได้แม้แต่จะย่นจมูกด้วยซ้ำ

“ข้าต้องยอมรับว่าเจ้ามีความสามารถที่ทำห้ให้ข้าเรียกหุ่นเชิดซากศพของข้าได้ แต่หากเจ้าไร้มีดเล่มนั้น เจ้าจะเหลือคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้าหรือไม่!” น้ำเสียงอันเย็นเยียบของไคจวินทำให้ขานเย่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

หากไม่มีมีด ​​เขาคงจะตายไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ขานเย่มั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้หากอยู่ในขอบเขตเดียวกันเท่านั้น

มู่ไป๋ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ต้องการน้อยหน้า เขาเรียกหุ่นเชิดของเขาออกมา แต่มันก็ไม่ได้ดูน่าประทับใจเท่าอีกคนนัก สิ่งเดียวที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับหุ่นเชิดของเขาคือมันที่แข็งแกร่ง! มันคือหุ่นเชิดที่อยู่ในขอบเขตที่ 7 ระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด

แรงกดดันที่ขานเย่รู้สึกได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อผู้อาวุโสทั้งสองคนของนิกายซากศพเรียกหุ่นเชิดออกมา แม้ว่าเขาจะมีมีดอยู่ เขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของยอดฝีมือสองคนในขอบเขตที่ 7 ระดับจักรพรรดิได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจในการต่อสู้ของขานเย่ไม่ได้สั่นคลอน แต่กลับเพิ่มขึ้น!

ขณะที่ทั้งสามกำลังจะปะทะกัน ออร่าอันแข็งแกร่งหลายแห่งก็ได้ปะทุออกมา ทำให้ทั้งสามคนเหลือบมองไปรอบ ๆ

จิ่วเซินที่กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ของเขาจ้องมองไปยังผู้มาใหม่อย่างสงบ

“เฮสเทีย ธีอา อย่าให้ใครเข้าไปในร้าน หากพวกเขาพยายามจะบุกเข้าไป ให้สังหารพวกเขาทันที” เสียงของเขายังคงเฉยเมยราวกับว่าการสังหารผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย

เฮสเทียและธีอาผงกศีรษะด้วยความนอบน้อมก่อนจะจ้องมองไปยังผู้คนที่รีบไปยังร้าน

ไอซ์หาวนอนและงีบหลับบนตักของจิ่วเซิน การต่อสู้นั้นน่าเบื่อเกินกว่าที่เธอจะทนดูได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด