อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 76 ลีออง
ตอนที่ 76 ลีออง
“สวัสดีครับ คุณเมเยอร์” ฮาร์ดี้เข้าไปทักทาย
เมื่อหลุยส์ เมเยอร์เห็นฮาร์ดี้จึงยื่นมือออกมาด้วยรอยยิ้ม “ฮาร์ดี้ ผมจำชื่อคุณได้ ผมโทรหาซีเกลเมื่อสองสามวันก่อน เขาพูดถึงคุณทางโทรศัพท์ว่าคุณเป็นผู้ช่วยที่เก่งมาก และถ้าในอนาคตบริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์คอยากได้ความช่วยเหลืออะไร คุณสามารถมาหาผมได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณครับคุณเมเยอร์สำหรับความกรุณา” ฮาร์ดี้ขอบคุณ
“แล้วก็อีกอย่าง ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงของเอ็มจีเอ็ม ที่นี่มีคนจำนวนมาก คุณสามารถทำความรู้จักกับพวกเขาได้” หลุยส์ เมเยอร์พูดเบาๆ ใส่ฮาร์ดี้แล้วยิ้ม “มีสาวสวยหลายคนด้วยนะ ผมว่าคนหนุ่มอย่างคุณน่าจะชอบ”
พูดจบทั้งสองคนก็หัวเราะ
หลายคนในบริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์คมองดูฮาร์ดี้และหลุยส์ เมเยอร์พูดคุยหัวเราะกันจากระยะไกล
พวกเขาต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกันในใจ
สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยประธานซีเกล แม้แต่คนตำแหน่งใหญ่อย่างหลุยส์ เมเยอร์ก็สามารถติดต่อได้ แตกต่างจากพวกเขาที่สามารถติดต่อได้แค่เฉพาะหัวหน้าของบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่บางคนเท่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นหลุยส์ เมเยอร์ที่เป็นคนที่ตัวเองไม่มีวันเอื้อมถึง พวกเขาทำได้แค่เก็บความเศร้าไว้แค่ในใจตัวเอง
ทันใดนั้นเชอร์ลี่ย์ เทมเปิลก็เดินเข้าไป
เมเยอร์เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นจึงยิ้มแล้วพูดกับฮาร์ดี้ “มาแล้วลูกสาวตัวน้อยของเราเชอร์ลี่ย์ เทมเปิล ฮาร์ดี้คุณน่าจะรู้จักเธอใช่ไหม”
ในเวลานี้เชอร์ลี่ย์ เทมเปิลได้เติบโตขึ้นเป็นสาวร่างใหญ่ ความน่ารักในวัยเด็กของเธอได้จางหายไปหมดแล้ว ฮาร์ดี้รู้ดีว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเธอก็จะออกจากวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด เพราะผู้คนรับภาพลักษณ์ที่โตขึ้นของเธอไม่ได้ ทำให้ความนิยมและชื่อเสียงของเธอเริ่มหายไปจนสมบูรณ์
“เชอร์ลี่ย์ให้ฉันแนะนำคุณ นี่คือ ทอม ฮาร์ดี้ ผู้ช่วยประธานของบริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์ค นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ลงทุนด้านภาพยนตร์อีกด้วย บางทีคุณอาจจะมีโอกาสได้ความร่วมมือกับเขาในอนาคต” หลุยส์ เมเยอร์กล่าว
เชอร์ลี่ย์ เทมเปิลร่าเริงมาก เธอมองไปที่ฮาร์ดี้และกอดเขาอย่างนุ่มนวล “สวัสดีค่ะ คุณฮาร์ดี้”
“สวัสดีคุณเทมเปิล ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณเลยล่ะ” ฮาร์ดี้กล่าว
เมื่อได้อ้อมกอดจากเชอร์ลี่ย์ เทมเปิล ความปรารถนาของเขาในการมาครั้งนี้ก็ถือว่าลุล่วงไปแล้ว
ทั้งสองฝ่ายคุยกันไม่กี่คำ ก่อนที่ฮาร์ดี้จะจากไปอย่างสุภาพ
เมื่อเวลา 2 ทุ่ม
หลุยส์ เมเยอร์ยืนขึ้นแล้วเคาะแก้วเพื่อดึงดูดความสนใจ
จิงเจอร์ รอเจอส์ โจเซฟ ค็อทเทน เชอร์ลี่ย์ เทมเปิล และนักแสดงนำหลายคนยืนอยู่ข้างหลังเขา
หลุยส์ เมเยอร์ประกาศเสียงดังว่า “ภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘I'll Be Seeing You’ พร้อมเริ่มถ่ายทำแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้”
แขกทุกคนในงานล้วนแสดงความยินดีกับภาพยนตร์เรื่องนี้
เอลิซาเบธ เทย์เลอร์มองดูผู้คนบนเวที ตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้จางหายไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสีฟ้าอมม่วงขนาดใหญ่ของเธอนั้นแสดงออกถึงความไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด
แต่เธอจะไปทำอะไรได้
เธอได้รับชื่อเสียงมากมายหลังจากถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง ‘National Velvet’ แต่เมื่อเทียบกับเชอร์ลี่ย์ เทมเปิลนั้น ชื่อเสียงของเธอนั้นเรียกได้ว่าเทียบไม่ติดฝุ่น
นางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้ จินเจอร์ โรเจอร์สเป็นสาวงามวัยผู้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเมื่อสามปีที่แล้ว พร้อมกับ เชอร์ลีย์ เทมเปิลดาราเด็กที่โด่งดังที่สุดในฮอลลีวูดยุคนี้
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงระดับต้นๆ ของวงการ
เกรตา การ์โบ แคทเธอรีน เฮปเบิร์น โจน ครอว์ฟอร์ด จูดี้ การ์แลนด์ หลุยส์ จีนน์ คลาร์ก เกเบิล สเปนเซอร์ เทรซี่ จีน เคลลี่...
คนเหล่านี้ล้วนเคยได้รับรางวัลออสการ์หรือไม่ก็เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง อาจกล่าวได้ว่าทุกคนที่มาที่นี่เหมือนเป็นหมู่ดาวบนท้องฟ้า
แตกต่างจากเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ในสายตาของผู้บริหารของเอ็มจีเอ็ม เธอในปัจจุบันเป็นเพียงนักแสดงมาใหม่ที่มีชื่อเสียงเพียงกลุ่มเล็กๆ
ทักษะการแสดงของเธออยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้ด้วยวัยที่เรียกได้ว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ทำให้เธอไม่เหมาะกับภาพยนตร์สำหรับเด็ก และก็ไม่เหมาะกับภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน
หลังจากที่เธอถ่ายทำภาพยนตร์ ‘National Velvet’ เสร็จเมื่อปีก่อน และเอ็มจีเอ็มไม่เคยให้บทการแสดงแก่เธออีกเลย ในท้ายที่สุดเธอยังถูกส่งตัวให้บริษัททเวนตีท์เซนจูรีสตูดิโอส์หรือฟอกซ์ยืมตัวเพื่อแสดงเป็นตัวประกอบในอันดับ 7 หรือ 8 ที่มีบทบาทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เอ็มจีเอ็มให้สัญญานักแสดงแก่เธอเป็นเงิน 100 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ และทางฟอกซ์ให้อีกสัปดาห์ละ 150 ดอลลาร์ รวมเป็นเงินแค่ 250 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
เทย์เลอร์รู้สึกโศกเศร้ากับสถานะนี้
หลังจากที่หลุยส์ เมเยอร์กล่าวสุนทรพจน์เสร็จ แขกในงานเลี้ยงก็มีอิสระหลายคนที่คุ้นเคยมารวมตัวกันเพื่อพูดคุย และหลายคนที่ไม่คุ้นเคยกันก็มีการทักทายเพื่อสร้างความสัมพันธ์
ซาร่าห์ แม่ของเทย์เลอร์เคยเป็นนักแสดงมาก่อน แต่เธอก็ประสบความสำเร็จไม่มากนัก หลังจากที่เทย์เลอร์เกิด เธอจึงพยายามฝึกฝนการแสดงของเทย์เลอร์อย่างเต็มที่ ผลักดันให้เทย์เลอร์สามารถเข้าร่วมการแสดงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ซาร่าห์จับมือเทย์เลอร์ไปทักทายและพูดคุยกับผู้กำกับหรือนักแสดงที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น โดยหวังว่าลูกสาวของเธอจะมีโอกาสได้รับบทบาทในอนาคต
เทย์เลอร์รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งเหล่านี้มาก
แต่เธอทำได้แค่เดินตามแม่ไป
หลังจากเดินไปหลายรอบ
เทย์เลอร์รู้สึกเหนื่อยมาก เธอจึงบอกกับแม่ “แม่คะหนูเริ่มหิวแล้ว คืนนี้หนูยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“เอาไว้กินทีหลังก็ได้ลูก โอกาสนี้หายาก” ซาร่าห์กระซิบ
“แม่ลืมไปแล้วเหรอว่าผู้บริหารระดับสูงบอกว่าหนูยังเด็กอยู่ ถ้าหนูโตขึ้นและสูงกว่านี้ หนูก็จะหาบทได้ง่ายขึ้น” เทย์เลอร์โต้กลับ
ครั้งสุดท้ายที่ผู้บริหารระดับสูงของเอ็มจีเอ็มเห็นเทย์เลอร์ตอนคัดเลือกนักแสดง เขาพูดแบบนี้โดยบอกว่าเธอไม่เด็กหรือไม่โตเกินไป ทำให้ไม่มีบทบาทที่เหมาะสม
ไม่มีความน่ารักแบบเด็ก ขณะเดียวกันก็ไม่มีเสน่ห์ของผู้ใหญ่
ซาร่าห์พยักหน้า “งั้นลูกไปหาอะไรกินก่อน แม่จะไปหาคนรู้จักก่อน กินอาหารเสร็จแล้วมาหาแม่นะ เดี๋ยวแม่จะพาไปหาคนอื่นๆ ต่อ”
“ได้ค่ะ” เทย์เลอร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ซาร่าเดินจากไป เทย์เลอร์มาที่โซนอาหาร วางเค้กสองชิ้นและพุดดิ้งไว้บนจานพร้อมกับคิดบางอย่าง จากนั้นหยิบทาร์ตไข่อีกชิ้น และสุดท้ายก็เอาน้ำส้มมาอีกหนึ่งแก้ว
แต่เมื่อเธอได้หยิบน้ำส้มมาแล้ว เธอมองไปรอบๆ และพบว่าไม่มีใครสนใจเธอ เธอจึงรีบหยิบไวน์จากหอแชมเปญอย่างรวดเร็วแล้วเทลงในน้ำผลไม้ของเธอ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทย์เลอร์ เหมือนจิ้งจอกน้อยที่ได้ขโมยไก่ย่างแสนอร่อย
เป็นรอยยิ้มจากใจเพียงครั้งเดียวในคืนนี้
มีคนมากเกินไปในห้องโถง เทย์เลอร์จึงมาที่สนามหลังบ้านพร้อมกับถาด วิลล่าของเมเยอร์มีขนาดใหญ่มาก แม้ว่าจะมีแขกมาจำนวนมาก แต่ก็มีหลายที่ที่หลบสายตาคนอื่นได้
เทย์เลอร์พบม้านั่งตัวหนึ่ง จึงนั่งลงแล้ววางจานไว้บนตักของเธอ แต่เมื่อเธอกำลังจะกินขนม จู่ๆ เธอก็ตระหนักถึงบางอย่าง
พระเจ้า!
ฉันลืมหยิบส้อม
แม้แต่ช้อนก็ไม่มี
กลับไปหยิบดีไหมนะ
แต่เธอไม่อยากไปเผชิญเสียงดังของห้องโถงอีกครั้ง
ช่างมันเถอะ ใช้มือก็แล้วกัน
หิวจนท้องกิ่วแล้ว
หลังเทย์เลอร์กินไปสองคำก็รู้สึกอิ่มท้องมากขึ้น เธอค่อยๆ บีบเค้กอย่างระมัดระวัง
ผ่านไปครู่เดียว เค้กสองชิ้นก็อยู่ในท้องของเธอเรียบร้อย
ตามด้วยดื่มค็อกเทลน้ำส้ม
เทย์เลอร์พอใจกับเครื่องดื่มที่เธอเตรียมมา
แม่ของเธอไม่เคยปล่อยให้เธอดื่ม แต่เด็กที่อยู่ในวัยนี้อย่างเธอนั้นดื้อรั้นและชอบลองเป็นที่สุด เธอจึงมักใช้วิธีบางอย่างเพื่อแสดงความต่อต้านข้อห้ามต่างๆ
ยังเหลือพุดดิ้งอีกชิ้นบนจานอีก
พุดดิ้งหยิบไม่ได้ แล้วจะกินได้ยังไงล่ะเนี่ย?
เทย์เลอร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
กินจากจานเลยแล้วกัน
แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เทย์เลอร์ตกใจ เพราะรูปลักษณ์ตอนนี้ของเธอกำลังเลียจานอยู่ ไม่มีความเป็นสุภาพสตรีเลยแม้แต่น้อย
ภาพลักษณ์ของเธอเสียหมดแล้ว และคนตรงหน้าก็กำลังยิ้มให้เธอ
แต่…มันมีเรื่องอะไรให้น่ายิ้มกัน!
ตลกเหรอ?
เขาคงหัวเราะเยาะฉันที่กินพุดดิ้งในท่าแปลกๆ อยู่แน่ๆ
แต่
ชายที่อยู่ข้างหน้าดูคุ้นหน้าคุ้นตาจัง
“เป็นคุณนั้นเอง!”
ในที่สุดเทย์เลอร์ก็นึกขึ้นได้ว่าชายที่อยู่ข้างหน้าเธอคือชายที่แอบฟังเธอและครอบครัวเมื่อลงจากรถ
“สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะ” ฮาร์ดี้ยิ้ม
“สำหรับฉัน การได้เจอคุณไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเลย”
เทย์เลอร์ขดริมฝีปากด้วยท่าทางที่มีเสน่ห์
“จริงเหรอ ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่นะ” ฮาร์ดี้พูดติดตลกเมื่อเห็นเทย์เลอร์บ่นเขา
สำหรับเขาการแสดงออกของเธอน่าสนใจจริงๆ
ฮาร์ดี้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
ตาของเทย์เลอร์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“มีพุดดิ้งติดปากคุณ” ฮาร์ดี้กล่าว
เทย์เลอร์ชะงัก
จากนั้นรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปาก
“ดูเหมือนคุณจะไม่ชอบงานเลี้ยงที่นี่นะ?” ฮาร์ดี้มองไปที่เด็กสาว
ในเวลานี้ เทย์เลอร์เริ่มปล่อยตัวมากขึ้น อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เธอเม้มปากตอบ “คนในนั้นล้วนแล้วแต่เป็นดาราระดับต้นๆ ฉันเป็นแค่ดาราระดับล่างๆ แถมแม่ของฉันก็ดึงฉันไปทักทายพวกเขาไม่หยุด บางคนก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม บางคนก็ทักทายว่าเธอคือเด็กสาวที่ถ่ายภาพยนตร์กับสุนัขนี่นา ไม่ก็เธอคือเด็กที่ถ่ายภาพยนตร์กับม้าใช่ไหม”
ตอนนี้ภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดสองเรื่องของเทย์เลอร์ เรื่องหนึ่งชื่อว่า ‘Lassie Come Home’ และอีกเรื่องหนึ่งชื่อว่า ‘National Velvet’ ซึ่งทั้งสองเรื่องถ่ายทำพร้อมสัตว์
เมื่อได้ยินการเยาะเย้ยตนเองของเด็กสาว
ฮาร์ดี้ก็หัวเราะ
เขาค้นพบว่าปัจจุบันเอลิซาเบธ เทย์เลอร์เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์ งดงาม และมีจิตใจที่ละเอียดลออ
“จำได้ก็ดีแล้วนี่ หลายคนในฮอลลีวูดไม่มีโอกาสถูกจดจำด้วยซ้ำ และคุณอยากเล่นบทแบบไหนล่ะ?” ฮาร์ดี้ถาม
เด็กสาวคิดในใจครู่หนึ่ง
“ฉันอยากเล่นเป็นตัวละครแบบนั้นที่ได้แสดงบุคลิกภาพ”
หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ
เด็กสาวก็มีอารมณ์หดหู่ในทันที
“อย่าพูดถึงบทบาทที่ได้แสดงบุคลิกภาพเลย ตอนนี้ฉันไม่ได้เล่นบทบาททั่วไปด้วยซ้ำ แม้แต่บทบาทตัวประกอบก็ยังเป็นลำดับ 7 หรือ 8”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็เริ่มคอตกเหมือนคนหมดใจ
ฮาร์ดี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเด็กสาว “ผมพอจะมีเรื่องที่น่าสนใจมากอยู่ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะสร้างมันขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ อยากลองฟังไหม”
เทย์เลอร์เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮาร์ดี้
“เรื่องแบบไหน?”
มีโคมไฟอยู่ข้างหลังฮาร์ดี้ แสงไฟนั้นกระทบใบหน้าของเธอที่เงยขึ้นมา มันเป็นใบหน้าที่ไร้ที่ติ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น
ฮาร์ดี้เห็นอารมณ์ที่ยากจะอธิบายในดวงตาคู่นี้
ฮาร์ดี้เริ่มเล่าเรื่องอย่างช้าๆ
“เรื่องราวเกิดขึ้นในย่านสลัมในนิวยอร์ก นักฆ่ามืออาชีพชื่อ ลีออง เขาเป็นคนที่เงียบๆ สันโดษ ลึกลับ และเต็มไปด้วยความเลือดเย็น ลีอองอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ย่านชุมชนแออัด เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายในทุกๆ วัน ในแต่ละวันเขาจะกิน นอน และเช็ดกระถางต้นไม้อันเป็นที่รักของเขาอย่างระมัดระวัง”
“อพาร์ตเมนต์อีกหลังมีครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คน พ่อ แม่เลี้ยง ลูกสาวคนโตวัย 19 ปี ลูกสาวคนที่สองวัย 14 ปี และน้องชายคนสุดท้องอายุ 6 ปี ต่อมาผู้เป็นพ่อได้เกิดความขัดแย้งกับตำรวจเรื่องโคเคน ตำรวจจึงฆ่าครอบครัวของพวกเขาจนหมด”
“แต่มีเด็กสาวคนหนึ่งที่รอดพ้นจากเคราะห์ร้ายมาได้ เธอชื่อ มาทิลด้า เด็กหญิงอายุ 14 ปี เธอบังเอิญลงไปซื้อของที่ร้านค้าด้านล่างอพาร์ตเมนต์พอดี เมื่อเธอกลับมาก็เห็นเลือดและซากศพอยู่ในนั้น”
“ตำรวจหันมาพบเธอ มาทิลด้าตกใจมาก จึงตรงไปยังห้องที่ลีอองอาศัยอยู่ เธอกดกริ่งที่ประตูและขอร้องให้คนที่อยู่ข้างในเปิดประตูก่อนที่เธอจะโดนฆ่าตาย......”
ฮาร์ดี้กำลังบอกเทย์เลอร์เกี่ยวกับเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่อง ‘ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ (Léon The Professional)’
เทย์เลอร์ฟังอย่างไม่ใส่ใจในตอนแรก
แต่เมื่อเธอได้ยินว่ามาทิลด้าอยู่ในภาวะวิกฤต เธอเริ่มสนใจและรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับชะตากรรมของเด็กสาวคนนั้น ดวงตาสีฟ้าอมม่วงขนาดใหญ่คู่หนึ่งจ้องไปที่ฮาร์ดี้อย่างไม่คลาดสายตา
เมื่อเธอได้ยินว่าในที่สุดลีอองก็เปิดประตูและปล่อยให้มาทิลด้าเข้ามา มาทิลด้าก็พ้นอันตรายชั่วคราว ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเธอได้ยินต่อว่าลีอองเริ่มสอนให้เด็กสาวใช้ปืนพก เธอก็ยิ้มออกมา
ฮาร์ดี้พูดถึงนักฆ่าที่อ้างว้างมานาน เขาเริ่มได้รับความอบอุ่นจากเด็กสาว ในที่สุดก็จุดประกายไฟเล็กๆ ขึ้นมา เทย์เลอร์กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้สึกประหม่าอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าตำรวจเลวได้เรียกตำรวจจำนวนมากมาล้อมอพาร์ตเมนต์ลีออง
ในท้ายที่สุด ฮาร์ดี้บอกว่าลีอองขอให้เธอหนีออกไป ก่อนที่เขาจะดึงระเบิดมือออกและเสียชีวิตพร้อมกับตำรวจที่ชั่วร้าย ดวงตาเธอส่องประกายความโศกเศร้า
“คิดว่าเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง” ฮาร์ดี้ถามพลางมองดูเทย์เลอร์
ขนตาเป็นพวงของเทย์เลอร์สั่นสองสามครั้งก่อนที่เธอจะพูดด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “นี่เป็นเรื่องราวที่พิเศษที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมา ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความรักแบบนี้ มันเป็นเรื่องแต่ง แต่มันดูเป็นธรรมชาติจนฉันคิดว่ามันเกิดขึ้นจริง”
เด็กสาวกำลังจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกของผู้หญิงมาจากระยะไกล
“เอลิซาเบธ ลูกอยู่ไหน”
เป็นเสียงซาร่าห์ แม่ของเธอเอง
เด็กสาวลุกขึ้นทันทีและต้องการจะไป แต่เธอก็หยุดอีกครั้ง มองมาที่ฮาร์ดี้แล้วถาม “คุยกันมาตั้งนาน ฉันยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”