เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 241
ตอนที่ 241
ทันทีกลุ่มขนนกขาวร่อนลงพื้น วิญญาณของยู่เหวินอู๋ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า
“คนที่เหลืออยู่ที่ใด?”
ผู้พิทักษ์ของราชวงศ์อมตะสะกดโทสะในหัวใจของพวกมันลงพลางมองไปยังวิญญาณของยู่เหวินอู๋
เพียงสะบัดมือคราหนึ่ง ปราณวิญญาณบริสุทธิ์ก็ปกคลุมด้วยวิญญาณของยู่เหวินอู่ไว้เพื่อคงสภาพมันมิให้สูญสลายไป
“ในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงผลพฤกษาเชื่อมวิญญาณ ข้าใช้ทักษะหมัดสุสานมิติออกมา จากนั้น ข้าก็มาปรากฏตัวที่นี่….” วิญญาณของมันกะพริบอย่างอ่อนแรง ด้วยพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะนึกถึงความทรงจำในระหว่างที่อยู่ในแดนลึกลับ
ทว่า วิญญาณของมันนั้นหลงเหลือความทรงจำเพียงไม่นานนัก และไม่สามารถจะนึกถึงเหตุการณ์อื่นใดได้มากกว่านี้
เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์ถอดหายใจออกมา
หมัดสุสานมิติเป็นทักษะต้องห้าม คงเป็นเพราะยู่เหวินอู๋ปะทะกับผู้อื่นเพื่อแย่งชิงผลพฤกษาเชื่อมวิญญาณจนต้องใช้ทักษะเช่นนี้ออกมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
ในฐานะกองกำลังเจ้าถิ่น ยู่เหวินอู๋มิใช่อัจฉริยะชั้นยอดแค่เพียงคนเดียวที่ถูกส่งเข้ามาในแดนลึกลับจากราชวงศ์อมตะ และการจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ้างในดินแดนที่ต้องปะทะแย่งชิงกันเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องสามัญ นี่ยังคงเป็นเรื่องที่พวกมันคาดการณ์เอาไว้
“ไม่… อ๊าก!” วิญญาณของตู่กูเจี้ยนปรากฏขึ้นที่ทางเข้าแดนลึกลับตามหลังมาไม่นาน และมันกำลังกรีดร้องโหยหวนดังสนั่น
เมื่อเห็นว่าผู้ที่ปรากฏขึ้นมิใช่อัจฉริยะจากกองกำลังของตน ผู้พิทักษ์ของราชวงศ์อมตะก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นายน้อยเจี้ยน!”
ห้วงมิติพลันถูกฉีกกระชาก และร่างชราภาพของผู้อาวุโสแห่งตระกูลตู่กูก็ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใดก็ย่อมส่งอาวุโสของตนเองมาปกป้องเหล่าผู้เยาว์ทั้งหลาย ทว่าตระกูลตู่กูถึงขั้นส่งอาวุโสที่อยู่ตั้งแต่ครั้งบรรพกาลมาเช่นนี้ ย่อมบอกได้ว่าพวกมันทะนุถนอมตู่กูเจี้ยนเพียงใด
ตาแก่ของตระกูลตู่กูมองไปยังตู่กูเจี้ยนด้วยความตื่นตะลึงและเกรี้ยวกราด
“พวกมันตกตายลงจนหมดสิ้น พวกมันตกตายลงหมดสิ้น…” ตู่กูเจี้ยนตะโกนออกมาอย่างเสียสติ
ตาแก่ผู้นั้นเร่งรีบส่งปราณวิญญาณออกมาด้วยหวังจะรักษาเสถียรภาพของดวงวิญญาณตู่กูเจี้ยนให้มั่นคง
เปรี้ยง!
ก่อนที่ปราณวิญญาณจะบรรลุถึงตัวของตู่กูเจี้ยน วิญญาณที่เหลืออยู่ของมันก็ระเบิดออกมา กลายเป็นจุดแสงสีขาวสว่างบนท้องนภา พร้อมกันนั้นยังมองเห็นร่องรอยของสายฟ้าที่กระจายอยู่ในอากาศ
ตาเฒ่าตระกูลตู่กูชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่มันจะคำรามออกมา
“ว๊าก ข้าขอสาปแช่งให้ตระกูลของเจ้าล่มจมไปพร้อมกับชีวิตของเจ้า!”
เมื่อตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งที่แปลกประหลาดปรากฏอยู่กลางอากาศ มันก็ยื่นมือของตนออกไปก่อนที่จะคว้าจับสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งได้
“อัสนี?”
“หรือว่าจะเป็นใครสักคนจากตระกูลเล่ย?” ตาแก่ตระกูลตู่กูมองสายฟ้าในมือของตนเองพลางเนื้อตัวสั่นสะท้าน
กลุ่มหมอกปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของมัน เสียงที่ราวกับเครื่องจักรกลบางอย่างดังออกมา
“อัสนีสวรรค์จากตระกูลเล่ยของข้ามีสีแดง และทักษะสายฟ้าอื่นๆ เป็นสีขาว อัสนีในมือท่านเปล่งพลังที่ยิ่งใหญ่นัก มันมีทั้งร่องรอยของการทำลายล้างและพลังแห่งชีวิต”
“ข้ามิอาจมองผ่านสายฟ้าเช่นนี้ได้ ต่อให้แยกพลังแห่งการทำลายล้างออกไป มันก็ยังมีพลังที่สามารถฟื้นคืนสรรพสิ่งได้อยู่ และพลังเช่นนี้มิได้เป็นของตระกูลเล่ยเรา”
ตระกูลเล่ยนั้นเป็นกองกำลังที่มีมาแต่ครั้นบรรพกาล แม้ว่าพวกมันจะมิได้เกรงกลัวตระกูลตู่กู แต่ก็ไม่ต้องการจะสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น
“เซียนหญิงและบุตรแห่งสรวงสวรรค์เคยกล่าวถึงสายฟ้าสีม่วงอยู่ หรือว่ามันจะเป็นผู้เดียวกับที่สังหารตู่กูเจี้ยน?”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา มันก็ทำให้ผู้คนโดยรอตื่นตระหนก
“หากมินับลู่สีหลี นี่คืออัจฉริยะไร้เทียมทานคนที่สี่ที่ถูกสังหาร!”
“และพวกเขาอาจจะตายลงภายใต้เงื้อมมือของบุคคลเดียวกัน มันผู้นั้นคือผู้ใด?”
“หรือว่ามันจะเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากหมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ?”
เมื่อชื่อของกองกำลังนั้นถูกเอ่ยถึง รอบด้านพลันเงียบงัน ราวกับว่านี่คือคำต้องห้ามที่ไม่มีผู้ใดอยากพูดถึง
กระทั่งตาแก่ตู่กูยังต้องหุบปาก
หากว่าพวกเขาถูกสังหารด้วยอัจฉริยะจากหมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ลึกลับจริง มันย่อมต้องเก็บกลืนความเกรี้ยวกราดของคนเองลงไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามที
หนึ่งในอาณาเขตทั้งเก้าของทวีปแผ่นฟ้า อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ ถูกตั้งชื่อเช่นนี้ตามชื่อของหมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ
จะมีกองกำลังใดสามารถกระทำเช่นนี้ได้อีก?
หมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ลึกลับเป็นนิกายขนาดยักษ์ที่มีมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ชื่อเสียงนับหมื่นปีของพวกเขากล่าวไว้ว่าความแข็งแกร่งที่พวกเขาครอบครองอยู่สามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งใบ และเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำให้ทวีปแผ่นฟ้ารอดพ้นภัยพิบัติบางประการมาได้
พันปีก่อนเกิดภัยพิบัติ หมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ลึกลับนั้นได้รวบรวมยอดฝีมือทั่วทั้งทวีปแผ่นฟ้ามาเพื่อต่อต้านภัยพิบัติครั้งนั้น
หลังจากภัยพิบัติจบลง พวกเขาได้รับบาดแผลจำนวนมาก ส่งผลให้นิกายนี้ต้องเก็บตัวอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ ตัดขาดจากโลกภายนอก
หากว่าหลินซวนทราบสิ่งที่ผู้คนทั้งหลายกำลังคิดอยู่ เขาคงรู้สึกเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดคุยกัน
……………
ในแดนลึกลับ
หลินซวนกำลังสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“ไม่มีพวกมันคนใดเป็นคนดีเลยจริงๆ ข้าคิดว่าจะปล่อยให้มันรอดชีวิตไปได้ ทว่ามันกลับบังอาจลอบโจมตีเช่นนี้ ข้าจะทำให้แน่ใจว่าแม้แต่ดวงวิญญาณของมันก็จะไม่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้” หลินซวนกำลังเอ่ยด้วยความเกรี้ยวกราด
เดิมที เมื่อหลินซวนเห็นว่าสภาพของตู่กูเจี้ยนน่าอนาถเพียงใด เขาก็วางแผนว่าจะปล่อยมันไป ทว่า เมื่อเขาหันหลังให้ มันกลับต้องการจะลอบโจมตีใส่เสี่ยวหวง นี่ทำให้หลินซวนโกรธจัด
เขาบีบอัดอัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าให้กลายเป็นก้อนสายฟ้าและยัดมันลงไปในดวงวิญญาณของตู่กูเจี้ยน หากว่าหลินซวนยังอยู่ใกล้เคียง มันจะไม่เกิดปฏิกิริยาใดขึ้น
แต่เมื่อมันหนีไป ก้อนสายฟ้าในดวงวิญญาณนั้นจะทำหน้าที่คล้ายกับระเบิดเวลา
“เช่นนั้นข้าจะสังหารมันผู้นี้ด้วย” เสี่ยวหวงมองไปยังหลินซวนที่กำลังโกรธเกรี้ยวและยกหมัดเล็กของตนขึ้นคล้ายจะฟาดมันลง
“อ๊า….”
คนที่เหลืออยู่กุมศีรษะของตนเองเข้าไปพลางรีบร้องขอความเมตตา
หลินซวนหยุดเสี่ยวหวงเอาไว้พลางเผยรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ
“มันจะกลายเป็นเหยื่อล่อปลาตัวใหญ่ให้พวกเรา แล้วเราจะสังหารมันได้เช่นไรกัน?”
เสี่ยวหวงพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจแล้ว
“ข้าขอถามสักนิด คนจากราชวงศ์อมตะที่เหลืออยู่แห่งหนใด?” หลินซวนกำลังเล่นก้อนสายฟ้าจากอัสนีสวรรค์ของตนในมือและมองไปยังชายผู้โชคร้ายเบื้องหน้าเขาด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า
“นี่…”
เมื่อชายคนนั้นเปิดปาก หลินซวนก็ดีดโอสถบางอย่างเข้าไปในปากมันและปรบมือราวกับตนเองเป็นผู้อาวุโสผู้หนึ่ง
“หากเข้ามิต้องการตอบก็ไม่เป็นไร ทว่าสิ่งที่ข้าดีดเข้าไปเมื่อครู่มีนามว่าโอสถพิษแมงป่องสลายใจ หากมิได้รับยาแก้พิษ เจ้าจะต้องทรมานยิ่งนัก” หลินซวนหัวเราะออกมา
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า!” มันโดดขึ้นจากพื้นอย่างเกรี้ยวกราด
หลินซวนและเสี่ยวหวงจึงกระทำการ “สั่งสอน” มันเล็กน้อย
“อ๊า ได้โปรดหยุดทุบตีข้า…”
ได้ยินมันร้องขอความเมตตา หลินซวนและหวงหาวจึงหยุดมือลง มองไปยังชายผู้นั้นที่ถูกทุบตีจนน่วมจนใบหน้าของมันบวมปูด พวกเขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น
“พาพวกเราไปที่นี่เดี๋ยวนี้!” หลินซวนทำท่าจะโจมตีอีกคราเพื่อข่มขู่ให้ชาวผู้นั้นเร่งนำทางพวกเขาไป
ตลอดเส้นทาง มันสบถสาปแช่งออกมา ทำให้หลินซวนและหวงหาวกลอกตาอย่างต่อเนื่อง
ชายผู้นี้ช่างขี้ขลาดทว่ายังรักในการสาปแช่งผู้อื่น ก่อนที่พวกเขาจะทุบตีมัน มันก็เป็นผู้ที่ร้องขอความเมตตาออกมาก่อนผู้อื่น ทันทีที่มันได้ยืนขึ้นหลังจากถูกทุบที มันก็เริ่มสาปแช่งออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็เดินทางมาถึงพื้นที่ซึ่งเหล่าคนจากราชวงศ์อมตะรวมตัวกันอยู่ เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงคนนอกที่กำลังเข้ามา พวกมันก็เริ่มทำตัวดุร้ายทันที
“ยู่เหวินตู่?”
เมื่อเห็นว่าผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นคนของตนเอง พวกมันที่เหลือก็กลับไปประจำการยังที่ของตน
“ยู่เหวินตู่ สองคนข้างๆ เจ้านั้นคือผู้ใด? มิใช่ว่ายู่เหวินอู๋ออกไปพร้อมกับเจ้าหรอกหรือ?” รุ่นเยาว์คนหนึ่งเดินออกมาจากค่ายพักแรมและมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาดุร้าย
“พวกเขา….”
เมื่อยู่เหวินตู่ได้ยินคำถามของยู่เหวินคัง คำพูดของมันก็เริ่มตะกุกตะกักทันที
เห็นเช่นนั้น หลินซวนก็แตะตัวยู่เหวินตู่และเริ่มพูดแทน
“พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ตู่ขอรับ”
มุมปากของยู่เหวินตู่กระตุกไม่เป็นจังหวะ
อัจฉริยะเช่นสองคนนี้ที่สามารถทุบตีตู่กูเจี้ยนและยู่เหวินอู๋ได้อ้างตัวว่าเป็นญาติกับมัน?