ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0045
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0047

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0046


บทที่ 18 นักสำรวจ, และผู้สนับสนุน (2)

* * *

บรรยากาศในกระท่อมค่อนข้างมืด แหล่งกำเนิดแสงแห่งเดียวคือหลอดไฟเหนือโต๊ะทำงานที่ถูกแขวนด้วยเชือก

จินซอยอนคว้าหลอดไฟและลากลงมาเหนือแผนที่

“นี่ต้องเป็น…”

คังซอนฮูรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เข้าใจหัวอกจินซอยอนที่ต้องการไขปริศนาด้วยตัวเอง

เขาได้แผนที่มาจากไหน?

ไม่ว่าจะครุ่นคิดสักเพียงใด เธอก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายพยายามทำแผนที่

ตรงกันข้าม ถ้าคังซอนฮูวาดแผนที่ด้วยตัวเอง คงทราบข้อมูลของทุกจุดโดยต้องไม่มาถามเธอ

“เป็นอักษรรูนไม่ผิดแน่… คุณไม่ได้เขียนลงไปเองใช่ไหม”

คังซอนฮูส่ายหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ภูมิประเทศเรียงตัวกันเป็นอักษรรูน?”

“นั่นคือสิ่งที่ผมคิด… ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย”

ตรงข้ามกับเนื้อหาที่พูด สีหน้าคังซอนฮูยังคงสงบนิ่ง

“…ภูมิประเทศที่มีรูปทรงเหมือนกับอักษรรูน”

“บริษัทของคุณคิดยังไงเกี่ยวกับอักษรรูน”

“เป็นเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง… มีการสันนิษฐานว่า เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาจากกฎของต่างโลก ฉันไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ จึงไม่มั่นใจนัก”

ตอบเสร็จ เธอกลับไปมองแผนที่อีกครั้ง

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รับข้อมูลใหม่คุณภาพสูงขนาดนี้

ภายในห้านาทีที่ตัดสินใจเป็นหุ้นส่วนกับคังซอนฮู จินซอยอนได้ข้อสรุปว่าเธอตัดสินใจถูก

“…จริงอยู่ สามัญสำนึกของเราอาจนำมาใช้กับต่างโลกไม่ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ภูมิประเทศลักษณะนี้จะเกิดจากการจงใจ”

“หรืออาจเป็นโบราณสถาน”

คังซอนฮูตอบพลางพยักหน้า

จินซอยอนไม่กล่าวคำใด สิ่งเดียวที่บอกได้จากการดูแผนที่ก็คือ ใครบางคนจงใจสร้างสถานที่ดังกล่าวให้เหมือนกับอักษรรูน

คังซอนฮูพึงพอใจกับสิ่งที่อยู่บนแผ่นที่มาก

“ผมจะไปสำรวจ”

“หา?”

จินซอยอนตื่นตระหนกทันที

“ถ้าจะไปที่นั่นก็ต้องข้ามกำแพงตะวันออก แต่ว่า… กำแพงตะวันออกอันตรายเกินไป”

“เธอบอกว่าเป็นกำแพงพิษสินะ ถ้าเข้าไปใกล้ผิวหนังจะละลายใช่ไหม”

คังซอนฮูพูดเป็นนัยว่ายังไม่ลืมคำเตือน

เป็นอีกครั้งที่จินซอยอนได้ตระหนัก

ชายคนนี้อาศัยอยู่ในต่างโลกไม่ต่ำกว่าเจ็ดปีจริงๆ

“แต่เธอบอกว่าซอจีอาเคยผ่านมันมาได้”

“ก็ใช่…”

“แล้วนั่นไม่แปลกหรือไง”

ชายหนุ่มมองว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่ต้น

จินซอยอนเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

ไม่มีใครผ่านบาเรียพิษไปได้ หรืออย่างน้อยบริษัทก็คิดแบบนั้น

แล้วทำไมถึงมีเอลฟ์สามารถข้ามมา และหลุดมาอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ได้

ถึงจะน่ากังขา แต่คังซอนฮูไม่ได้รู้ทุกเรื่องในต่างโลก จึงทำได้แค่เชื่อว่าต้องมีวิธีผ่านกำแพงออกไป เพียงแต่ตอนนี้ยังหาวิธีไม่พบ

“คุณพูดถูก มันแปลกมาก พวกเราจึงเคยลองถามซอจีอาแล้ว…”

“แต่เธอตอบว่าจำไม่ได้?”

“…ใช่ ถูกเผงเลย คุณรู้ได้ยังไง”

“กำแพงนั่นมีพลังหลอนประสาท ไม่ใช่พิษ”

ชายหนุ่มกล่าวขณะพับแผนที่เก็บ

“ตัวตนของกำแพงไม่ซับซ้อน มันคือพลังเวทส่วนเกินของโลกที่ปะทุขึ้นจากรอยแยก เปรียบได้กับน้ำพุร้อนในต่างโลก”

“…”

“กำแพงแต่ละพื้นที่จะแตกต่างออกไปตามสภาพแวดล้อม”

ซอจีอาตั้งใจฟังคำพูดคังซอนฮู ราวกับจะสลักข้อมูลเหล่านี้ไว้ในความทรงจำ

“ผมมีคำถาม ในเมื่อไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำแพงมีคุณสมบัติแบบใด”

“…มีวิธีรู้ด้วยหรือ”

คังซอนฮูพยักหน้า

“สิ่งใดบ้างที่ดูดซับพลังงานของโลกใบนี้ไปเป็นอาหาร”

“…ป่า?”

“ถูกต้อง แล้วป่าเบอร์มิวด้าปกป้องตัวเองอย่างไร ทำไมมันถึงได้ชื่อว่าป่าเบอร์มิวด้า”

จินซอยอนใช้เวลาครุ่นคิดไม่นานก่อนจะได้ข้อสรุป

“…ภาพหลอน”

“ปิ้งป่อง~ หากรู้ถึงคุณสมบัติหลักของพืชในละแวกใกล้เคียง ก็สามารถอนุมานคุณสมบัติของเวทมนตร์ในดินแดนนั้นได้ อีกทั้งป่าเบอร์มิวด้ายังอยู่ใกล้กับกำแพงมาก มีความเป็นไปได้สูงที่กำแพงจะเกิดจากการรวมตัวของแก๊สหลอนประสาท”

“…”

“แต่ที่ผมสงสัยก็คือ ทำไมบริษัทต้องโกหกคุณ”

จินซอยอนครุ่นคิด

นี่เป็นความลับระดับสามไม่ผิดแน่

คลังเอกสารลับคือสถานที่ซึ่ง OWIC ใช้บันทึกความจริงที่ปกปิดต่อบุคคลภายนอก

แล้วทำไมข้อมูลในนั้นถึงเป็นความเท็จ

“…แปลกจริงๆ ด้วย กับแค่สถานที่ที่มีพิษร้ายแรง ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องบรรจุเป็นเอกสารลับสุดยอด ตรงกันข้าม หากเปิดเผยข้อมูลออกไปสู่สาธารณะ พวกเขาก็จะยิ่งควบคุมผู้คนได้ง่าย… ไม่เคยเอะใจมาก่อน แต่หลังจากได้ยินคำพูดคุณซอนฮู ฉันคิดว่ามันแปลกจริงๆ”

“นี่เป็นการแลกเปลี่ยน ในเมื่อคุณซอยอนแสดงความจริงใจก่อน ผมจึงเผยข้อมูลในระดับที่เท่าเทียม”

“…ขอตัวก่อนค่ะ ฉันจะกลับไปไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ไม่ต้องรีบก็ได้”

คังซอนฮูยังคงใจเย็น

แต่การบ้านที่โยนให้จินซอยอน ถือเป็นงานที่หนักหนาไม่น้อย

“…ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ”

จินซอยอนยิ่งมั่นใจ

ใช่ว่าก่อนหน้านี้เธอจะกังขา แต่คาดไม่ถึงว่าคังซอนฮูจะนำทุกคนไปไกลเช่นนี้

ความเชื่อใจอันเปราะบางที่มอบให้บริษัท เริ่มสั่นคลอนมากขึ้นทีละนิด

* * *

ฉันรู้สึกคาใจกับ OWIC มานานแล้ว ไม่ใช่ประเด็นแปลกใหม่แต่อย่างใด

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ประตูมิติเปิดออก เบื้องหลังเต็มไปด้วยปริศนาและความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงการที่มีบริษัทหนึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดและครอบงำทุกสิ่ง

ฉันแค่รู้สึกว่าบรรยากาศมันอึมครึม แต่ก็ไม่ได้สนใจรายละเอียด เพราะเรื่องทำนองนี้มันไม่สนุก

“ลิลี่”

ขณะนั่งจิบชาสมุนไพรบนเก้าอี้ ฉันเรียกลิลี่ที่กำลังดูแลแปลงพืชผล

“อื้อ”

“เธอมาจากตระกูลราชวงศ์ใช่ไหม”

“ใช่”

“ตระกูลราชวงศ์เคยหลอกลวงประชาชนบ้างไหม”

“เคย…”

คำถามค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่ลิลี่ตอบกลับในทันที

“ตอนนั้นฉันยังเด็ก จึงไม่ค่อยเข้าใจการเมืองสักเท่าไร… คงพูดไม่ได้ว่าราชวงศ์ของเราไม่ได้ทำ”

ตึก!

ด้วยความระมัดระวัง ลิลี่กดดินรอบๆ ยอดอ่อนที่เพิ่งงอกขึ้นมา

“เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย คำเท็จมีพลังมากกว่าความจริง”

“…ฉันก็เพิ่งทำไปนี่นะ”

“ฮุ!”

ขณะทำสวน ลิลี่ดูอ่อนโยนกว่าปรกติ แม้แต่มุกฝืดๆ ของฉันเธอก็ยังหลุดขำ

แม้แต่ลิลี่ก็ยังคิดแบบเดียวกัน จึงไม่มีทางที่มนุษย์โลกผู้มีจิตใจชั่วร้ายจะไม่ทำ

หรือแม้กระทั่งเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน จองจีฮุนยังเคยใช้ทฤษฎีสมคบคิดแบบย้อนกลับ

แต่ช่างเถอะ ไม่ว่า OWIC จะปิดบังพนักงานด้วยเหตุผลใด นั่นก็ไม่เกี่ยวกับฉัน

แผนที่ถูกคลี่ออก ฉันชี้นิ้วพร้อมกับกล่าว

“ที่นี่คือเป้าหมายถัดไปของเรา”

“ของจริงแล้วสินะ… โบราณสถานที่มีรูปร่างอักษรรูน”

“น่าสนุกดีไม่ใช่หรือ”

“…อย่างน้อยก็คงไม่เบื่อ”

“ต้องมีสมบัติซ่อนอยู่แน่”

สนใจสมบัติกับเขาด้วยหรือ?

ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เห็นจะเคยชายตามองสมบัติเลยสักครั้ง

พวกเรากางแผนที่ออกและเริ่มปรึกษาหารือ ระยะทางคราวนี้ค่อนข้างไกล ภูมิประเทศก็ซับซ้อนและเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่สามารถบุกเข้าไปแบบส่งเดชโดยไม่ทำการบ้าน

ฉันวางเข็มชี้ไว้ข้างแผนที่และปรับองศาให้ถูกต้อง จุดประสงค์เพื่อต้องการยืนยันว่า สมบัติทองคำชิ้นถัดไปอยู่ในโบราณสถานดังกล่าวหรือไม่

ระหว่างทางมีจุดให้แวะไม่น้อย

ถ้าผ่านป่าเบอร์มิวด้าและข้ามเทือกเขาไปก็จะพบกับ ‘กำแพง’ ทันที

ด้านหลังกำแพง ป่าปริศนาผืนใหญ่ปกคลุมไปตามแนวทุ่งกว้าง ภายในป่ามีโบราณสถานที่เป็นเป้าหมาย

มองผิวเผิน ต้องใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะเดินเท้าไปถึง

“เซลฟี ขอข้อมูลเพิ่มเติมของที่นี่ได้ไหม”

「ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมได้ พวกเราแค่ไปเยือนผ่านรากภูเขา」

นั่นสินะ

กล่าวคือ ไม่มีสิ่งใดให้พึ่งพานอกจากแผนที่

“แล้วจะทำยังไงกับกำแพง เจ้าไม่มีทางหยุดมันได้ นั่นคือเส้นที่เทพขีดแบ่งโลก”

ในวัฒนธรรมของลิลี่ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นฝีมือของเทพ

แต่ฉันเคยเห็นกำแพงมาแล้วหลายแห่งขณะเตร็ดเตร่อยู่ในต่างโลก

“ฉันรู้วิธีผ่าน”

ระบุให้ชัดเจนก็คือ ได้เรียนมา

เพราะกำแพงชั้นนอกของเมืองที่ฉันเคยอยู่ ถูกสร้างจาก ‘กำแพง’ นั่น

* * *

ในพักหลัง ทุกครั้งที่แวะมากระท่อม ชาโซฮีจะเอาแต่นอนขลุกอยู่บนเปลญวนและแกว่งเล่น

“มีความสุขขนาดนั้นเลย”

“เป็นความฝันของฉันมาตั้งแต่เด็กแล้ว นายไม่เคยมีความฝันจากการดูทีวีสมัยเด็กหรือไง”

ไม่รู้สิ พอได้มานอนจริงๆ ก็ไม่เท่าไร ไม่ได้โรแมนซ์อะไรขนาดนั้น

“ก็มี ฉันเคยอยากกินไส้ย่างมาตลอด แต่พอได้ลองกลับไม่ถูกปาก”

“เหมือนกับความรู้สึกอยากกินคุกกี้หน้ายิ้มหลังจากดูเทเลทับบี้สินะ”

“…แก่ชะมัด”

“หา? อะไร”

“เด็กสมัยนี้ไม่มีใครรู้จักหรอก”

“น่าเสียดาย เด็กๆ สมัยนี้ไม่มีโอกาสได้เข้าถึง ‘ความสนุกที่แท้จริง’ น่าสงสารจังเลยน้า~”

“อย่าไปพูดแบบนี้กับใครนะ ฉันอายคน”

“อะไร! เชอะ!”

ถ้าชาโซฮีเริ่มขึ้นเสียง ฉันดีรู้ว่าควรต้องหยุด

และแน่นอน ฉันไม่คิดจะยกโทษให้

“ปล่อยนะ! ปล่อย!”

ฉันเพิกเฉยเสียงร้องขอความช่วยเหลือและเดินกลับเข้ากระท่อม

ด้านใน โต๊ะแปรธาตุตอนนี้ล้ำสมัยชนิดที่เมื่อก่อนเทียบไม่ติด

เมื่อมีไฟฟ้าใช้ ฉันสามารถควบคุมความร้อนได้แม่นยำขึ้น และนั่นช่วยเพิ่มขอบเขตของผลผลิต

“…บ้านชักเริ่มแคบ”

ฉันไม่ต้องคิดมากในเรื่องนี้ เพราะบัญชีธนาคารมีเงินมากถึงหลักสองร้อยล้าน

ตามที่เคยบอกไป แม้ฉันจะไม่ใช่คนหิวเงิน แต่ถ้าได้จับเงินก้อนโตขนาดนี้ วิถีชีวิตย่อมต้องเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย

ในสังคมสมัยใหม่ เงินหมายถึงโอกาส

ไว้ค่อยคิดทีหลังก็แล้วกัน

“คราวนี้ฉันจะผลิตน้ำยาให้มากขึ้น”

แปลงพืชที่ลงแรงไป ในที่สุดก็เห็นผล

น้ำยาสูตรพิเศษที่ผลิตจากวัสดุแปรธาตุหลากหลายชนิด

“สัมภาระคงหนักน่าดู”

ลิลี่ที่นั่งขอบเตียงพลางแกว่งขา ชี้ให้เห็นถึงปัญหา และฉันก็ไม่ได้คัดค้าน

มันจะหนักขึ้นแน่ แต่การลำบากไปก่อน ดีกว่าต้องเผชิญปัญหาแล้วไม่มีทางแก้

“ตอนนี้มาพักกันก่อน เธอจะกินอะไรไหม”

“กิน ขอเผ็ดๆ”

“…ดันชอบซะได้”

แต่เธอยังกินคุกบับไม่ได้แน่

คิดถึงตรงนี้ ฉันพยายามผ่อนคลายตัวเอง

“…เจ้ามนุษย์!”

เสียงที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ขนาดนั้น ดังมาจากด้านนอก

“…เรื่องกินคงต้องพักไว้ก่อน”

“อื้อ”

เมื่อเดินออกไป ฉันเห็นชาโซฮีกำลังจ้องไปยังทิศทางหนึ่งด้วยดวงตาเบิกกว้าง ปลายสายตามีคนรู้จักของฉันสองคน

คนแรกคือจองจีฮุน

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

หมอนี่ก็จะร่วมมือกับเราด้วยสินะ จินซอยอนพูดเอาไว้ชัดเจน

แต่วันนี้เธอเพิ่งกลับไปเองนี่

ส่วนอีกคนหนึ่ง

“…ยังไม่ตายอีกหรือ”

“พวกเราตายยากกว่าที่เจ้าคิด”

ซอจีอา

สภาพดูไม่ได้เลย ขาพันผ้าพันแผล ใบหน้ากว่าครึ่งพันผ้าพันแผล แต่ฉันคิดว่านั่นเป็นการจงใจพันรอบใบหูเพื่อปกปิดบางสิ่ง

แม้ซอจีอาจะยืนด้วยไม้ค้ำ แต่สายตากลับเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

“…มาทำไม? นึกว่าจะไม่ต้องเจอกันแล้ว”

ระหว่างนั้น ฉันหันไปมองจองจีฮุน

“ขอโทษครับ แต่เธอยืนกรานว่า…”

“พวกเราไม่เคยลืมหนี้”

“ใช่ครับ เธอเอาแต่พูดแบบนั้น บอกว่าจะช่วยคังซอนฮูด้วยตัวเอง ในเมื่อไม่มีเหตุผลที่จะห้าม… ผมก็เลยต้องมาด้วย”

ซอจีอาอยากช่วย?

“จะไปตะวันออก?”

จะว่าไป ซอจีอาเป็นเอลฟ์เพียงตนเดียวที่ข้ามมาจากกำแพงตะวันออก

บางทีอาจมีข้อมูลที่น่าสนใจ

“ถ้าเป็นกำแพงนั่น ข้ารู้วิธีผ่าน…”

“ไม่ได้! ถ้าไปทางตะวันออก เธอตายแน่ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กำแพง แต่เป็นหลังกำแพงต่างหาก”

ฉันนั่งลงเพราะเชื่อว่าเรื่องนี้คงยาว

ซอจีอาเป็นคนตัวสูง เมื่อเธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม ฉันรู้สึกเหมือนมีร่มเงา

ขณะฟังเรื่องราวอย่างผ่อนคลาย ฉันมัดสมุนไพรเข้าด้วยกัน

“มีหลายเรื่องที่ต้องพูด แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ผู้ที่ไม่ถูกเลือกโดยดารากร จะไม่สามารถเข้าไปในป่าด้านหลังกำแพง ทุกคนจะถูกสาปทันทีที่พยายามเข้าไป”

ดารากร?

คุ้นๆ นะว่าไหม

ฉันเงียบไปสักพัก เพราะสมองกำลังครุ่นคิดหลายสิ่งจนเริ่มเบลอ

ควรตอบกลับไปว่ายังไง?

ลงเอยด้วย ฉันย้อนถามหนึ่งคำถาม

“…แล้วถ้าฉันถูกเลือกล่ะ”

ซอจีอาขมวดคิ้ว

“เป็นไปได้ด้วยหรือ มนุษย์เนี่ยนะจะถูกอวยพรโดยดารากร? พวกเจ้าคือเผ่าพันธุ์ที่ถูกเทพทอดทิ้ง”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน แม้แต่เจ้ายังไปอาศัยที่โลกมนุษย์ได้”

“ดารากรเสียสติที่ไหนจะปกป้องมนุษย์”

“เอลฟ์เสียสติที่ไหนจะอาศัยในโลกมนุษย์”

“…ข้าจะช่วยเจ้าเอง เนื่องจากหนึ่งในดารากรเป็นชาวเอลฟ์ ปัญหานี้จึงมีทางออก ไว้ค่อยไปด้วยกันในตอนที่ข้าฟื้นตัวมากกว่านี้”

“ฉันไม่สนว่าเธอจะคิดยังไง”

ชักจะรำคาญขึ้นมา ฉันหันไปทางซอจีอาและกล่าวอย่างหนักแน่น

“แต่เราไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น…”

คำพูดของฉันหยุดลงตรงนี้

ขณะประโยคชะงักกลางคันและฉันไม่ได้กล่าวคำใดต่อ ซอจีอากำลังกระอักกระอ่วนจนพูดไม่ออกเช่นกัน

หรือบางที เธอคงกำลังมองฉันด้วยสายตาแปลกประหลาด

แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน

ฉันยกนิ้วและชี้ไปบนท้องฟ้าเหนือไหล่ซอจีอา

ในตำแหน่งดังกล่าว มีบางสิ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าไกลๆ จนดูเหมือนกับจุดสีดำ

“เจ้ากำลังทำอะไร”

“ละ…”

“ละ…?”

ลูกโป่งนั่น! ลูกโป่งนั่น!

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด