STY-ตอนที่ 13 ความก้าวหน้าอีกครั้ง และ ศิษย์พี่หญิงรองกำลังจะออกจากการปิดด่านฝึกตน
เย่เฉิน ได้ค่อย ๆ ลืมตาและถอนหายใจออกมายาว
ในขณะนี้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาสบายตัวขึ้นมาก อีกทั้งความแข็งแกร่งของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เขาค่อย ๆ ยับยั้งกลิ่นอายพลังของตัวเองและมองไปยังพื้นที่โดยรอบ เขาพบว่าสถานที่ที่ตัวเองซ่อนตัวนั้นค่อนข้างลึกลับพอสมควร ดังนั้นจึงไม่มีใครควรจะสังเกตุเห็นเขา ทว่าในปัจจุบัน เหมี่ยวหาน ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของ เย่เฉิน
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเป็นคนสร้างภาพมายานั่นงั้นเหรอ?”เหมี่ยวหาน ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม
เย่เฉิน รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
เขากำลังจมอยู่กับการฝึกฝนและไม่ได้สังเกตุเห็นอะไรเลย
“ภาพมายาอะไรงั้นเหรอ?”เย่เฉิน กล่าวถามด้วยความสงสัย
“นี่เจ้าไม่รู้? ในขณะที่เจ้ากำลังฝึกฝนอยู่ เจ้าได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา จนทำให้หอคัมภีร์มีปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น เกี่ยวกับเรื่องนี้มีคนรู้เห็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาต้องการจะรู้ว่าใครกันที่เป็นคนสร้างภาพมายานั่นออกมา!”เหมี่ยวหาน ได้ตอบกลับทันที
เมื่อมาถึงจุดนี้ เย่เฉิน ก็ตกใจเล็กน้อย
‘พลังของช้างศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมากขนาดนี้เชียว? นี่ข้าสามารถปลดปล่อยภาพมายาที่ทรงพลังได้จากการฝึกฝนเพียงครั้งเดียว?’ เย่เฉิน รู้สึกประหลาดใจอย่างลับ ๆ
“เฉินน้อย รีบปกปิดกลิ่นอายพลังของเจ้าเร็วเข้า!”เหมี่ยวหานได้ เตือนสติของเขา
เย่เฉิน ได้พยักหน้า
ซึ่งเขาได้ซ่อนกลิ่นอายพลังของเขาในทันที
เหมี่ยวหาน เป็นที่รู้จักกันในนามของ เทพธิดาลวงตา ดังนั้น เทคนิคการพลางตัวและการปลอมแปลงของนางก็ยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งคู่
และ เย่เฉิน ก็เชี่ยวชาญเทคนิคการปลอมตัวและการปกปิดกลิ่นอายที่เขาเรียนรู้มาจากศิษย์พี่หญิงสามของเขา ดังนั้น ตราบใดที่ เหล่าผู้อาวุโส ไม่ดึงเขามาตรวจสอบเป็นการส่วนตัว เขาก็สามารถซ่อนตัวในฝูงชน โดยที่ไม่มีใครสามารถมองผ่านการปกปิดของเขาได้
ในเวลานี้ มีผู้คนจำนวนมากที่ได้มาที่หอคัมภีร์แห่งนี้
และคนที่มาที่นี่ก็ไม่ใช่เพียงแค่ลูกศิษย์ของยอดเขาหยกอมตะเพียงเท่านั้น
นอกจากยังมีเหล่าผู้อาวุโสของยอดเขาหยกอมตะ ยอดเขาเทียนฉี และ ยอดเขาเฉินติง มาที่นี่ด้วย
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างนอกได้กล่าวถามเสียงดัง “ข้าใคร่สงสัยว่าศิษย์คนใดกันที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ประหลาดก่อนหน้านี้ขึ้นมา ช่วยออกมาแสดงตัวหน่อยได้รึไม่?”
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครในหอคัมภีร์ที่ได้ตอบกลับ
“ด้วยความสามารถดั่งกล่าว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ดังนั้นได้โปรดแสดงตัวออกมาเถอะ!”
ผู้อาวุโสได้ตะโกนออกมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีการตอบรับจากหอคัมภีร์
ผู้อาวุโสคนนึงได้สั่นศีรษะและกล่าวพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าศิษย์คนนี้จะไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขา ลืมมันไปเถอะ พวกเราควรจะพาลูกศิษย์ข้างในออกมาข้างนอกให้หมด และ ด้วยกำลังของเรา เราน่าจะค้นพบเขาด้วยตัวเอง”
เหล่าผู้อาวุโสได้พยักหน้า จากนั้น เขาก็สั่งให้ ศิษย์ที่อยู่ข้างในออกมาทีละคน
ซึ่งในขณะที่ ลูกศิษย์จำนวนมากกำลังออกมา เหมี่ยวหาน ก็ได้จับมือ เย่เฉิน และ เดินตามหลังพวกเขาออกมา
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็น เหมี่ยวหาน และ เย่เฉิน พวกเขาก็ตกใจ
“หรือว่าจะเป็น เหมี่ยวหาน?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้กล่าวถาม
ในเวลานี้…ผู้อาวุโสอีกคนได้สั่นศีรษะและยิ้มออกมา “แม้ว่าเหมี่ยวหานจะมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แต่นางก็มุ่งเน้นไปที่เทคนิคการปลอมแปลงและการปกปิดกลิ่นอาย ดังนั้น นางจึงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าเป็น มู่หรงชิงเสวี่ย หรือ ซู่ชิวหยา อยู่ที่นี่ บางทีข้าคิดว่าอาจจะเป็นพวกนางก็เป็นได้”
ในขณะนี้ สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ เย่เฉิน
“หรือจะเป็นเขา…บุตรชายของเซียนหยกอมตะ?”ผู้อาวุโสคนนึงได้มองไปที่ เย่เฉิน และ บ่นพึมพัมออกมา
เย่เฉิน รู้สึกตกใจ เมื่อเห็นการจ้องมองของเหล่าผู้อาวุโส
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้าง ได้หัวเราะออกมาและตอบกลับ “เห้อ ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าบุตรชายของเซียนหยกอมตะมีรากวิญญาณที่ว่างเปล่า ดังนั้นมันจะเป็นเขาไปได้ยังไงกัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสคนนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็สั่นศีรษะ และ สายตาของพวกเขาก็ละไปจากเย่เฉิน
เย่เฉิน ที่เห็นว่าไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงได้จากไป
เหล่าผู้อาวุโสได้เฝ้ามองอยู่ที่ด้านนอกของหอคัมภีร์ตลอดเวลา และ เฝ้าดูเหล่าศิษย์เดินออกมาทีละคน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครสักคนเดียวที่พวกเขากำลังมองหา
“เป็นไปได้ยังไง? นี่เราไม่สามารถตรวจจับรัศมีของเขาได้เลยงั้นเหรอ?”ผู้อาวุโสคนนึงกล่าวพูดด้วยความประหลาดใจ
สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นได้สั่นศีรษะ
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าศิษย์คนนี้จะไม่อยากเปิดเผยตัวตน เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสีย! ตราบใดที่เรารู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรามีทายาทมังกรในหมู่มวลมนุษย์ แค่นี้ก็เป็นเรื่องดีแล้ว”เหล่าผู้อาวุโส ทำได้เพียงจากไปอย่างสิ้นหวัง
เย่เฉิน ได้ตาม เหมี่ยวหาน ออกจาก หอคัมภีร์
ในขณะนี้ เหมี่ยวหาน มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความประหลาดใจ “เฉินน้อย สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร ข้าเพียงละสายตาจากเจ้าครู่เดียว เจ้าก็ทะลวงด่านพลังอีกแล้ว?”
เนื่องจาก เหมี่ยวหาน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปกปิดกลิ่นอาย ดังนั้น นางจึงชัดเจนมากเกี่ยวกับอาณาจักรพลังของ เย่เฉิน
ในปัจจุบัน เย่เฉิน ได้พัฒนาฐานพลังมาถึงอาณาจักรสร้างแกนกลางแล้ว
อนึ่งจะต้องรู้ว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน เย่เฉิน เพิ่งจะบุกทะลวงไปยังช่วงปลายของอาณาจักรสร้างรากฐาน แต่ตอนนี้ เย่เฉิน ที่เพิ่งเข้าไปในหอคัมภีร์ ก็ได้บุกทะลวงอีกครั้งไปยังอาณาจักรสร้างแกนกลาง
นี่…
ความสามารถในการฝึกฝนนี้มันจะน่าสะพรึงกลัวเกินไปหรือไม่!
อย่างไรก็ตาม เหมี่ยวหาน ก็คุ้นชินกับมันแล้ว นับตั้งแต่ที่ศิษย์น้องเล็กของนางปลุกรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ฐานการบ่มเพาะพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่ง เย่เฉิน ได้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า
นางที่ประหลาดใจกับความสามารถของศิษย์น้องเล็กของนางมาหลายครั้ง ในที่สุด นางก็เริ่มคุ้นชินกับมัน
เย่เฉิน ได้เกาศีรษะและยิ้มออกมา “ขณะที่ข้ารั้งอยู่ในหอคัมภีร์ พอดีข้าได้เกิดการเข้าใจบางอย่าง ทำให้โชคดีมีโอกาสได้ทะลวงด่านพลัง!”
เหมี่ยวหาน รู้สึกอึ้งในทันที
…
หลังจากที่ เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้ในยอดเขาหยกอมตะทุกวัน
เขาก็เดินตามศิษย์พี่หญิงทั้ง 5 ไปเพื่อเรียนรู้
อย่างไรก็ตาม หลังจากไปถึงอาณาจักรสร้างแกนกลางแล้ว ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉิน ก็ช้าลงมาก และ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทะลวงขั้นพลังภายใน 2-3 วัน
แต่ยังไง เย่เฉิน ก็รู้ดีว่า การเร่งรีบมีแต่จะทำให้เกิดผลเสีย ดังนั้น เขาจึงไม่ได้สนใจมันมากเกินไป
หลังจากที่ เย่เฉิน เรียนรู้เทคนิคการปกปิดตัวตนมาจากศิษย์พี่หญิงสามแล้ว เขาก็ได้เรียนรู้เทคนิคการปลอมแปลงมาจากนางอีกด้วย
ฉายา เทพธิดาลวงตา ของ เหมี่ยวหาน ไม่ได้มาจากอะไร ทั้งนี้มันมาจากความสามารถในการปลอมแปลงที่ไร้ที่ติ ที่ทำให้ สามารถเหมือนบุคคลผู้นั้นได้ทุกประการ กระทั่งน้ำเสียงและอารมณ์ก็ยังคล้ายกันมากจนแทบจะไม่เปิดเผยข้อบกพร่องออกมาแม้แต่น้อย
พรสวรรค์ของ เย่เฉิน ก็น่าประหลาดใจ เช่นเดียวกัน เพราะเขาได้เรียนรู้มันอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องการจะเชี่ยวชาญมันอย่างสมบูรณ์ เขาจำเป็นจะต้องใช้เวลามากกว่านี้
เย่เฉิน ได้เรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุจากศิษย์พี่หญิงสี่ของเขา การเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ใช่สิ่งที่จะเรียนรู้ได้ในทันที โดยเฉพาะการปรุงยา เย่เฉิน ทำได้เพียงกลั่นน้ำทิพย์ระดับพื้นฐานได้เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ก็ค่อย ๆ วางรากฐานของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
จากนั้นศิษย์พี่หญิงสี่ของเขา ก็เริ่มสอน เย่เฉิน เกี่ยวกับการปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์
หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็ไปเรียน พิณ หมากรุก การประดิษฐ์อักษร และ การวาดภาพ จากศิษย์พี่หญิงห้าของเขา เกี่ยวกับ พิณ หลังจาก ที่ เย่เฉิน ได้เชี่ยวชาญบทเพลงแห่งการลืมเลือนครั้งใหญ่ พรสวรรค์ของเขาก็ถูกกระตุ้นเช่นเดียวกัน
และ เย่เฉิน ก็ยังคงติดตามศิษย์พี่หญิงห้าของเขาเพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย
ศิษย์พี่หญิงห้า ที่เห็นว่า เย่เฉิน เกือบจะเชี่ยวชาญในการเล่น พิณ แล้ว นางจึงได้เริ่มสอน หมากรุก ให้กับ เย่เฉิน ตามมาด้วย การประดิษฐ์อักษร และ การวาดภาพ
เย่เฉิน ที่อยู่กับศิษย์พี่หญิงห้า เขาได้เล่นพิณและหมากรุกในทุกวัน กระทั่ง แต่งบทกวีและวาดภาพ ซึ่งมันก็ค่อนข้างสนุกไปอีกแบบ
สำหรับ ศิษย์พี่หญิงหกของเขา เย่เฉิน ที่มีเทคนิคการสะกดข่มของเทพ ไม่ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์วิญญาณแบบไหน เย่เฉิน ก็สามารถขู่มันได้โดยแรงกดดันของเขา
อย่างไรก็ตาม ศิษย์พี่หญิงหก ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรเพียงเท่านั้น นางยังคงเป็น ผู้ฝึกสอนการใช้จิตวิญญาณอีกด้วย โดยนางได้เชี่ยวชาญเทคนิคแปลก ๆ ทุกประเภท และ หาก เย่เฉิน ต้องการเรียนรู้เทคนิคแปลกใหม่จากศิษย์พี่หญิงหก เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลาสักพัก
สำหรับ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา…
สิ่งที่ เย่เฉิน ทำ ก็คือการต่อสู้กับนาง เพื่อพัฒนาทักษะการต่อสู้ของเขา
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ต่อสู้กับ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด นางจะระงับความแข็งแกร่งเอาไว้ และ ต่อสู้กับ เย่เฉิน สิ่งนี้ทำให้ เย่เฉิน ได้ชนะนางทุกครั้งไป
และมีหลายครั้งที่เขาเกือบจะทำให้ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดบังคับปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังฝึกฝน ก็มีข่าวดังเข้ามาในหูของเขา
มู่หรงชิงเสวี่ย ศิษย์พี่หญิงรองของเขา กำลังจะออกจากการปิดด่านฝึกตนแล้ว