ตอนที่แล้วEP 5 (Stardew Valley)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 7 (Stardew Valley)มีบางอย่างผิดปกติในเมืองเพลิแกน

EP 6 (Stardew Valley)


Game Leveling Reality Invincible  

EP 6 (Stardew Valley)

ผู้แปล วังวน

หน่านเซียวนั้นหยิบโฉนดและออกจากโต๊ะทำงานตรงนั้นทันทีโดยไม่ลังเล ปรากฎให้เห็นเพียงฉากโรงงานขนาดใหญ่ถูกทิ้งไว้อยู่เบื้องหลังของเขา

  ก่อนจากไป เขาได้ส่งจดหมายลาออกให้กับผู้จัดการ และกล่าวลาเพื่อร่วมงานของอย่างสุภาพและเป็นกันเอง แน่นอนว่าการที่เขาถูกระบบโยนเข้ามาในเกมโดยที่เขาไม่สามารถเลือกได้นั้นมันเป็นเรื่องที่แย่มาก และก็ทำให้เขารู้สึกโมโหอยู่ไม่น้อยแต่ทำอย่างไรได้เขาก็ต้องปล่อยผ่านมันไปและเดินหน้าเคลียร์ภารกิจต่อไป

  ในเวลานั้น หน่านเซียวก็ขึ้นรถบัสและก็เดินทางออกมาจนถึงนอกตัวเมือง อาคารสูงค่อยๆเลือนลางหายไป และในที่สุดก็มองไม่เห็นอาคารสูงเหล่านั้นอีกเลย ตอนที่ถนนที่ดูกว้างกับค่อยๆบีบตัวแคบลงเหลือเพียงหนึ่งเลยและต้องระวังรถฝั่งตรงข้ามที่ขับสวนมาด้วย

  และเวลานั้นหน่านเซียวเองก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา...

  ท่ามกลางหมอกหนา จู่ๆ หน่านเซียวก็รู้สึกว่าไหล่ของเขามีคนกดไว้ และเขาเองไม่สามารถขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย อีกทั้งเหมือนมีถุงดำมาคุมศีรษะของเขาไว้จนเขาแทบจะหายใจไม่ออก  ในเวลานั้นเขาลืมตาขึ้นด้วยความตื่นตระหรกและพบกับคนที่ดูลักษณะแล้วนะจะเป็นผู้ชายร่างใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา! แสงโดยรอบสลัวและมองไม่ค่อยเห็นใบหน้าของชายคนนั้น

  "แขก……"

  ชายคนนั้นพูดขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาไม่เปลี่ยนแปลงมันฟังดูเหมือนเสียงของคนบ้า

  หน่านเซียวคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วใช้แทนเป็นก้อนอิฐ: "นี้จะทำบ้าอะไรกัน บ้านเมืองมีกฎหมายนะโวย คิดจะปล้นกันหรือยังไง เดี๋ยวแกก็โดนส่งไปนอนในตารางหรอก!"

  “แขกมาถึงแล้ว”

  มาถึงอย่างงั้นหรอ มันหมายความยังไง?

  "แขกของของสตาร์ดิววอลเล่ได้มาถึงแล้ว"

  ในที่สุด หน่านเซียวก็พบว่าเขาเองฝันไปในเวลานั้นรถก็หยุดลง และคนที่เขาเห็นภาพเลือนร่างและคิดว่าจะมาทำร้ายเขานั้นคนๆนั้นคือลุงคนขับนั้นเอง

  เขามาปลุกหน่านเซียวให้ลงรถ

  ก่อนที่ลุงคนขับรถจะจากไป ลุงเองได้โทรหาลูอิส นายกเทศมนตรีของเมืองแล้ว และเขาจะส่งคนมารับ พอลงจากรถก็มีคนมารอรับเขาอยู่จริงๆ เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงที่ถือกระดาษสีขาวที่มีคำว่า "หน่านเซียว" เขียนอยู่

  หญิงสาวที่มีผมสีส้มแดงถ้าขาดการจากอายุเธอน่าจะอายุอยู่ในช่วง 30 ปีและบุคลิกของเธอน่าจะเป็นคนอ่อนโยนมากแน่ๆ

  หน่านเซียวเดินไปและกล่าวสวัสดี "สวัสดีครับ ผมหน่านเซียว ผมเคยติดต่อมาทางโทรศัพท์มาก่อนหน้านี้"

  หญิงสาวมองเขาจากหัวจรดเท้าและหัวเราะออกมา: “สวัสดี คุณคือหนานเซียวจริงๆด้วย ฉันชื่อโรบิน และฉันเป็นช่างไม้จากเมืองเพลิแกน นายกเทศมนตรีลูอิสขอให้ฉันมารับคุณและพาคุณไปที่บ้านใหม่ เขาเองจะรออยู่ที่นั่นแล้ว และบ้านของคุณตอนนี้ทางเราได้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว ได้โปรดตามฉันมา ฉันจะพาคุณไปที่ฟาร์ม”

  เมื่อออกจากถนน ทั้งสองมุ่งหน้าไปทางใต้ทันที

  หลังจากเดินได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉันก็มาถึงที่โล่งกว้าง และดูมีแต่ตนไม้ขึ้นรกถึบ พื้นดินเต็มไปด้วยวัชพืชและหิน และดูเหมือนไม่ได้มีใครคอยเคลียร์พื้นที่มาเป็นเวลานาน

  โรบินชี้ไปรอบๆ “ตรงนั้น ที่นั้นคือสวนและฟาร์มซีรีน!”

  ที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้มันเต็มไปด้วยต้นไม้ วัชพืช และหิน อีกทั้งวัชพืชเหล่านี้สูงเกือบจะถึงต้นขาของเขาแล้ว และบริเวณตรงกลางของที่ดินพื้นที่ก็พบบ้านอยู่หลังหนึ่ง

  ตามที่คาดไว้หน่านเซียวพยักหน้าเหมือนกับเขาทำใจไว้แล้วว่าจะต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้

  “มันดูสงบเงียบจริงๆเลยว่าไหม” โรบินชมเชยสถานที่แห่งนี้ “ฉันคิดว่าคุณคงแปลกใจที่เห็นภาพที่รกร้างเช่นนี้”

  “มันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรน่าแปลกใจเลยนิ  เพราะคุณปู่เสียชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว และช่วงนั้นฉันก็ไม่ได้อยู่ดูแลท่านด้วย”

  “ฉันเตือนไว้หนึ่งอย่างเลย อย่าดูถูกพื้นที่แห่งนี้ อันที่จริง ดินแดนนี้มันอุดมสมบูรณ์มาก ตราบใดที่คุณเคลียร์พื้นที่ด้วยความอดทน คุณก็จะสามารถใช้พื้นที่นี้เพาะปลูกและกลายเป็นที่ดินที่ใช้ประกอบอาชีพได้ในอนาคต”

  โรบินพาหน่านเซียวไปที่ด้านหน้าของบ้านไม้ ชี้ไปที่มัแล้วพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูตืนเต้นว่า: "ตั่งดัง นี่คือบ้านใหม่ของคุณ!"

  ชายชราผมหงอกที่สวมหมวกทรงแหลมพร้อมด้วยชุดเอี้ยมเดินออกจากห้องและทักทายหน่านเสี่ยวด้วยรอยยิ้ม: "โอ้ มาถึงแล้วหรอผู้มาใหม่! ยินดีต้อนรับ! ฉันชื่อลูอิส นายกเทศมนตรีเมืองเพลิแกน ฉันได้ยินว่าคุณมาถึงแล้วเลยรีบบึ่งมาที่นี้เลย ดูเหมือนคนในชุมชนเองก็อยากรู้จักคุณด้วย อย่างไรก็ตาม ที่นี่อยู่ห่างไกลมาก น้อยคนที่จะตั้งใจย้ายมาอยู่ที่นี้แบบตั้งใจจริงๆ”

  เขาตบราวบันไดไม้ข้างๆ แล้วพูดด้วยน้ำภาคภูมิใจ “นี่คือบ้านคุณปู่ของคุณ มันสร้างขึ้นมาหลายปีแล้วแต่มันก็ยังแข็งแรงมาก มันทำมาจากไม้อย่างดีเลยว่าไหม”

  ทรงบ้านเป็นยอดแหลมที่สวยมากจริงๆ มีหลังคามุงด้วยกระเบื้องสีส้มแดงที่สวยงามและปล่องไฟบลูสโตน ไม่ต้องถามภถึงคานบ้านเลยว่ามันแข็งแรงขนาดไหน แม้แต่พื้นและผนังก็ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง หลายปีผ่านไป ไม่มีวี่แววว่าบ้านหลังนี้จะเสื่อมโทรมไปเลย แน่นอนว่ามันอาจแข็งแรงพอๆกับกับทองคำหรือไม่ก็เหล็กเลย

  พุ่มไม้ข้างๆนั้นถูกตัดแต่งอย่างสวยงาม ดูเหมือนกล่องจดหมายหน้าบ้านก็จะถูกเปลี่ยนใหม่อีกด้วย และหน้าต่างของบ้านก็ดูสะอาดสะอ้าน นายกเทศมนตรีลูอิสเองเขาพยายามแสดงให้เห็นว่า เขาตั้งใจมาตอนรับหน่านเสี่ยวจริงๆ

  ดูเหมือนภายในบ้านจะถูกจัดระเบียบต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งที่เตียงยังมีผ้านวมนุ่มผืนใหม่และหมอนเองก็ดูใหม่เช่นกัน เมื่อพิจารณาดูแล้วในห้องนี้ถ้า ลุกออกจากเตียงโดยไม่สวมรองเท้าอาจจะทำให้เท้าเย็นได้ อีกทั้งมีพรมอยู่หน้าเตียง เตาผิงดูสะอาดและมีโต๊ะไม้อยู่ข้างๆ  และเก้าอี้ไม้ก็ดูเป็นของใหม่ มีทีวีอยู่ข้างโต๊ะอาหาร และตรงมุมห้องมีกระถางต้นไม้ใบใหญ่เขียวขจี

  ถึงแม้นั้นจะดูห้องธรรมดาเอามากๆ แต่มันก็เป็นห้องที่ถูกจัดวางสิ่งของได้เป็นระเบียบและบรรยากาศภายในห้องมันอบอุ่นเอามากๆเลยทีเดียว

  แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่หน่านเซียวก็รู้สึกซาบซึ้งใจที่ได้รับการตอบรับเช่นนี้

  ที่นี่ใน สตาร์ดิววอลเล่ชุมชนแห่งนี้ดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไปด้วยวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม นายกเทศมนตรี และหญิงสาวที่ชื่อโรบินที่มารับเขาด้วยตัวเองมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นกันเองและเอื้อเฟื้อเผื่อแพร่สมาชิกใหม่ของชุมชนแห่งนี้

  เฮ้ มีกล่องของขวัญวางอยู่ที่พื้นบ้านด้วย

  พอเปิดดูภายในกล่องก็เห็นกองของเมล็ดพาร์สนิปที่นายกเทศมนตรีเตรียมมาไว้ให้  และยังมีจดหมายที่แนบข้อความไว้ โดยภายในเขียนข้อความว่าการปลูกเมล็ดพาร์สนิปนั้นเป็นพืชที่เหมาะสมะที่จะปลูกในพื้นดินที่นี้ที่สุด และเป็นพืชที่เป็นที่ต้องการของเมืองเพลิแกน หากมีพืชผลที่ต้องการขายสามารถนำพืชผลเหล่านั้นวางในหีบข้างบ้านได้เลย จะมีคนมารับพืชผลเหล่านั้นทุกบ่ายสองโมงของวัน

  แม้ว่าเมล็ดพาร์สนิปอาจจะไม่ได้เป็นของที่มีมูลค่าอะไรมากนัก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่และความห่วงใยของคนที่นี้ เมื่อจัดแจ้งทุกอย่างเรียบร้อยทุกคนก็ย้ายกลับกัน

  ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ด้วยความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันหน่านเซียวจึงตัดสินใจเข้านอนเลย

  ข้างนอกหน้าต่างเงียบสงบและเงียบสงบ ฟังเสียงหญ้าและแมลงกระซิบ และใช้เวลาไม่นานเขาก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

  หน่านเซียวตื่นเช้าขึ้นมาด้วยร่างกายที่รู้สึกได้ถึงความสดชื่น และก็รีบลุกออกจากเตียงในทันที

มาลุยกันสักตั้ง เราจะไม่สามารถกลับไปที่โลกหลักได้ถ้าเรายังไม่พัฒนาทักษะด้านการตกปลาตามภารกิจได้ แต่ดูเหมือนว่าฉันยังไม่คันเบ็ดไว้ใช้สำหรับตกปลาเลยนิ ที่นี่คือโลกที่ส่งฉันมาให้ทำภารกิจตกปลาไม่ใช่อย่างงั้นหรอ  แต่ดันไม่มีคันเบ็ดตกปลาให้เนี่ยนะ?

  โชคยังดีที่ฉันพอจะมีเงินในกระเป๋าเหลืออยู่ห้าร้อยเหรียญ ซึ่งน่าจะพอที่จะเอาไปซื้อคันเบ็ดตกปลาได้ ฉันคิดว่าในเมืองเองน่าจะมีคันเบ็ดตกปลาขาย

หน่านเสี่ยวเดินออกจากบ้านไปและมุ่งหน้าไปทางตะวันออกไปยังเมืองเพลิแกน

  ไม่ไกลจากตัวเมืองนั้นเป็นคลินิก ข้างห้องใหญ่มีป้ายเขียนว่า "ร้านขายของชำปิแอร์" ของที่เขาต้องการน่าจะอยู่ในร้านนี้

  "ไม่อย่างงั้น" ปิแอร์คนขายของชำบอก "ที่นี่ไม่มีคันเบ็ดขายหนอก"

  นี้ต้องล้อเล่นกันแน่ๆ? ร้านขายของชำใหญ่ขนาดนี้ไม่ขายคันเบ็ดด้วยซ้ำ?

  “คุณล้อเล่นใช่ไหม” ปิแอร์บอก “คุณลองไปที่เซาท์บีชดูได้นะ ที่นั้นมีวิลลี่ของกะลาสีอยู่ มีร้านขายปลาอยู่ใกล้ท่าเรือด้วย พวกเขาเป็นชาวประมงน่าจะพอรู้เรื่องคันเบ็ดตกปลา ฉันไม่รู้ว่ามีขายหรือเปล่า แล้ว.”

  ในขณะนั้น จู่ๆ ลุงที่สวมแว่นทรงกลมขนาดเล็กเดินตรงเข้ามาในร้านของชำ "ของเซลล์มาแล้ว! ลดราคาสุดๆไปเลย!" เมื่อชายคนนั้นเห็นทุกคน เขาก็เดินเข้ามายัดคูปองส่วนลดด้วยท่าทีที่สดใสและพยายามโปรโมตร้านค้าของเขา "ขอเชิญทุกท่านไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตมอร์ริส! ซูเปอร์มาร์เก็ตที่สะอาด เป็นระเบียบ และราคาถูกที่สุด! อีกทั้งมีสินค้าทุกประเภท! "

  บิแอร์จ้องลุงที่สวมแว่นทรงกลมด้วยความรังเกียจและตะโกนใส่เขา: "มอร์ริส ออกไปจากร้านของฉัน! ที่นี่ไม่ต้อนรับแกออกไปซะ!"

  มอริสที่ใส่แว่นทรงกลม ผูกโบว์สีแดงที่ใหญ่กว่าโบว์ทั่วไป แน่นอนเขาดูมีเอกลักษณ์แตกต่างจากผู้คนในเมืองเพลิแกน

แต่งตัวสบายๆโดยน้อยคนนักที่จะใส่สูทพูกไทด์เดินไปมาเช่นนี้ นอกจากนี้ เขายังเชิญชวนให้ทุกคนไปใช่ซุปเปอร์มารเก็ตที่ชื่อ "มอร์ริส"เสียงตะโกนของเขานั้นทำให้หน่านเซียวเองถึงกับตกใจ และทุกอย่างก็เงียบไปในทันที

  ทุกคนในร้านขายของชำปฏิบัติต่อเขาด้วยความย็นชาและเมินเฉยต่อการกระทำของเขา ผู้ชายคนที่ชื่อมอร์ริสคงจะโด่งดังมากในเมืองเพลิแกน

  เสียงตะโกนของปิแอร์แทบจะไม่หยุดการกระทำของเขาได้เลยด้วยซ้ำ มอร์ริสเองแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และตรงไปที่หน่านเซียวทันที ดูเหมือนเขาเองต้องการที่จะสนทนากับหนานเซียวสักหน่อย

  ดูเหมือนแววตาของเขาจะดูสนใจหน่านเสี่ยวเป็นพิเศษ  หน่านเซียวเองก็คงจะตกใจแววตาเช่นนั้นเหมือนกันและคิดว่าเขาคงคิดว่าฉันเป็นใคร หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าฉันคงเป็นผู้อยู่อาศัยใหม่สินะ?

  เมื่อเสียงตะโกนของปิแอร์แทบจะหยุดการกระทำของชายคนนั้นไม่ได้เลย ปิแอร์จึงพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ ก่อนที่เขาจะออกไป มอร์ริสก็รีบเร่งมือทันทีและเขานำคูปองส่วนลดมาให้หนานเซียว “คุณคงเป็นหน่านเซียวจากฟาร์มสวนอันเงียบสงบตรงนั้นใช่ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกะตือรือร้นเอามากๆ

“ลองแวะมาที่ซุปเปอร์มาเก็ตของฉันสิ มันอยู่ออกไปทางด้านตะวันออกของเมืองถ้าคุณพอมีเวลา ฉันคิดว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราน่าจะมีของที่คุณต้องการอยู่ในนั้น”

  "ไอ้บ้านี้ ออกไปจากร้านของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

  ปิแอร์เข้าเริ่มจะหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ และก็พุ่งเข้าไปหามอร์ริส คว้าเนคไทของ มอร์ริสแล้วโยนเขาออกไปด้านนอกร้าน

เมื่อต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของปิแอร์ รูปร่างของเขาอาจะสู้มอร์ริสไม่ได้ เพราะตาลุงคนนั้นมีน้ำหนักมากกว่า 140 ปอนด์ แต่มอร์ริสกลับถูกโยนออกไปนอกร้านได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะพยายามไล่มอร์ริสไปให้พ้นจากหน้าร้านเข้าส่ะ

  เหลือเชื่อนี้มันบ้าไปแล้ว เขาไปเอาพละกำลังมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน?

  ดูเหมือนพละกำลังของปิแอร์นั้นจะมีมากกว่ามนุษย์ธรรมดารอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองคนอื่นๆ คุ้นเคยกับเรื่อเหล่านี้เป็นประจำ และดูเหมือนพวกเขาแทบจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ

  เมื่อลองตั้งใจดูดีๆ ตอนนี้ปิแอร์เองดูเหมือนเขานั้นจะโมโหสุดขีด? เดี๋ยวก่อนนะตาดำเขาหายไปไหนกันทำไมเหลือแต่ตาขาว

  แน่นอนว่าหน่านเซียวคิดในใจขึ้นมาทันทีว่า ปิแอร์คนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมอย่างแน่นอน

  เขามีสัญชาตญาณว่า โลกในสตาร์ดิววอลเล่ นั้นมีสิ่งแปลกประหลาดมากมาย  ถึงแม้มันจะดูสงบ แต่ในความเป็นจริงอาจจะมีใครบางคนประสงค์ร้ายกับเราอยู่ก็เป็นได้

  แล้วฉันควรจะทำยังไงดี?

  แน่นอนว่าเขาคิดถึงภาพยนตร์สยองขวัญหลายเรื่อง ตัวเอกนั้นจะเริ่มสืบสวนหาความจริงจากผู้ร้าย และทุกอย่างกับถูกวางแผนโดยบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด และสุดท้ายตัวเอกก็สามารถรอดมาได้ด้วยความโชคดี นี้บทของตัวละครจะถูกวางไว้อย่างนั้นหรือเปล่า?

  เขาคิดว่าจะหันไปปฏิเสธมอร์ริสว่า ไม่ แต่ทันใดนั้นหน่านเซียวก็หยุดคิด ถ้าฉันปฏิเสธเขาไปตรงๆมันจะส่งผลร้ายต่อฉันไหม มีเพราะการเดิมพันในภารกิจนั้นก็คือชีวิตของเขาเอง ถ้าเขาถูกฆ่าตายหรือแก่ตายเกมก็จะจบและไม่รู้ว่าหลังจากตายแล้วจะได้กลับไปที่โลกหลักหรือจะต้องตายจริงๆไปเลย ?

  โชคดียังดีที่เป้าหมายของภารกิจคือการเป็นผู้เชียวชาญด้านการตกปลาเท่านั้น ตราบใดที่ฉันไม่ไปยุ่งกับใครจนถึงขั้นทำให้คนๆนั้นไม่พอใจ ฉันก็ยังมีโอกาสที่จะออกจากโลกของสตาร์ดิววอลเล่ได้ ขอเพียงตกปลาได้ถึงระดับที่ภารกิจตั้งไว้ก็เพียงพอ ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ

  เอาล่ะถ้าอย่างงั้นฉันจะต้องหาคนเบ็ดก่อน

  คูปองที่มอร์ริสให้สามารถเอาไปใช้กับร้านของได้ แต่สินค้าของที่นั้นคล้ายกับร้านขายของชำปิแอร์อยู่แล้ว และมันไม่มีคันเบ็ด แน่นอนว่าหล่านเซียวสนใจเพียงคันเบ็ดเท่านั้น ส่วนการเพาะปลูกต่างๆไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย

  ลืมมันไปเถอะอย่างที่ปิแอร์พูด ลองไปร้านขายปลาแถวเซาท์บีชดู

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด