บทที่ 35: อาจารย์ผู้เย็นชา
บทที่ 35: อาจารย์ผู้เย็นชา
“…”
ทั้งสามคนมองดูลู่เสี่ยวหรันด้วยความสับสน พวกเขาดูเหมือนกับเด็กที่ท้อแท้และสูญเสียความมั่นใจไป
“ถ้าอย่างนั้น… ท่านอาจารย์ พวกเราควรขึ้นไปบนภูเขาดีไหม?”
“แน่นอน แต่เราจะต้องตั้งค่ายกลก่อน”
“ตั้งค่ายกล?”
“ถูกต้อง เราจะจัดตั้งค่ายกลราชันจรัสแสง, ค่ายกลลวงเทพ และค่ายกลทำลายสวรรค์! ทั้งสามค่ายกลนี้ล้วนเป็นค่ายกลขอบเขตสวรรค์ชั้นยอดทั้งหมด”
“ค่ายกลราชันจรัสแสงสามารถลดความเร็วของศัตรูได้อย่างมาก ค่ายกลลวงเทพสามารถลดระดับการตัดสินใจของศัตรูได้อย่างมาก และค่ายกลทำลายสวรรค์สามารถลดความสามารถในการโจมตีและป้องกันของศัตรูลงได้อย่างมาก ด้วยการวางซ้อนของค่ายกลทั้งสามนี้ มันก็จะลดความแข็งแกร่งของนิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมดลงอย่างมากในช่วงเวลาหนึ่ง”
ห้ะ!
ทั้งสามคนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
หยุนหลี่เกออดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็น “สมแล้วที่เป็นท่านอาจารย์ ท่านสามารถคิดวิธีการที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ ด้วยวิธีนี้ นิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมดก็จะกลายมาเป็นสถานที่ฝึกอบรมสำหรับเราสามคน และด้วยความแข็งแกร่งของเราที่สามารถฆ่าศัตรูที่มีการฝึกตนที่สูงกว่าเราได้ พวกมันก็จะไม่สามารถต้านทานเราได้แม้ว่าพวกมันจะต้องการก็ตาม”
จื่ออู๋เซีย: “ท่านอาจารย์ยอดเยี่ยมจริงๆ”
ฟางเทียนหยวน: “ท่านอาจารย์ยอดเยี่ยมมากๆ”
“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว ข้าจะเริ่มแกะสลักค่ายกลแล้ว พวกเจ้าทั้งสามคนแค่ทำหน้าที่เติมหินวิญญาณลงในแกนค่ายกลก็พอ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ลู่เสี่ยวหรันก็โยนถุงเก็บของให้ทั้งสามคน
“ข้างในมีหินวิญญาณระดับสูง 30,000 ก้อน อย่าลืมวางหินวิญญาณในทุกแกนของค่ายกลล่ะ และอย่าให้อะไรผิดพลาดด้วย”
“รับทราบ!”
ทั้งสี่คนรีบหมุนเวียนเคล็ดวิชาของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ลู่เสี่ยวหรันใช้มหาก้าวโกลาหลเพื่อเพิ่มความเร็วและแกะสลักค่ายกล เขายังใช้พลังในการแกะสลักแบบ 100% เต็ม
หยุนหลี่เกอและอีกสองคนติดตามไปอย่างใกล้ชิดและวางหินวิญญาณลงบนแกนค่ายกลทีละก้อน
พวกเขาได้จัดตั้งค่ายกลรอบๆ นิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมดโดยไม่ทิ้งช่องว่างแม้แต่จุดเดียว สิ่งนี้สามารถรับประกันได้ว่านิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมดจะถูกล้อมรอบและจะไม่มีโอกาสรอด
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว พวกเขาก็กลับไปที่ทางเข้าของนิกาย
สายตาของลู่เสี่ยวหรันเย็นชาในขณะที่เขาพูด “จำไว้ว่ามันเป็นแค่การฝึกฝน ถ้าเจ้าชนะได้ ก็สู้ซะ แต่ถ้าไม่ ก็หนีซะ”
“รับทราบ!”
“ในเมื่อเข้าใจแล้ว พวกเจ้าก็ไปฆ่าศัตรูได้!”
หลังจากพูดเช่นนี้ สายตาของหยุนหลี่เกอและอีกสองคนก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที จากนั้นทั้งสามก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันและเดินไปที่ทางเข้านิกายอสูรกระดูกขาว
ลู่เสี่ยวหรันมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาทั้งสามขณะที่พวกเขาเดินจากไป ดวงตาของเขาหรี่ลงในขณะที่เขาพึมพำ
“ด้วยค่ายกลที่ข้าทิ้งไว้บนร่างกายของพวกเขา พวกเขาทั้งสามก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องการป้องกัน ส่วนความแข็งแกร่งในการโจมตีของพวกเขา พวกเขาทั้งสามก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และเพื่อให้พวกเขาจัดการกับศัตรูที่เหนือกว่าสองขั้นได้ อาวุธขอบเขตสวรรค์ขั้นสูงก็น่าจะพอแล้ว”
“นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนของค่ายกลขอบเขตสวรรค์ชั้นยอดทั้งสาม มันก็น่าจะสามารถลดระดับการฝึกตนของผู้คนในนิกายอสูรกระดูกขาวได้อย่างมาก พวกเขาทั้งสามควรจะสามารถสู้ได้ชั่วขณะหนึ่ง เอาเถอะ ข้าเองก็ควรใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างค่ายกลราชาอัสนีสวรรค์อย่างรวดเร็วและส่งทุกคนในนิกายอสูรกระดูกขาวไปสู่ชีวิตหลังความตาย!”
ใช่แล้ว มันคือค่ายกลโจมตีขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด – ค่ายกลราชาอัสนีสวรรค์!
ความตั้งใจของเขาในการจัดเตรียมค่ายกลทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อให้หยุนหลี่เกอและอีกสองคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้ของพวกเขา นั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในแผนของเขาเท่านั้น
เป้าหมายที่แท้จริงของลู่เสี่ยวหรันคือการทำลายล้างนิกายอสูรกระดูกขาวเพื่อให้แน่ใจว่าความลับของยอดเขาจื่อฉุ่ยจะไม่รั่วไหลออกไป
แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะนิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมดได้ด้วยเพียงลำพัง แต่เขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถทำลายพวกมันทั้งหมดได้ในคราวเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังไม่แน่ใจว่านิกายอสูรกระดูกขาวจะมีพวกขี้โกงซ่อนตัวอยู่หรือไม่
ด้วยเหตุนี้เอง การใช้ค่ายกลขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดเพื่อระเบิดนิกายอสูรกระดูกขาวให้หายไปทั้งนิกายทีเดียวเลยจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
เนื่องจากค่ายกลโจมตีราชาอัสนีสวรรค์นั้นเป็นค่ายกลโจมตีขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด มันจึงใช้เวลานานพอสมควรในการจัดตั้ง และในขณะเดียวกัน มันก็ใช้เวลานานในการเปิดใช้งานด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ออร่าของค่ายกลขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดนั้นก็ยังทรงพลังมาก มันแตกต่างจากค่ายกลขอบเขตสวรรค์ ผู้คนจากนิกายอสูรกระดูกขาวจะค้นพบมันในทันที ด้วยเหตุนี้เอง ลู่เสี่ยวหรันจึงให้หยุนหลี่เกอและอีกสองคนดึงดูดความสนใจของพวกเขาก่อน
ถ้าไม่มีใครดึงดูดพวกเขาและทุกคนสามารถหนีไปได้ มันก็คงจะไร้ความหมายสำหรับเขาที่จะจัดตั้งค่ายกล
มันจะเป็นการสูญเสียหินวิญญาณไปโดยเปล่าประโยชน์!
…
ในขณะนี้ หยุนหลี่เกอและอีกสองคนก็มาถึงทางเข้าของนิกายอสูรกระดูกขาวแล้ว
เหล่าศิษย์ที่ปกป้องนิกายอสูรกระดูกขาวค้นพบพวกเขาทั้งสามในทันที
“หยุดนะ พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
“ใครสักคนที่ต้องการจะเอาชีวิตของพวกเจ้า!”
หยุนหลี่เกอกระทืบเท้าอย่างหนักและร่างกายของเขาก็พุ่งออกไปกลายเป็นลำแสง วินาทีถัดมา หยุนหลี่เกอก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสามคน เขาหมุนเวียนคัมภีร์จักรพรรดิโกลาหลบรรพกาลและยกหมัดขึ้นเพื่อปล่อยหมัดจักรพรรดิโกลาหลบรรพกาลออกไป!
หมัดอันทรงพลังพุ่งออกไปเหมือนเสือที่ดุร้าย เมื่อมันเดินทางผ่านอากาศ มันก็ปล่อยพลังที่สั่นสะเทือนสวรรค์และปฐพี จากนั้นมันก็ตกลงบนร่างของศิษย์นิกายอสูรกระดูกขาว
บู้มมมม!
ด้วยหมัดๆ เดียว เขาก็ส่งพวกเขาทั้งสามคนลอยกระเด็นออกไปและกระแทกเข้ากับประตูภูเขาที่อยู่ข้างหลังอย่างแรง
จื่ออู๋เซียติดตามมาอย่างใกล้ชิด ด้วยการโบกมืออย่างอ่อนโยน ร่มสีทองเหลืองขนาดเล็กก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง มันก็กลายเป็นร่มที่มีขนาดสูงกว่าสิบเมตร
“โจมตี!”
ด้วยการพลิกฝ่ามือของเธอ ร่มพลิกภูผาก็กระแทกเข้ากับประตูภูเขาอย่างรุนแรง
บู้มมมม!
การระเบิดครั้งนี้รุนแรงกว่าหมัดของหยุนหลี่เกอถึงสิบเท่า
ทางเข้าของนิกายอสูรกระดูกขาวพังทลายลงในทันที เสียงแตกดังขึ้นในอากาศ มันคือค่ายกลป้องกันของนิกายอสูรกระดูกขาวที่ถูกทำลายลงโดยจื่ออู๋เซียด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว!
ทันทีที่ค่ายกลป้องกันนิกายแตกออก ผู้อาวุโสในนิกายอสูรกระดูกขาวก็สัมผัสได้ในทันที
เคร้ง!
ระฆังหนักและกังวาลดังมาจากยอดเขา ทันทีหลังจากนั้น ออร่าอันทรงพลังนับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมาจากยอดเขา
“ใครกันที่กล้าบุกรุกเข้ามาในนิกายอสูรกระดูกขาวของเรา?”
“ศิษย์นิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมดฟังทางนี้! สังหารผู้บุกรุกให้หมด!”
เมื่อได้ยินเสียงจากบนภูเขา หยุนหลี่เกอและอีกสองคนก็มองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นและความหวาดกลัว
พวกเขาตื่นเต้นกับการฆ่า อย่างไรก็ตาม การฆ่าก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วยเช่นกัน
พวกเขารู้สึกว่าบางอย่างในร่างกายของพวกเขากำลังกระตุ้นพวกเขาราวกับว่าพวกมันกำลังจะตื่นขึ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ข้าไปก่อนนะ”
ฟางเทียนหยวนหัวเราะคิกคักโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ออร่าสีทองหนาทึบปรากฎขึ้นบนร่างของเขาและกลายเป็นปีศาจยักษ์สีทองสูงสองเมตรครึ่งที่ปกป้องเขา มันทำให้เขาดูเหมือนกับเทพเซียนที่ลงมาจุติ
จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปและกระทืบพื้นหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาจนแตก ร่างกายของเขากลายเป็นสายฟ้าสีทองในขณะที่เขารีบไปที่ยอดเขา
หยุนหลี่เกอถ่มน้ำลายออกมา
“น้องเล็ก เจ้านี่มันรีบร้อนจริงๆ”
ก่อนที่จื่ออู๋เซียจะทันได้ตอบสนอง มือขวาของหยุนหลี่เกอก็โบกสะบัดในขณะที่เขาเรียกหอกโลงศพมังกรออกมาและเดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
ปฏิกิริยาของจื่ออู๋เซียช้ากว่าพวกเขาเพียงครึ่งจังหวะ เมื่อถึงเวลาที่เธอตอบสนอง ทั้งสองคนก็บินออกไปแล้วห้ากิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้โกรธอะไร เธอทำเพียงแค่เยาะเย้ยพวกเขาทั้งคู่เท่านั้น
“ฮ่าๆ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเองก็รีบร้อนไม่ต่างกันหรอก!”
ขณะที่เธอกล่าว เคล็ดวิชาเก้าฟีนิกซ์เปลี่ยนรูปก็ได้เริ่มหมุนเวียนในร่างกายของเธออย่างบ้าคลั่ง
แกว้ก!
เสียงร้องคำรามของนกฟีนิกซ์ดังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะที่เงานกฟีนิกซ์สูงห้าเมตรปรากฏขึ้นข้างหลังจื่ออู๋เซีย
ด้วยความคิด เธอก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่เร็วกว่าทั้งสองคนหลายเท่า