บทที่ 42: อาจารย์ลุงผู้ร่ำรวย
บทที่ 42: อาจารย์ลุงผู้ร่ำรวย
ลู่เสี่ยวหรันเดินออกมาจากห้องโถงและเดินตรงไปที่ห้องเก็บสมบัติของนิกายเพื่อไปรับหินวิญญาณตามที่ผู้นำนิกายบอก
เนื่องจากเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงควรจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากเขาปล้นคลังสมบัติของนิกายอสูรกระดูกขาวเมื่อคืนนี้ แม้ว่ามันจะด้อยกว่าคลังสมบัติของนิกายอสูรสวรรค์ แต่เขาก็น่าจะได้รับหินวิญญาณมาอย่างน้อยสองถึงสามล้านก้อน
อย่างไรก็ตาม นั่นก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
สิ่งที่เขาต้องการคือการทำลายล้างนิกายอสูรกระดูกขาวเพื่อทำให้แน่ใจว่าความลับของยอดเขาจื่อฉุ่ยนั้นจะไม่รั่วไหลออกไป ถ้าเขาเกิดโลภในสมบัติของนิกายอสูรกระดูกขาวและเกิดทำแผนแตกขึ้นมา มันก็จะเป็นการ
“โอ้ เสี่ยวหรัน เจ้านี่เอง มานั่งก่อนสิ”
ลู่เสี่ยวหรันเพิ่งมาถึงห้องเก็บสมบัติของนิกาย และพวกผู้อาวุโสก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น พวกเขาดึงเก้าอี้ออกมาและรินชาให้กับเขา มันเป็นฉากที่ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ
มันแตกต่างจากครั้งก่อนมาก
เหตุผลนี้เป็นเพราะความสำเร็จของลุ่เสี่ยวหรันในการสร้างค่ายกลนั้นทรงพลังมาก และนั่นก็ทำให้เขากลายมาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในนิกายอสูรสวรรค์
พวกผู้อาวุโสที่รับผิดชอบดูแลห้องเก็บสมบัติล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งหมด พวกเขารู้วิธีปฏิบัติตนตามสถานการณ์และสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
“เสี่ยวหรัน ไม่ใช่ว่าเจ้าทำงานเสร็จแล้วหรอ? ทำไมเจ้าถึงมาที่ห้องเก็บสมบัติอีกล่ะ?”
ลู่เสี่ยวหรันรับชาจากผู้อาวุโสและจิบชาก่อนจะพูดอย่างเฉยเมย
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผู้นำนิกายได้สั่งให้ข้ามารับหินวิญญาณระดับสูง 300,000 ก้อน เขาบอกว่าเขาต้องการให้ข้าฝึกสร้างค่ายกลเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานชุมนุมค่ายกลที่จะจัดขึ้นที่นิกายเต่าทมิฬในเดือนหน้า”
“อย่างนี้นี่เอง ได้ เราจะไปเอามันมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
ในไม่ช้า ผู้อาวุโสก็เตรียมถุงเล็กๆ ให้กับลู่เสี่ยวหรัน
ลู่เสี่ยวหรันชั่งน้ำหนักถุงเก็บของและรู้สึกว่าน้ำหนักของมันนั้นดูค่อนข้างผิดปกติ เขากวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าไปข้างในและพบว่ามันมีหินวิญญาณระดับสูงทั้งหมด 800,000 ก้อน!
บัดสบ นี่มันมากกว่าสองเท่าของจำนวนที่ผู้นำนิกายกล่าวถึงอีก!
“ผู้อาวุโส หินวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้มันไม่ผิดปกติไปหน่อยหรอ? ผู้นำนิกายบอกว่าเขาจะมอบหินวิญญาณระดับสูง 300,000 ก้อนให้แก่ข้า แต่พวกท่านก็มอบพวกมันถึง 800,000 ก้อนให้แก่ข้า ถ้าผู้นำนิกายรู้เรื่องนี้เข้า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ พวกผู้อาวุโสก็โบกมือและยิ้ม
“ไม่ต้องกังวล จำนวนนั้นแหละถูกต้องแล้ว เราเอาหินวิญญาณออกมาจากคลังแค่ 300,000 ก้อนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 500,000 ก้อนนั้นถูกรวบรวมมาโดยพวกเราเอง นี่ถือว่าเป็นของขวัญแสดงความยินดีกับเจ้าที่สามารถเข้าร่วมกับสมาคมผู้อาวุโสได้สำเร็จ”
ลู่เสี่ยวหรันพยายามจะปฏิเสธ
“ไม่ได้หรอก ข้าไม่สามารถรับหินวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้เอาไว้ได้!”
“ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น!”
“ถ้าอย่างนั้น… ข้าก็ควรจะรับมันใช่ไหม?”
“เอาเลย เอาเลย ถ้าเจ้าไม่รับมัน พวกเราก็คงจะรู้สึกแย่เอา”
“เอาล่ะ ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ข้ายังต้องกลับไปฝึกสร้างค่ายกลอีก ดังนั้นข้าจะไม่รบกวนพวกท่านแล้ว”
“ไปเถอะ ไปเถอะ ธุระของเจ้ามีความสำคัญมาก ในอนาคต หากเจ้าต้องการสิ่งใดและไม่สะดวกที่จะบอกผู้นำนิกาย เจ้าก็สามารถมาบอกเราได้โดยตรงเลย เราอาจจะไม่สามารถช่วยเจ้าได้มากนัก แต่ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เราก็สามารถช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน!”
“ขอบคุณพวกท่านจริงๆ”
หลังจากออกจากห้องเก็บสมบัติแล้ว ลู่เสี่ยวหรันก็รู้สึกว่าสภาพอากาศในวันนี้มีแดดจัดเป็นพิเศษ
ไม่แปลกใจเลยที่มนุษย์ทุกคนบนโลกจะหมกมุ่นอยู่กับอำนาจ
สิ่งนี้ช่างดึงดูดใจเสียเหลือเกิน!
เขาจำได้ว่าเมื่อหนึ่งถึงสองเดือนก่อน ในตอนที่เขาและหลี่เต๋าหรันมาที่ห้องเก็บสมบัติเพื่อขอหินวิญญาณ พวกเขาก็ยังตกเป็นเป้าหมายของการฉ้อฉล พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดสินบนอีกฝ่ายเพื่อให้ปัญหานั้นผ่านพ้นไป
อย่างไรก็ตาม พอมาตอนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็ยังยินดีที่จะมอบหินวิญญาณให้กับเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากหน้าตีนเป็นหลังมือนี้ ไม่ว่าอารมณ์ของลู่เสี่ยวหรันจะมั่นคงแค่ไหน แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกมันดึงดูด
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ดีว่าต้นไม้ที่สูงที่สุดในป่าจะถูกโค่นได้โดยสายลม
แม้ว่าฉากหน้ามันจะดูดีมาก แต่เมื่อเวลาผ่านนานไป ผู้คนที่มีเจตนาร้ายก็จะเริ่มมุ่งเป้ามาที่เขา และวันหนึ่ง เขาก็อาจถูกแทงที่ด้านหลังได้
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยังคงต้องเก็บตัวและอยู่เงียบๆ เข้าไว้
ในขณะเดียวกัน ก่อนที่ลู่เสี่ยวหรันจะกลับไปที่ยอดเขาจื่อฉุ่ย หลี่เต๋าหรันก็ได้มาหาเขาที่ยอดเขาซะก่อน
“ผู้อาวุโสลู่ ผู้อาวุโสลู่ ออกมานี่เร็ว ข้ามีข่าวดีจะบอก!”
ในขณะนี้ บนยอดเขาจื่อฉุ่ยก็มีเพียงหยุนหลี่เกอและอีกสองคนเท่านั้นที่กำลังคัดลอกกฎของยอดเขาจื่อฉุ่ยอยู่
เมื่อได้ยินเสียงนี้ จื่ออู๋เซียก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“นี่คือใครกัน? ทำไมเขาถึงกล้าเรียกชื่อท่านอาจารย์ห้วนๆ แบบนั้น?”
หยุนหลี่เกอกล่าวว่า “เมื่อฟังจากเสียงนี้แล้ว นั่นก็น่าจะเป็นอาจารย์ลุงหลี่เต๋าหรันจากยอดเขาศิลาประหลาด”
ฟางเทียนหยวนกล่าวเสริมว่า “ใช่เขาแน่ๆ”
จื่ออู๋เซียกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถเรียกอาจารย์ของเราด้วยนามสกุลห้วนๆ แบบนี้ได้ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็กำลังพูดถึงชื่อของอาจารย์ของเรานะ! เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน?”
ฟางเทียนหยวนส่ายหัวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ศิษย์พี่ ท่านอย่าประมาทเขาไป อันที่จริงท่านอาจารย์ลุงหลี่ก็เป็นผู้ฝึกตนที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เมื่อนึกย้อนกลับไป ในตอนที่ข้าได้กลายมาเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ ข้าก็ได้พบกับเขามาก่อน ในตอนนั้น เขาก็ได้มอบหินวิญญาณระดับสูงจำนวน 6666 ก้อนแก่ข้าเป็นของขวัญต้อนรับ เมื่อคิดเกี่ยวกับมันแล้ว ถ้าเขาเป็นแค่ลูกปลาตัวเล็กๆ เขาจะสามารถมอบของขวัญชิ้นใหญ่แบบนี้ให้ข้าได้อย่างไร?”
“ห้ะ! เขามอบหินวิญญาณจำนวนมากขนาดนั้นเป็นของขวัญต้อนรับให้เจ้าอย่างงั้นหรอ? เขาจะไม่ร่ำรวยเกินไปหน่อยหรอ?”
ดวงตาของหยุนหลี่เกอแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
“ออกไปต้อนรับท่านอาจารย์ลุงหลี่กันเถอะ ข้าไม่สามารถละเลยท่านอาจารย์ลุงหลี่ได้จริงๆ!”
เมื่อพูดจบ หยุนลี่เกอก็วิ่งออกไปในทันที
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่? อย่างไรก็ตาม ฟางเทียนหยวนก็ได้รับของขวัญต้อนรับไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะออกไปหาอีก นอกจากนี้ จื่ออู๋เซียก็ยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิง ผิวหน้าของเธอไม่ได้หนาและด้านเท่ากับหยุนหลี่เกอ ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงไม่ได้ออกไปตาม
หยุนหลี่เกอมาถึงข้างนอกและโค้งคำนับทันที
“หลี่เกอทำความเคารพท่านอาจารย์ลุงหลี่!”
“เจ้าคือ…?”
หลี่เต๋าหรันตกตะลึง เขามองไปที่หยุนหลี่เกอที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง
“ข้าน้อยหยุนหลี่เกอเป็นศิษย์คนโตของยอดเขาจื่อฉุ่ย!”
“โอ้ ข้าจำได้แล้ว ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสลู่รับศิษย์ที่เส้นลมปราณถูกตัดขาดเข้ามา นั่นคือเจ้าเองหรอ?”
“ถูกต้องแล้วท่านอาจารย์ลุง!”
หลี่เต๋าหรันพยักหน้า
“ดูเจ้าตอนนี้สิ เจ้าดูมีพลังและมีสุขภาพดีมาก เจ้าเริ่มกลับมาฝึกตนได้อีกครั้งแล้วใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ลู่”
“ไหนๆ เจ้าก็สามารถกลับมาฝึกตนได้แล้ว งั้นข้าก็จะไม่ตระหนี่เช่นกัน เอาของขวัญชิ้นนี้ไป”
ขณะที่เขาพูด หลี่เต๋าหรันก็โยนถุงเก็บของให้กับหยุนหลี่เกอ
หยุนหลี่เกอกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าไปและตกใจในทันที
มันคือหินวิญญาณระดับสูงจำนวน 6666 ก้อน
มันเป็นความจริง ศิษย์น้องของเขาพูดจริง อาจารย์ลุงหลี่เป็นผู้ฝึกตนที่ไม่มีใครเทียบได้ตัวจริง!
อันที่จริง เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้หลี่เต๋าหรันกล้าที่จะทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะลู่เสี่ยวหรันมักจะไม่ค่อยรับศิษย์เข้ามา ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีศิษย์เพียงคนเดียวหรือสองคนเท่านั้น ถ้าลู่เสี่ยวหรันมีศิษย์มากกว่านี้ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแจกหินวิญญาณระดับสูงถึง 6666 ก้อน
ทั้งหมดที่เขาทำก็เพื่อลู่เสี่ยวหรันล้วนๆ
อย่างไรก็ตาม หยุนหลี่เกอก็ไม่ทราบเรื่องนี้ เขารีบคำนับขอบคุณหลี่เต๋าหรันในทันที
“ขอบคุณท่านอาจารย์ลุงหลี่!”
“ไม่เป็นไรๆ”
หลี่เต๋าหรันพยักหน้า
“ว่าแต่อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?”