ตอนที่ 6 เลเวล 8 จากความพยายาม (1) [อ่านฟรี]
คิม ฮยอกจิน รู้กลยุทธ์ที่จะช่วยในการเคลียร์บทฝึกสอนเป็นอย่างดี ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่บทฝึกสอนเท่านั้น แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นหลังจากจบบทฝึกสอนทั้งหมดนั้นทุกอย่าง นั่นคือสิ่งที่เขาท่องจำมาเป็นเวลาสามปี
‘ฉันรู้รายละเอียดต่าง ๆ ของสนามฝึกสอนนี้ดีกว่าใคร ๆ’
เขาไม่ได้มีเวลาว่างหรือเงิน แม้แต่งานอดิเรกก็เป็นสิ่งที่ไร้ค่าสำหรับเขา แต่เขาก็ยังมีอยู่อย่างหนึ่งและเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขานั้นมีความสุข นั่นคือการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องใต้ดินเล็ก ๆ ของเขาและเปิดดูวิดีโอจากยูทูป
‘เมื่อพูดถึงทฤษฎี ฉันมีความรู้มากกว่าเพลย์เยอร์ส่วนใหญ่’
เขาไม่มีพรสวรรค์ นั่นคือการประเมินที่เขาได้รับ ในโลกของเพลย์เยอร์ที่พรสวรรค์เป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด ‘ไม่มีพรสวรรค์’ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่มีทางขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียวได้ เขาที่ไร้พรสวรรค์ทำเพียงแค่เปิดดูวิดีโอกลยุทธ์ต่าง ๆ ในดันเจี้ยนจากยูทูปหลายครั้งและในความเป็นจริงที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
[ แม้ว่าจะเป็นก็อบลินเด็ก แต่ก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนเลเวล 1 ที่จะเอาชนะมัน]
คำพูดเหล่านั้นไม่มีความหมายสำหรับ คิม ฮยอกจิน การต่อสู้แบบตัวต่อตัวอาจเป็นเรื่องยาก แต่เขารู้จุดอ่อนของมัน
‘จุดอ่อนของก็อบลิน’
ตามที่เขาคาดไว้จุดอ่อนของมอนสเตอร์ระดับต่ำ ก๊อบลินมีจุดอ่อนหนึ่งจุดที่สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนั้นได้ง่าย ๆ
คิ๊ก! คิคิคิคิคิ!
ก็อบลินเด็กยังคงจดจ่ออยู่กับการหั่นข้อเท้าของเด็กสาวคนนั้น
‘ที่หลังของคอ’
เขาหายใจออกยาว ๆ
‘ที่หลังคอตรงกลาง’
หลังคอตรงกลางของมันมีจุดสีดำขนาดใหญ่ นั่นคือจุดอ่อนที่ร้ายแรงซึ่งการโจมตีที่แม่นยำอาจทำให้ก็อบลินนั้นตายได้ในทันที อันที่จริงแล้วตราบใดที่คุณรู้จุดอ่อนของมัน ก๊อบลินก็เป็นมอนสเตอร์ที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นเพราะว่าพวกมันมักจะเคลื่อนที่กันเป็นฝูง ดังนั้นปัญหาจริง ๆ คือจำวนซะมากกว่า
‘ช่องเก็บของ’
ชั่วขณะหนึ่ง นั้นดูเหมือนว่าจะมีแสงสลัว ๆ ออกมาจากมือของเขา แล้วจากนั้นก็มีไอเท็มปรากฏขึ้นมาในมือของเขา สำหรับเขามันไม่ใช่ภาพที่น่าตกใจอะไรขนาดนั้นเลย
[ คุณได้ใช้ดาบเหล็กขึ้นสนิม ]
คิม ฮยอกจิน เดินไปที่ด้านหลังของก็อบลินเด็กอย่างเงียบ ๆ
‘ฉันต้องแทงมันแรง ๆ’
เขาเป็นคนที่พยายามฆ่าแมลงสาบตัวใหญ่ด้วยตัวคนเดียว เขากำลังกัดริมฝีปากอย่างแรง เขาต้องทำมันอย่างสมบูรณ์แบบ
‘ตายซะ!’
ด้วยมือที่กำลังถือดาบเหล็กขึ้นสนิม เขาแทงดาบเข้าที่หลังคอของก็อบลินเด็ก
ฉึบบบ!
ตั้งแต่ปลายใบมีดมาที่ด้ามดาบจนถึงมือของเขา เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกของการแทงทะลุเนื้อ
‘ฉะ- ฉันทำได้’
เขาฆ่ามันในดาบเดียว
เลือดกระเซ็นและบางส่วนกระเซ็นไปที่เสื้อผ้าของเขา แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาไม่มีเวลาที่จะมาตกใจ
[ คุณได้ฆ่าก็อบลินเด็ก ]
[ ได้รับค่าประสบการณ์ ]
มันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่เขาสามารถยืนยันได้ว่าเขาได้รับค่าประสบการณ์ มันเป็นความรู้สึกที่รู้ได้โดยอัตโนมัติจากในหัวของเขา แถบค่าประสบการณ์เพิ่มมาหนึ่งในสาม
‘ฉันฆ่ามันได้จริง ๆ’
ใช่แล้วมันเป็นแค่ก็อบลินเด็กและเขาก็รู้ถึงจุดอ่อนนั้นของมัน แต่การที่เขาสามารถฆ่ามันได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นสามารถอธิบายได้ว่าเขาช่างโชคดีจริง ๆ
‘ฉันโชคดีจริง ๆ’
มันไม่ง่ายเลยสำหรับผู้เริ่มต้นทุกคน ไม่ว่าค่าสเตตัสเริ่มต้นของพวกเขาจะสูงแค่ไหน แต่ในการฆ่ามอนสเตอร์ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
‘เดี๋ยวนะ… ฉันโชคดีจริง ๆ งั้นเหรอ?’ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะสามารถอธิบายอะไรได้อีกนอกเสียจากคำว่าโชคดี แต่… ‘ทำไมมันง่ายจังล่ะ?’
ยังไงมันก็ง่ายเกินไปจริง ๆ เขาไม่มั่นใจที่จะพูดได้เต็มปากว่า ‘โชคดี’ แต่การเคลื่อนไหวของเขาพริ้วไหวราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มากแล้ว
ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับสตรีมเมอร์เซเนียเช่นกัน ปากของเธอแทบจะอ้าไม่ได้จากความตกตะลึงนี้และจากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอคงกำลังเล่าเรื่องนี้ให้กับเหล่าผู้พิทักษ์ฟัง
[ เพลย์เยอร์เลเวล 1 ฆ่าก็อบลินเด็กได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ]
เธอกำลังพูดด้วยหน้าที่นิ่งเฉย แต่ปีกของเซเนียกำลังสั่น มันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของนางฟ้าสตรีมเมอร์ เมื่อใดก็ตามที่พวกเธออารมณ์แปรปรวน ปลายปีกของพวกเธอก็จะสั่น
เขาตัดสินใจจัดการเรื่องสำคัญตรงหน้าของเขาก่อน
“ลุกขึ้นได้แล้ว” ดวงตาของเด็กสาวกำลังขาดสติ “ตามมา ถ้าคุณช้า ผมจะทิ้งคุณไว้ข้างหลังทันที ”
คำพูดเหล่านั้นต้องมีผลแน่ ๆ เพราะเด็กสาวสะบัดหัวและดึงสติของเธอกลับมาทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของ คิม ฮยอกจิน
“น-หนูจะตามไป ”
เขาเดินนำหน้าเธอ ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากเพราะอีกไม่นาน การโจมตีของคลื่นลูกที่สองก็เริ่มขึ้น
เขารีบตรงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อและเมื่อเขาเหลือบมองไปที่ข้างหลังของเขา เขาพบว่าเด็กสาวนั้นที่กำลังเดินตามเขามาอย่างใกล้ชิดในสภาพกึ่งกลัว เมื่อเข้ามาเรียบร้อยแล้วเขาก็ปิดประตู
เซเนียยืนอยู่ท่ามกลางฝูงก็อบลิน ขณะที่เธอกำลังยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังพร้มกับพูดบรรยายสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเธอ บางทีเธออาจกำหนดให้เขาเป็นเป้าหมายหลักของเธอ เพราะเธอไม่ออกห่างจากเขาเลย
“ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าเปิดประตูนี้เด็ดขาด ”
“…”
“เข้าใจไหม? ”
คิม ฮยอกจิน รู้ดีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังตกใจมาก แต่เขาจะทำเป็นเล่นไม่ได้ เพราะนี่คือสนามฝึกสอนที่มีผู้เสียชีวิต 14,500 คนจาก 15,000 คน และเพราะเขาจะมีทางไม่ทำอะไรโง่ ๆ อย่างยอมมอบชีวิตเพื่อเด็กคนหนึ่ง
“ตอบผมสิ เข้าใจไหม?”
เด็กสาวพยักหน้า
“ไม่ว่าใครจะมาหรือว่าพวกเขาจะร้องขออ้อนวอนให้เธอเปิดประตู เธอก็ต้องไม่เปิดประตูเด็ดขาดเข้าใจไหม? ”
“น-หนูเข้าใจ หนูสัญญา”
หญิงสาวถูกครอบงำด้วยความกลัวอย่างสมบูรณ์ สำหรับเธอแล้ว เขาอาจเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอและเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สามารถแทงสัตว์ร้ายตัวสีเขียวที่น่าสะพรึงกลัวจนตายได้ในทีเดียว ความกลัวของเธอเป็นอะไรที่เข้าใจได้
[ การโจมตีคลื่นลูกที่ 2 ของก็อบลินจะเริ่มต้นขึ้นอีกในไม่ช้า ]
[ การตั้งจุดเซฟโซนกำลังเริ่มต้น ]
คิม ฮยอกจิน ถามเธอว่า “เธอได้เสียงประกาศนั่นด้วยใช่ไหม? ”
“ป-ประกาศ?”
“เสียงที่เธอน่าจะได้ยินจากในหัวของเธอ ”
“อ่า…”
ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้จะคิดว่าเสียงนี้ไม่ใช่เสียง ‘การประกาศ’ แต่เธอคิดว่าเธอนั้น ‘ประสาทหลอนไปเอง’
“เธอได้ยินว่าอะไร? ”
“อีกในไม่ช้า… การโจมตีจะเริ่มขึ้นและกำลังมีตั้งจุดเซฟโซน…”
“ที่ไหน?”
“ระ-โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล… ถูกตั้งให้เป็นจุดเซฟโซน ”
“ถูกตัอง”
คิม ฮยอกจิน เดาว่าเด็กคนนี้ได้อเวคขึ้นในฐานะเพลย์เยอร์อย่างเป็นทางการแล้ว
‘เธอได้ยินว่าที่โรงพยาบาลด้วยเหรอ?’
คนที่มีพรสวรรค์ในระดับปกติจะได้ยินถึงแค่ ‘ร้านสะดวกซื้อ’ เท่านั้น ส่วนคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นกว่าคนอื่นจะได้ยินคำว่า ‘โรงพยาบาล’ ด้วยเช่นกัน
‘แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินถึงโรงพยาบาลด้วยล่ะ’
แต่เขาได้ยินประกาศอย่างอื่นเพิ่ม
[ นอกจากนี้ ลานจอดรถที่ ดีทาวเวอร์ ชั้น 2 ยังได้กำหนดให้เป็นจุดเซฟโซนพิเศษอีกหนึ่งที่ด้วย ]
คิม ฮยอกจิน จ้องมองไปที่เด็กสาว
‘ฉันเธอคงจะไม่ได้ยินสินะ’
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้น ดังนั้นสรุปได้ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงประกาศที่บอกว่า ‘ลานจอดรถที่ ดีทาวเวอร์ ชั้น 2’
‘เกิดอะไรขึ้น?’
เขารู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ที่มีจุดเซฟโซนอื่นอีกนอกจากโรงพยาบาล นั่นคือสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะจุดเซฟโซนดังกล่าวไม่เคยปรากฏมาก่อนแม้แต่ในหนังสือที่ถูกเขียนมาจากประสบการณ์ของผู้ที่ผ่านบทฝึกสอนอย่าง ราชาหมัด โซ ยูฮยอน และไม่มีเพลย์เยอร์คนใดที่ผ่านบทฝึกสอนพูดถึงการมีจุดเซฟโซนอื่นในบทฝึกสอน
มีจุดเซฟโซนอยู่ที่ใจกลางสนามฝึกสอน ‘ดีทาวเวอร์’ เหรอ? ถ้ามีก็คงจะไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกนำออกมาเผยแพร่
[การตั้งจุดเซฟโซนได้สิ้นสุดลงแล้ว ]
[ การบุกโจมตีคลื่นลูกที่ 2 ของก็อบลินกำลังเริ่มต้น ]
เขาต้องทำใจให้แข็งเพราะอีกไม่นาน นรกก็จะมาเยือนอีกครั้ง บรรดาผู้ที่หาจุดเซฟโซไม่เจอรวมไปถึงผู้ที่ไม่ได้เข้าไปหลบในอาคารได้เร็วพอ พวกเขาทั้งหมดจะต้องตาย
“ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด!! อันที่จริงอย่าแม้แต่จะมองไปทางประตูเลยจะดีกว่านั่งหันหลังให้ประตูไปเลยน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ”
สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเซฟโซนที่ถูกตั้งขึ้น ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกก็อบลินจะบุกเข้ามาได้จากการพังประตูหรือกระจกเพื่อเข้ามาแม้กระทั่งกับเพลย์เยอร์ด้วยเช่นกัน มีเฉพาะเพลย์เยอร์หรือมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าค่าที่ตั้งไว้เท่านั้นที่จะสามารถทำลายเขตป้องกันเข้าไปได้
ทันทีที่ประตูถูกเปิดจากด้านในจุดเซฟโซนจะถูกยกเลิกทันทีและเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดิ้นรนหรือพบกับความตายที่น่าสยดสยอง
[ หมอกบรรพกาลเริ่มจางลง ]
สภาพข้างนอกที่นอกประตูออกไปนั้นช่างอะไรที่น่าสยดสยอง มีศพนอนอยู่เกลื่อนไปหมด ราวกับว่าเมืองนี้ถูกทาด้วยสีแดงเข้มไปทั้งเมือง มีเศษชิ้นส่วนของเพลย์เยอร์นับไม่ถ้วน กระจัดกระจายไปทั่วพื้นและบนถนนนั้นก็ดั่งนรกบนดินดี ๆ นั่นเอง
“ป-ปะ- เปิดประตู! ฉันบอกให้เปิดประตู! ”
“เปิดทีเถอะ! เปิดประตู ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรด! ”
ผู้คนจำนวนมากมาเคาะที่ประตูร้านสะดวกซื้อและ คิม ฮยอกจิน ก็ไม่มีทางยอมเปิดประตู
‘ไอ้พวกบ้า’ เขากัดริมฝีปากและกำหมัดแน่น ‘นี่มัน... ทรมานใจจริง ๆ’
ที่ข้างนอกร้านสะดวกซื้อมีก็อบลินจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวกันเป็นฝูง ผู้คนรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อต่อสู้กับมัน แต่ก็อย่างที่เขาคิดไว้ พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับจำนวนที่มากขนาดนั้นได้
คิม ฮยอกจิน ทำได้เพียงเฝ้ามองจากข้างใน—จุดเซฟโซน—ในขณะที่ผู้คนที่อยู่ข้างนอกนั่นต้องตายหรือถูกจับกินทั้งเป็น
‘บัดซบบ!!’
เขาไม่ได้หันหน้าหลบไปจากพวกเขาเลย เขาต้องอดทนดู
‘ฉันจะ... จดจำมันทั้งหมด ช่วงเวลานี้ ฉากนี้ ฉันจะไม่มีวันลืมมัน’
เขาตักใจดูมากยิ่งขึ้น
‘ไม่มีทาง ฉันจะไม่วันลืม’
* * *
หนึ่งวันผ่านไป เด็กสาวคนนั้นชื่อ คัง ซุนฮวา เธอกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมหนึ่ง ในตอนแรก เธอขาดสติเพราะความกลัว แต่เธอก็ตั้งสติกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว—ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอแข็งแกร่งกว่าที่คิด นั่นถือเป็นเรื่องที่ดีที่เธอสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
“เอ่อ… หนูขอเรียกคุณว่าโอปป้าได้ไหม? ” (“โอป้า โอปป้า อุปป้า” ให้ใช้เฉพาะผู้หญิง สำหรับเรียกผู้ชายที่เป็นพี่ชาย หรือผู้ชายที่แก่กว่า)
คิม ฮยอกจิน พยักหน้าเล็กน้อย ตอนนี้เขาย้อนกลับมาในอดีตมีอายุยี่สิบปี ด้วยอายุที่ห่างกัน 6 ปี เรียกโอปป้าก็ถูกแล้ว
หลังจากผ่านไปประมาณหกชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มคลื่นลูกที่ 2 มันก็เริ่มเงียบงัน อันที่จริงเขาหมายความว่าแถว ๆ นี้คงมีคนเหลืออยู่ไม่มากนัก
“ ขอบคุณจริง ๆ ที่โอปป้าช่วยชีวิตหนูไว้ หนูยังไม่ได้พูดขอบคุณโอปป้าอย่างเป็นทางการเลย ตอนนั้นหนูกลัวมาก…”
เมื่อมองไปที่ดวงตาของเธอที่แดงก่ำขณะพูด ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้หายจากอาการตกใจเลยซะทีเดียว ใช่แล้วนั่นก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถึงกระนั้นมันก็ค่อนข้างน่าประทับใจที่เธอดูค่อนข้างสงบ—อย่างน้อยก็การแสดงออกของเธอ
“หนูดีใจที่ได้พบคุณนะ โอปป้า ”
“…”
“หนูขอบคุณจากใจจริง ๆ ”
“…”
การสนทนากลายเป็นเพียงการพูดเธอฝ่ายเดียว
“ได้โปรดอย่าโยนหนูออกไปเลยนะ หนูเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่นิสัยดีจริง ๆ นะ หนูล้างจาน ทำความสะอาดและซักผ้าเก่งนะ ”
“…โอ้ อย่างนั้นเหรอ?”
สำหรับคำพูดของเด็กอายุ 14 ปี ถือว่าค่อนข้างแปลก เขารู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ เธอก็ขอให้เขาอย่าทิ้งเธอไป ปกติคนเขาไม่พูดแบบนั้นออกมาทั้งที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ใช่ไหม? เป็นเพราะว่าเธอกลัวการถูกทอดทิ้งอย่างนั้นเหรอ? เขาไม่รู้จะตอบเธออย่างไร
มันเป็นความจริงที่เขานั้นช่วยชีวิตเด็กสาวคนนี้เอาไว้ แต่มันก็เป็นการกระทำที่เขาวางแผนแอบแฝงเอาไว้ ไม่ใช่จากความเมตตาจากใจจริง ๆ ของเขาเลย
“แค่พูดขอบคุณก็พอแล้วล่ะ เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าเราสองคนจะรอดไปจนจบได้ไหม? ”
“…”
“ถ้าจำเป็น ผมก็จะใช้คุณเป็นเหยื่อล่อและวิ่งหนีไป ”
ใบหน้าของซุนฮวาหมองลง เขาตัดสินใจที่จะพูดกับเธอตรง ๆ
ผ่านไปอีกหกชั่วโมง ในระหว่างนี้ ดูเหมือนว่าซุนฮวาจะคุ้นเคยกับเขามากขึ้น
“หนูคิดว่าหนูสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ถ้าหนูได้อยู่กับโอปป้า ทั้ง ๆ ที่หนูก็กลัวเหมือนกัน... ”
เธอพยายามยิ้มอย่างสดใสและพยายามแสดงสีหน้าที่กล้าหาญ
‘เธอดูน่ารักดีแหะ’
มันน่ารักมาก แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น เพียงแค่ว่าเธอนั้นน่ารัก เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกของผู้ชายกับผู้หญิงอย่างแน่นอน ควรจะพูดยังไงดี? เธอเป็นเหมือนหลานสาวของเขา (เพราะก่อนหน้าที่เขาจะย้อนกลับมาในอดีตเขามีอายุ 30 แล้วนั่นเอง)
“โอปป้าดูแข็งแกร่งมาก ๆ ”
“ถ้าผมแข็งแกร่งจริง ๆ ล่ะก็ ผมคงจะเดินออกไปที่นั่นและฆ่าพวกมันให้หมดทุกตัวแล้วล่ะ ”
เขาชี้ไปที่ข้างนอกจุดเซฟโซน มีฝูงก๊อบลินจ้องมองมาที่พวกเขาทั้งคู่ พวกมันกำลังหัวเราะเยาะเย้ยและใช้กระบองของพวกมันทุบที่กระจก ราวกับว่าพวกเขาเป็นสัตว์ที่ติดอยู่ในกรงของสวนสัตว์
ซุนฮวาตกใจหงายหลังจนก้นของเธอกระแทกพื้นและรีบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของ คิม ฮยอกจิน พร้อมกับเสียงกรีดร้อง เธอมีตัวเล็กมากจริง ๆ
“อะ-โอปป้า ไม่กลัวเหรอ?”
“ใครจะรู้?”
เขากลัว แต่สิ่งที่กดดันมากกว่าความกลัวคือความโกรธของเขา การที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำให้ความโกรธก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา
‘หลังจากการบุกโจมตีคลื่นลูกที่ 2…’
จนกว่าจะสิ้นสุดการโจมตีคลื่นลูกที่ 2 ของก๊อบลิน สิ่งที่ต้องทำคือการซ่อนตัว แต่เมื่อคลื่นลูกที่ 2 สิ้นสุดลง สิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนไป
“ผมอาจจะปกป้องคุณไม่ได้ตลอดเวลาเจ็ดวันของการฝึกสอนหรอกนะ ”
“…”
“และผมก็ไม่สามารถปกป้องต่อคุณได้ดีด้วยเหมือนกัน ”
การดูแลตัวเองนั่นก็ยากพอแล้ว
“แต่จะยังไงก็ตาม ผมจะไม่ทิ้งคุณไว้ที่นี่แน่ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเราก็ควรพักผ่อนบ้างเหมือนกันนะ ”
ซุนฮวาจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ดูเหมือนเธอจะกำลังคิดว่าเขาจะทิ้งเธอไปอย่างแน่นอนถึงเธอหลับไปจริง ๆ
“เฮ้ ผมไม่ทิ้งคุณหรอกน่า เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ชีวิตของผมตกอยู่ในอันตราย ผมก็จะไม่มีทางทิ้งคุณไปแน่นอน ดังนั้นเชื่อผมและไปนอนได้แล้ว ”
“โอปป้าจะไม่ทิ้งหนูไปจริง ๆ ใช่ไหม? หนูเชื่อใจโอปป้าได้ใช่ไหม? ”
เธอค่อนข้างกลัวการถูกทอดทิ้งเอามาก ๆ
“ พักผ่อนก่อนเถอะน่า เธอต้องเก็บแรงเอาไว้บ้าง ”
“เข้าใจแล้ว หนูจะทำตามที่โอปป้าบอก ”
หลังจากการบุกโจมตีคลื่นลูกที่ 2 เขาจะต้องเดินผ่านถนนที่เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เพราะจุดหมายของเขาคือจุดจบของการเคลียร์บทฝึกสอน ซึ่งบังเอิญเป็นที่ ‘กวางฮวามุน ดีทาวเวอร์’ ที่เป็นจุดเซฟโซนที่ถูกตั้งและไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน