เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 238
ตอนที่ 238
หากหลินซวนอยู่ในที่แห่งนี้ เขาคงจดจำผู้คนได้ทั้งหมด
ทางด้านหนึ่ง เขากำลังเดินอยู่ระหว่างทางก่อนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลัง. เท้าของเขาก้าวช้าลงอย่างไม่รู้ตัว เขาค่อยๆ มองไปรอบด้านด้วยสีหน้างุนงง
“หุบเขาทองคำควรจะอยู่บริเวณนี้. ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้บ่มเพาะจำนวนมาก เหตุใดข้าจึงหาพวกเขาไม่พบ?”
หลินซวนยังคงมองไปโดยรอบ. ต้นไม้ยักษ์สูงใหญ่ราวกับแตะถึงแผ่นฟ้าหยั่งรากอยู่บนภูเขาจำนวนมาก. ปราณวิญญาณโดยรอบแฝงไว้ด้วยพลังของต้นกำเนิดโลหะบางเบา
เสี่ยวหวงทำราวกับว่ามิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเขา เขานำเอาผลวิญญาณออกมาพลางกัดกินมัน แม้ว่าเขาจะแก่กว่าหลินซวนอยู่ราวสามสี่ปี แต่จิตใจของมิได้เป็นผู้ใหญ่เฉกเช่นหลินซวน
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปยังส่วนลึกของป่าแห่งนั้น จมูกของเสี่ยวหวงก็ขยับเล็กน้อยก่อนจะร้องออกมาอย่างประหลาดใจ
“มีของกินน่าอร่อยอยู่ข้างหน้า!”
ดวงตาของหลินซวนสว่างวาบ เสี่ยวหวงอาจจะไม่ได้เก่งกาจเรื่องอื่นนัก ทว่าเขายอดเยี่ยมยิ่งในการสัมผัสถึงกลิ่นอายของผลไม้วิญญาณ เบื้องหน้าย่อมต้อมีของดีบางอย่างอยู่
หวงหาวรีบวิ่งนำหน้าหลินซวนออกไปด้วยมิอาจรอที่จะผลของอร่อยในความคิดได้ไหว
“เสี่ยวหวง รอข้าด้วย” หลินซวนรีบตามไปอย่างรวดเร็ว
ต้นไม้สีแดงต้นเล็กต้นหนึ่งขึ้นอยู่ระหว่างศิลายักษ์สองก้อน กิ่งก้านของมันหนาพอๆ กับแขนของผู้ใหญ่พันเกี่ยวเข้ากับต้นไม้ยักษ์โดยรอบ ผลวิญญาณของมันราวกับไข่มุกเรืองรองที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้ ปลดปล่อยกลิ่นหอมออกมาจางๆ
หลินซวนสูดหายใจเข้าเล็กน้อยและสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณในร่างของเขาที่เริ่มเติบโตขึ้น ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
“หรือว่านี่จะเป็นพฤกษาเชื่อมวิญญาณ?” หลินซวนตกตะลึง
ต้นพฤกษาเชื่อมวิญญาณนั้นสูญพันธุ์ไปนานกว่าหมื่นปีแล้วเพราะกระบวนการเติบโตของมันนั้นเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
ต้นไม้ชนิดนี้ หากว่ามันเติบโตจนใหญ่ยักษ์มากกว่าพันคนโอบและกิ่งก้านสัมผัสท้องฟ้า ในพันปีต่อมา ถ้ามันยังไม่สามารถเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นพฤกษาวิญญาณต้นเล็กเท่าแขนได้ มันจะตายลง
และต้นไม้ขนาดเล็กนั้นยังต้องอดทนต่อการเผาไหม้จากเปลวเพลิงสวรรค์ในทุกพันปีเป็นจำนวนเก้าครั้ง กว่าที่มันจะสามารถวิวัฒน์ตนกลายมาเป็นพฤกษาเชื่อมวิญญาณเช่นที่อยู่เบื้องหน้าของเขาได้
ผลลัพธ์ของผลพฤกษาเชื่อมวิญญาณนั้นเรียกได้ว่ายิ่งว่าฟ้าประทาน ผู้ที่ระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าแดนอาณาเขตม่วงสามารถจะเลื่อนระดับได้หนึ่งขั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อให้เป็นเศษสวะไร้ความสามารถ แต่หากกินผลนี้เข้าไปจะสามารถขยายจุดตันเถียนและบรรลุแดนปราณสร้างรากฐาน
“ไม่ว่ามันคือสิ่งใด แต่รสชาติของมันย่อมมิใช่ชั่วอย่างแน่นอน” เสี่ยวหวงพูดพลางน้ำลายไหลหยดออกมาจากปากก่อนจะยื่นมือเข้าไปคว้าผลนั้นมา
หลินซวนรู้สึกจนคำพูดอยู่บ้าง กระทั่งสมบัติวิญญาณเช่นนี้ยังเป็นเพียงแค่อาหารในสายตาของเสี่ยวหวง
ใบไม้ร่วงหล่นอย่างช้าๆ ม่านตาของหลินซวนหดลง เท้าสาดแสงและเขาก็หายไปจากจุดที่เคยยืนอยู่อย่างฉับพลัน
“เสี่ยวหวง ระวัง!”
ควับ!
ท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยจุดสีดำนับไม่ถ้วน ลูกศรแหลมคมและปราณวิญญาณกระหน่ำเข้ามา
หลินซวนในหมัดโค่นต้นไม้ยักษ์ก่อนจะเตะมันลอยขึ้นกลางอากาศ ลูกธนูจำนวนมากทะลวงจนลำต้นนั้นเต็มไปด้วยรูพรุน แม้ว่าพวกมันจะมิได้มีสำนึกแฝงอยู่ แต่พลังที่ถูกบรรจุมากก็มากพอจะทำอันตรายผู้บ่มเพาะในแดนปราณสร้างรากฐาน
หากลูกศรเหล่านี้บรรลุถึงร่างของเสี่ยวหวง แม้จะรอดชีวิตก็ยังเป็นปัญหาหนักตามมา
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของหลินซวนกลับกลายเป็นเย็นชา
เสี่ยวหวงเป็นหนึ่งในสหายจำนวนน้อยนิดของเขา เขาจะไม่ยอมให้ใครทำอันตรายเสี่ยวหวงเป็นอันขาด
กลุ่มคนที่สะพายซองธนูไว้บนหลังและมีคันศรในมือใช้กิ่งก้านของต้นไม้ต่างแท่นเหยียบ พวกมันพุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนเข้าล้อมหลินซวนและเสี่ยวหวงเอาไว้ตรงกลาง
ด้านหลังของพวกมันยังมีผู้บ่มเพาะบางส่วนตามมา เสื้อผ้าที่พวกมันส่วนใส่นั้นดูคุ้นตาหลินซวนมากเป็นพิเศษ
เสี่ยวหวงที่เพิ่งเด็ดผลไม้เสร็จก็กลับมายืนอยู่ข้างหลินซวน
“เอิ๊ก!”
เพียงเท่านี้หลินซวนก็ค้นพบว่าก่อนที่ห่าธนูจะกระหน่ำเข้ามา เสี่ยวหวงกลับกัดกินผลพฤกษาเชื่อมวิญญาณลูกนั้นจนหมด ร่างกายของเขาปลดปล่อยเสียงดังลั่นออกมาเพื่อบ่งบอกว่าบัดนี้เขาเลื่อนขั้นจากชั้นที่เจ็ดเป็นชั้นที่เก้าของแดนสร้างรากฐานเรียบร้อยแล้ว
หลินซวนชื่นชมเสี่ยวหวงในใจเล็กน้อย ในสถานการณ์เช่นนี้ยังสามารถกระทำเช่นก่อนหน้าได้อย่างสบายใจ
โดยปกติแล้ว หลังจากกินผลพฤกษาเชื่อมวิญญาณ ระดับบ่มเพาะจะเลื่อนขึ้นเพียงหนึ่งขั้นเท่านั้น ทว่าเสี่ยวหวงที่ทำราวกับสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายเป็นเพียงของว่างและกัดกินพวกมันมาโดยตลอด จำนวนของสมุนไพรโอสถที่เขากินเข้าไปส่งผลโดยตรง และเมื่อพวกมันทั้งหมดผสานรวมกับผลพฤกษาเชื่อมวิญญาณ ก็เกิดเป็นการกระตุ้นพลังงานทั้งหมดภายในของเสี่ยวหวงจนเขาสามารถเลื่อนขั้นได้ถึงสองชั้น
“โอ้? ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าในแดนลึกลับจะมีสมบัติเช่นนี้อยู่ด้วย ข้าอยากได้มัน”
ในวงล้อมของเหล่าพลธนู ร่างเงาสีดำค่อยๆ เดินออกมาอย่างเชื่องช้า เมื่อเห็นว่าเบื้องหน้ามันเป็นเพียงเด็กน้อยสองคน มันก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ต้องรู้ก่อนว่าก่อนหน้านี้เหล่าองครักษ์ของมันได้ยิงลูกธนูออกมาจำนวนมากจนก่อร่างเป็นค่ายกลประเภทหนึ่ง การสังหารผู้บ่มเพาะระดับสร้างรากฐานสามัญนั้นย่อมมิใช่ปัญหา ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่ยอมนำองครักษ์เหล่านี้ติดตามเข้ามาด้วยอย่างแน่นอน
หรือในอีกความหมายหนึ่ง เด็กน้อยทั้งคู่เบื้องหน้ามันมีพละกำลังมากกว่าผู้ฝึกตนแดนสร้างรากฐานธรรมดา
เมื่อเห็นทั้งสองคนยังคงไม่เคลื่อนไหว เงาร่างนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“ส่งสมบัติมา แล้วข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้กลายเป็นผู้ติดตามของข้า”
“รีบเข้ามาขอบคุณนายน้อยเสีย”
“ในอาณาเขตเงาสวรรค์ มีคนมากมายเพียงใดที่ต้องการจะติดตามนายน้อยเจี้ยนและเข้าร่วมกับตระกูลตู่กูรู้หรือไม่? เจ้าทั้งสองรออันใดอยู่?” หัวหน้าขององครักษ์ธนูเหล่านั้นเดินออกมาและข่มขู่เด็กน้อยทั้งสอง
“เฮือก! หรือว่านั่นจะเป็นตระกูลตู่กูที่โด่งดังด้านฝีมือยิงธนูในอาณาเขตเงาสวรรค์?”
“ผู้เดียวในตระกูลนั้นที่ได้รับการเรียกขานว่านายน้อยเจี้ยนคือบุตรชายของผู้นำตระกูล ตู่กูเจี้ยน เขาเป็นหนึ่งในเหล่าเมล็ดพันธุ์ไร้พ่าย”
“ได้ติดตามรับใช้อัจฉริยะเช่นนี้นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
ผู้บ่มเพาะอื่นๆ ที่อยู่ภายในบริเวณนั้นต่างมองมาด้วยความริษยา
“เสียใจด้วย สมบัติย่อมตกเป็นของผู้ที่เก็บมันได้ ยิ่งกว่านั้น พวกเราได้รับมันเป็นคนแรก แล้วเหตุใดพวกเราต้องยอมยกมันให้แก่เจ้า?”
“เป็นผู้ติดตามของเจ้า เจ้าคู่ควรแล้วหรือ?” หลินซวนมองไปยังตู่กูเจี้ยนและเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า
พื้นที่โดยรอบต่างตกลงสู่ความเงียบงัน
การปฏิเสธคำเชิญของอัจฉริยะย่อมมิใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก
“เดิมที เส้นทางอันสดใสถูกวางไว้เบื้องหน้าพวกมัน แต่เพราะประโยคเช่นนั้น บัดนี้เหลือเพียงหนทางแห่งความตายที่รอคอยพวกมันอยู่” ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเสียดาย
ตู่กูเจี้ยนแค่นเสียง ไม่เคยมีใครบังอาจพอจะปฏิเสธมันมาก่อน
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น
“ข้าคือยู่เหวินอู๋จากราชวงศ์อมตะ ข้าคิดว่าเจ้าดูคุ้นเคยไม่น้อย เจ้าคงเป็นผู้บ่มเพาะจากอาณาเขตเหนือคราม ส่งสมบัตินั้นมาให้ข้า หลังจากที่เราออกไปจากแดนลึกลับแล้ว ข้าจะทำให้ตระกูลเจ้ากลายเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์และมอบสมบัติจำนวนมหาศาลให้ตอบแทน”
ดวงตาของยู่เหวินอู๋เต็มไปด้วยความปรารถนา มีสมบัติจำนวนไม่มากนักที่สามารถทำให้ผู้บ่มเพาะบรรลุแดนปราณถัดไปได้
“ตัดหัวเจ้าแล้วมอบมันให้แก่ข้าสิ แล้วข้าจะพิจารณาคำขอนั้น” หลินซวนมองไปยังยู่เหวินอู๋อย่างสงบนิ่ง คราแรก ราชวงศ์อมตะต้องการใช้เขาเป็นเครื่องสังเวยและส่งกองทัพนับล้านมาเพื่อทำลายตระกูลของเขา ความเกลียดชังระหว่างเขาและพวกมันถึงจุดที่ทำได้เพียงฆ่ากันให้ตกตายไปข้างหนึ่งเท่านั้น แล้วเหตุใดเขาจะต้องสุภาพกับมัน?
ชื่อเสียงของยู่เหวินอู๋มิได้ยิ่งใหญ่เท่าตู่กูเจี้ยน แต่มันก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทาน
โดยปกติแล้วอัจริยะระดับนี้ไม่สามารถพบเจอได้ แต่บัดนี้ กลับมาถึงสองคนที่ปรากฏตัวพร้อมกันในทีเดียว และยังเชื้อเชิญบุคคลเดียวกันให้เข้าร่วมกับพวกมันอีกด้วย แต่สิ่งที่ได้รับการตอบกลับมาคือคำปฏิเสธอันร้ายกาจ
นี่ทำให้เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายโดยรอบที่มาจากตระกูลเล็กๆ อิจฉาริษยายิ่งนัก
แต่หากพวกมันคนใดคนหนึ่งได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่หลินซวนและหวงหาวสังหารบุครแห่งสรวงสวรรค์แล้ว พวกมันคงไม่กล้าคิดเช่นนี้ แต่จะรู้สึกเสียใจแทนเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายทั้งสองแทน
“พี่อู๋ ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของท่าก็มิใช่ว่าจะดีนัก” ตู่กูเจี้ยนเอ่ยอย่างเฉยชา
“เช่นนั้นพวกเรามากำราบมันด้วยกัน แล้วค่อยแบ่งสมบัติทีหลัง”