STY-ตอนที่ 17 ออกจากยอดเขาหยกอมตะและลงชื่อเข้าใช้บนยอดเขาเฉินติง
[ติ๊ง โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่จุดสูงสุดของยอดเขาหยกอมตะ คุณได้รับรางวัลเป็น กายทองคำคงกระพัน]
[ติ๊ง โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่หอคัมภีร์ยอดเขาหยกอมตะ คุณได้รับรางวัลเป็น เทคนิค ‘เก้าหยางแท้จริง’]
[ติ๊ง โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่พระราชวังหยกอมตะ คุณได้รับรางวัลเป็น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ระดับศักดิ์สิทธิ์]
…
หลังจากที่ ศิษย์พี่หญิงรองของเขาออกมาจากการปิดด่านฝึกตน เย่เฉิน ก็ใช้ชีวิตการบ่มเพาะพลังตามปกติ และ เขาได้ลงชื่อเข้าใช้วันละครั้งในแต่ละสถานที่
ยกตัวอย่างเช่น พระราชวังหยกอมตะ หอคัมภีร์ สวนร้อยสมุนไพร และ อื่นๆ
เย่เฉิน ที่ลงชื่อเข้าใช้สถานที่เหล่านี้ เขาได้รับสมบัติมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิด โอสถวิเศษทุกประเภท และ เทคนิคต่อสู้ทุกประเภท นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งที่หลากหลายที่ทำให้ความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
1 ปีได้ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว
ความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน ได้ไปถึงขั้นกลางของอาณาจักรกำเนิดวิญญาณแล้ว
แต่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของ เย่เฉิน ที่เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ นางเพิ่งจะบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณเพียงเท่านั้น
กล่าวอีกนัยนึงคือ เย่เฉิน ได้ใช้เวลาเพียง 1 ปี ในการก้าวข้ามอัจฉริยะอันดับ 1 ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ โดยที่ จ้าวซีเหยา ได้ฝึกฝนก่อนหน้าเขามาตั้ง 4-5 ปี
เหนืออาณาจักรกำเนิดวิญญาณก็คืออาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ และ เหนืออาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณก็คือ อาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า เหนือ อาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า ก็คือ อาณาจักรมหายาน
ศิษย์พี่หญิงทั้งหมดของ เย่เฉิน ล้วนอยู่ในอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณขึ้นไป สำหรับศิษย์พี่หญิงใหญ่ นางอยู่ในช่วงปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณก่อนออกไปฝึกฝน และ ตอนนี้ไม่รู้ว่านางได้ทะลวงด่านพลังเข้าสู่อาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าแล้วหรือยัง
ส่วน เซียนหยกอมตะ ในปัจจุบัน นางอยู่ในช่วงปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร็วในการฝึกฝนของ เย่เฉิน บางทีเขาอาจจะแซงหน้าแม่ของเขาได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
หรือแม้แต่ ประมุขนิกายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ที่อยู่อาณาจักรมหายานเพียงเท่านั้น
ด้วยความเร็วในการฝึกฝนของ เย่เฉิน เขาอาจจะแซงหน้าประมุขนิกายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ได้ภายในไม่กี่ปี
เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น สัมผัสกับรับรู้ของ เย่เฉิน ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เย่เฉิน เข้าใจว่า แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เป็นเพียงมุมเล็ก ๆ ของโลกใบนี้ โดยมันไม่นับว่าเป็นนิกายขนาดใหญ่ด้วยซ้ำ มันถือได้ว่าเป็นนิกายอมตะขนาดเล็กที่เทียบเคียงได้กับความแข็งแกร่งเล็กน้อยของโลกภายนอก
ในเมื่อเขาได้ถูกส่งตัวมายังโลกเช่นนี้ เย่เฉิน จะเต็มใจที่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
สิ่งที่ เย่เฉิน ต้องทำตอนนี้ ก็คือการพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและทำให้ตัวเองเติบโตโดยเร็วที่สุด
ปัจจุบัน เย่เฉิน ก็ยังทำเหมือนเดิม
ทุกวัน เขาจะไปฝึกกับศิษย์พี่หญิงของเขาและเรียนรู้จากพวกนางทุกคน
ในตอนกลางคืน ศิษย์พี่หญิงสามและศิษย์พี่หญิงสี่ ก็อนุญาติให้ เย่เฉิน นอนกับพวกนางได้ ซึ่งทุกครั้งที่เขาผล็อยหลับไป เขามักจะฝันถึงภาพที่เย้ายวนอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เย่เฉิน ไม่ได้นอนหลับสบายทุกคืน ก่อนที่เขาจะนอน เขาจะต้องถืออะไรบางอย่างไว้ในมือก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไป
ดังนั้น…
สำหรับศิษย์พี่หญิงรองของเขา นางค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวยิ่งกว่า นอกจากนี้ นางยังไม่ค่อยชอบนอนตอนกลางคืน และ มักจะหันไปปลูกพืชสมุนไพรแทน จนปล่อยให้ เย่เฉิน นอนอยู่ในห้องเพียงคนเดียว
สำหรับศิษย์พี่หญิงห้าและศิษย์พี่หญิงหก แม้ว่าพวกนางจะปล่อยให้ เย่เฉิน อยู่ในห้องของพวกนาง แต่พวกนางก็เตรียมเตียงเฉพาะไว้ให้ เย่เฉิน ซึ่งพวกนางจะไม่ได้นอนร่วมกับ เย่เฉิน บนเตียงเดียวกัน
ดังนั้น เมื่อ เย่เฉิน นอนตอนกลางคืน เขาจะชอบนอนในห้องของศิษย์พี่หญิงสามของเขามากที่สุด
สำหรับศิษย์พี่หญิงเจ็ด ที่มีอายุแก่กว่า เย่เฉินเพียงแค่ 2 ปี ในปัจจุบัน แม้ว่า นางจะมีเสน่ห์เย้ายวนที่ไม่ธรรมดา แต่ เย่เฉินก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากนัก
ทว่า ที่น่าดึงดูดสายตาของ เย่เฉิน มากที่สุด ก็คือ หน้าอกคู่นั้นที่กำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางการเฝ้ามองของเขา
โดยรวมแล้ว ความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน ในทุกด้านก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน
ซึ่ง เย่เฉิน เกือบจะเชี่ยวชาญเทคนิคการปกปิดกลิ่นอายและเทคนิคปลอมตัวที่ศิษย์พี่หญิงสามของเขาสอนแล้ว อย่างไรก็ตาม เทคนิคการใช้เสน่ห์ ที่ศิษย์พี่หญิงสามภูมิใจเกี่ยวกับมัน เย่เฉิน ยังไม่ได้เรียนรู้
เกี่ยวกับเทคนิคการปรุงยาที่ได้รับการสอนสั่งจากศิษย์พี่หญิงสี่ โดยเทคนิคของเขาก็มาถึงระดับสูงแล้ว ซึ่ง เย่เฉิน สามารถกลั่นโอสถทิพย์ได้หลายแบบด้วยตัวของเขาเอง แม้แต่ เทคนิคการวาดยันต์ หรือ ปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ เขาก็ค่อย ๆ เชี่ยวชาญพวกมัน
นอกจากนี้ เย่เฉิน ยังเชี่ยวชาญ ทักษะด้าน พิณ หมากรุก การประดิษฐ์อักษร และ การวาดภาพ จากศิษย์พี่หญิงห้าแล้ว
สำหรับทักษะการฝึกสัตว์และการใช้พลังจิตวิญญาณที่ ศิษย์พี่หญิงหกเป็นคนสอน มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับ เย่เฉิน และ เขาเกือบที่จะเรียนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ส่วน ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของ เย่เฉิน นางยังคงออกไปฝึกฝนและยังไม่ได้กลับมาในขณะนี้
เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้ทุกวันที่ ยอดเขาหยกอมตะ และ ฝึกฝนในทุกวัน จนวันเวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์พี่หญิงทั้ง 6 ของ เย่เฉิน ต่างก็ให้ความสนใจกับการเติบโตของ เย่เฉิน โดยวันเวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และ พวกนางก็ค้นพบว่า ความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน กำลังจะไล่ตามพวกนางทัน
[ติ๊ง โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของยอดเขาหยกอมตะ คุณได้รับรางวัลเป็น คัมภีร์ผลิตน้ำทิพย์นิรันดร์]
[ติ๊ง โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่สระฝึกกระบี่ ได้รับกระบี่บินระดับศักดิ์สิทธิ์ 100 เล่ม]
[ติ๊ง โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่ห้องลับหยกอมตะ ได้รับแผนภาพเทพปีศาจหยินหยาง]
เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้อย่างต่อเนื่องและพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปอีก 2 ปี
ในเวลานี้ เย่เฉิน มีอายุ 11 ปี แล้ว และ ฐานการบ่มเพาะพลังของเขาก็อยู่ขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ
ยิ่งไปกว่านั้น ฐานการบ่มเพาะพลังของเขา ยังเหนือกว่า ศิษย์พี่หญิงของเขาหลายคน
นอกจากศิษย์พี่หยิงรอง ที่มีความชำนาญในวิถีกระบี่แล้ว คงไม่มีใครที่คู่ควรกับ เย่เฉิน ในเวลานี้
ในเวลานี้ เย่เฉิน ไม่ต้องการให้ศิษย์พี่หญิงของเขาสอนอีกต่อไปแล้ว กลับกัน ศิษย์พี่หญิงเหล่านี้ กำลังเรียนรู้จาก เย่เฉิน แทน
ในขณะนี้ เย่เฉิน มีฐานการบ่มเพาะพลังอยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณ ดังนั้น ฐานการบ่มเพาะพลังของเขา จึงถือได้ว่าอยู่อันดับต้น ๆ ในหมู่ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์
ตราบใดที่เขาทะลวงไปสู่อาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่าได้ เขาจะมีสถานะเดียวกันกับเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ และ มีสถานะด้อยกว่า แม่ของเขา เซียนหยกอมตะ ที่เป็นปรมาจารย์ของยอดเขาหยกอมตะ และ ปรมาจารย์ของยอดเขาอื่นเพียงเท่านั้น
โดย เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้ในสถานที่ทุกที่ของยอดเขาหยกอมตะภายในระยะเวลา 3 ปีมานี้
แม้ว่าหลายสถานที่จะลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้ แต่ เย่เฉิน ก็ค้นพบว่า รางวัลที่ได้รับมันกำลังลดลง
ดังนั้น เย่เฉิน จึงต้องการมองหาสถานที่ใหม่ในการลงชื่อเข้าใช้
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มียอดเขาทั้งหมด 4 ยอดเขา : ยอดเขาอวี๋เซียว,ยอดเขาเฉินติง,ยอดเขาเทียนฉี และ ยอดเขาหยกอมตะ
เย่เฉิน ไม่เคยออกจาก ยอดเขาหยกอมตะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่าเขาจะรั้งอยู่บนยอดเขาหยกอมตะและลงชื่อเข้าใช้ตลอดไปไม่ได้ ดังนั้น เย่เฉิน จึงต้องการออกจาก ยอดเขาหยกอมตะ และ ไปยอดเขาอื่น เพื่อลงชื่อเข้าใช้
ตอนนี้ เทคนิคการปกปิดกลิ่นอายและการปลอมตัวของ เย่เฉิน ได้พัฒนามาจนถึงระดับสูงแล้ว แม้แต่ เหล่าปรมาจารย์ที่ดูแลยอดเขาทั้ง 4 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ก็ไม่อาจมองผ่านความแข็งแกร่งของเขาได้ ดังนั้น เย่เฉิน จึงไม่กลัวที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขา
เย่เฉิน ที่ได้เรียนรู้เทคนิคการปลอมตัวมาก่อน เขาได้เขย่าร่างกายของเขา และ กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มอายุ 17-18 ปี จากนั้นเขาก็ลงจากยอดเขาอมตะ และ บินตรงไปยังยอดเขาเฉินติงที่อยู่ด้านข้างยอดเขาหยกอมตะ
เย่เฉิน มีฐานการบ่มเพาะพลังอยู่ในช่วงปลายของอาณาจักรก่อตั้งจิตวิญญาณแล้ว มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะขี่กระบี่บินหรือขี่เมฆหมอกบินไปมาได้
ดังนั้น เขาจึงได้บินผ่านเมฆและลงจอดบนยอดเขาเฉินติง
ด้วยเทคนิคการปลอมตัวที่กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มอายุ 17-18 ปี และ ยังปกปิดกลิ่นอายพลังของเขา ด้วยวิธีการเหล่านี้ คงไม่มีใครรู้จักเขาในฐานะ เย่เฉิน
ดังนั้น เย่เฉิน จึงได้เดินไปที่ ยอดเขาเฉินติงทีละขั้นตอน
โดย เย่เฉิน ได้มาถึงที่ ห้องโถงเฉินติง ที่อยู่บนยอดเขาเฉินติง ย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ที่ ห้องโถงหยกอมตะ เขาได้ลงชื่อเข้าใช้และได้รับรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มา ดังนั้น เขาจึงสันนิษฐานว่า ห้องโถงของยอดเขาเฉินติง ก็คงจะมีคุณภาพที่ไม่เลวเหมือนกัน
เพราะว่าพลังงานทางวิญญาณได้โอบล้อมอยู่เต็มสถานที่แห่งนี้ และ มันได้กระจายไปทั่วพื้นที่
นี่เป็นสถานที่ที่ดีในการลงชื่อเข้าใช้อย่างแน่นอน ดังนั้น เย่เฉิน จะปล่อยผ่านสถานที่ดังกล่าวไปได้อย่างไร? ดังนั้น เขาจึงได้มองหาสถานที่สำหรับนั่งไขว่ห้างทันที
จากนั้น เย่เฉิน ก็ไม่ได้รีรออีกต่อไปเขาได้ทำการลงชื่อเข้าใช้
“ลงชื่อเข้าใช้!”