756 - การประลองในทะเลสาบหยก
756 - การประลองในทะเลสาบหยก
“ไปบอกมารดาพวกเจ้าเถอะ!” จักรพรรดิดำตะโกนขึ้นและทำให้ใบหน้าของผู้คนมากมายบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“ฉีดปากไอ้หมาตัวนั้นซะ!”
ปอดของผู้อาวุโสนิกายหยินหยางกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ
“หุบปาก!”
วานรศักดิ์สิทธิ์กระแทกกระบองลงบนพื้นเป็นไม้และคำรามเสียงดัง ในตอนนี้ราชาโบราณมากมายกำลังตื่นขึ้นคำพูดของเขาจึงมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง
"ข้าอยากรู้จริงๆว่าเมื่อราชาโบราณตื่นขึ้นท่าทางของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร”
“เอาล่ะทุกคน ข้าได้คัดลอกหยกศักดิ์สิทธิ์นี้มาหลายฉบับ และมันถูกส่งออกไปทั่วแล้ว” เย่ฟ่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้หัวใจ “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าทำผิด หินหยกนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกและทุกคนในโลกจะได้ช่วยตัดสิน”
สีหน้าของทุกคนนิ่งงัน ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ถ้าเย่ฟ่านตาย ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนที่กล่าวหาเขาจะถูกสังคมประนาม และภาพพจน์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายทันที
เย่ฟ่านไม่กลัว ในตอนนี้สิ่งมีชีวิตโบราณมากมายกำลังจะตื่นขึ้น เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึงคนเหล่านี้ทำได้เพียงหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น
“พวกเขาเสียชีวิตแล้ว และเย่ฟ่านไม่ได้ทำผิด เจ้าควรคิดให้มากเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์โบราณที่กำลังจะตื่น” ราชินีศักดิ์สิทธิ์กล่าว
หลายคนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะหักหน้าของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ของทะเลสาบหยก
ราชินีศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้ความพยายามอย่างมากและช่วยชีวิตของผู้คนมากมายจากรังหมื่นมังกร อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็ต้องไว้หน้านางบ้าง
“บูม!”
วังสวรรค์สั่นสะเทือน และเด็กน้อยทายาทดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนถูกเตะกระเด็นเข้ามาภายในห้อง บางคนไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดได้และเสียชีวิตทันที
ราชานกยูงที่ดูเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีเดินเข้ามาด้วยท่าทางสงบ
“คนพวกนั้นสมควรตาย พวกเจ้าก็เช่นกัน!”
เขาเข้ามาพร้อมประโยคที่อหังการอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อสนับสนุนเย่ฟ่าน นี่คือร่างที่อยู่บนจุดสุดของโลกในปัจจุบันเช่นเดียวกับหนานกงเจิ้ง
มิหนำซ้ำเขายังเป็นยอดฝีมืออายุน้อยที่มีโอกาสจะฝ่าทะลุเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะในอนาคต
อีกคนกลับเป็นชายชราที่น่ากลัวกว่าหลายเท่า ชุดนักพรตเก่าๆของเขา ดูเหมือนจะถูกสวมใส่มาหลายพันปีแล้ว และผิวสีทองที่แห้งเหี่ยวนั้นทำให้จิตใจของทุกคนหนาวเหน็บ
เขามีอายุมากกว่าสามพันปี สูงกว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปถึงครึ่งชั่วอายุคน และเขาคือสิ่งมีชีวิตที่มีความแข็งแกร่งกว่าผู้สูงสุดทุกคนที่อยู่ในตงหวง
วานรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วครู่หนึ่งเมื่อเห็นชายชราคนนี้ ครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากนักพรตมังกรแดง
“ถ้าเขาตายพวกเจ้าก็จะตายด้วย ลูกหลานของพวกเจ้าก็เช่นกัน” นักพรตมังกรแดงพูดอย่างเฉยเมยและเหลือบมองทุกคน
ราชาอสูรผู้ทำลายล้างโลกทั้งสองมารวมกันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างแรงกล้า
“มังกรแดงพวกเราไม่พบกันมานานกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีแล้ว นิสัยของเจ้ายังคงไม่เปลี่ยนไปเลย” ผู้อาวุโสแห่งนิกายหยินหยางกล่าว
“วิญญาณใต้คมกระบี่(คนที่เคยพ่ายแพ้แต่หลบหนีไปได้) หากเจ้าอยากตายเร็วขึ้นก็เข้ามาเถอะ!”
นักพรตมังกรแดงเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยปราศจากความปราณีใดๆ และกล่าวว่า
“ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็อยู่ข้างเดียวกับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแล้ว!”
“มังกรแดงอย่าคิดว่าเจ้าจะอยู่ยงคงกระพัน เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านมานานแล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”
ซัวหยวนประมุขนิกายหยินหยางที่พลังชีวิตกำลังจะเหือดแห้ง ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งความตาย
ในเวลานี้เอี๋ยนหรูหยูซึ่งเป็นทายาทของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าของห้องโถงเช่นกัน เส้นผมสีดำของนางสายราวกับสายน้ำตกที่งดงาม โดยมีปิ่นปักผมเก้ามังกรปักอยู่บนศีรษะ
ในขณะที่เสื้อคลุมจักรพรรดิอันงดงามที่นางสวมใส่ก็ทำให้กลิ่นอายของนางเปล่งประกายความสูงส่งออกมาอย่างที่ไม่อาจจับจ้องตรงๆได้
แต่เมื่อนางปรากฏตัวหลายคนหัวใจเต้นแรง และมีความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ทุกคนรู้ดีว่ามีอสูรผู้ยิ่งใหญ่คอยทำหน้าที่เป็นองครักษ์ประจำตัวของนาง ซึ่งแสดงถึงเจตจำนงของเผ่าอสูร ไม่ว่าจะเป็นราชานกยูงหรือนักพรตมังกรแดงพวกเขาสามารถยืมอาวุธเต๋าสุดขั้วของนางได้อย่างง่ายดาย
ในโลกนี้อาวุธเต๋าที่จักรพรรดิอสูรทิ้งไว้เบื้องหลังคือหนึ่งในอาวุธเต๋าสุดขั้วที่สมบูรณ์มากที่สุด เพราะมันถูกเก็บอยู่ในสุสานของจักรพรรดิอสูรมาอย่างยาวนานและไม่เคยได้รับความเสียหายจากสงครามเลย
“ในที่สุดข้าก็ได้พบพวกท่านแล้ว” เย่ฟ่านก้าวไปออกไปและมอบของขวัญชิ้นใหญ่เป็นการรับหน้า
ราชานกยูงตบไหล่เขา แล้วมองดูปรมาจารย์นิกายบางคนพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเกรงว่าคงไม่มีทางเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้สำเร็จ ดังนั้นทางที่ดีควรฆ่าพวกมันให้หมดดีกว่า!”
“บังอาจ เจ้าคิดว่าเรากลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ เราเพียงไม่ต้องการรบกวนผู้คนจากทะเลสาบหยกเท่านั้น?”
คนจากยอดเขาหมอกส่งเสียงตะโกน ในขณะเดียวกันปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนก็เริ่มยืนขึ้น ความแค้นระหว่างพวกเขาและเผ่าพันธุ์อสูรไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นวันนี้แต่มันดำรงมาอย่างยาวนานหลายพันปีแล้ว
“ในทุกรอบที่ทะเลสาบหยกจัดงานจะมีการต่อสู้ระหว่างปรามาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเราก็ถือโอกาสสืบสานเจตจำนงของบรรพบุรุษเลยดีกว่า!”
อู๋เต้าแห่งโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบสามของภาคเหนือ ตู้เทียน เจียงอี้ ทั้งหมดยืนอยู่เคียงข้างราชานกยูง
ความแค้นของผู้คนมากมายถูกสร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน และในการชุมนุมวันนี้พวกเขาพร้อมที่จะถือโอกาสชำระความแค้นกันแล้ว
“ทำไมพวกเจ้าถึงวุ่นวายนัก?”
ราชินีศักดิ์สิทธิ์เกลี้ยกล่อม ไม่อยากให้เกิดการต่อสู้นองเลือด แม้ว่าทะเลสาบหยกจะเตรียมสนามประลองทุกครั้ง แต่นางก็ไม่ต้องการเห็นใครตายเช่นกัน
“พี่มังกรแดงหลังจากสองพันปี ทั้งท่านและข้ายังก็มีชีวิตอยู่” นักพรตอีกากล่าว มีความเศร้าโศกเล็กน้อยในใจของเขา
“ไม่คิดว่าสหายเก่าจะยังมีชีวิตอยู่” นักพรตก็ถอนใจเบาๆเช่นกัน
เมื่อมีนักพรตอีกาเข้าร่วมผู้คนมากมายก็สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ นี่คือหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไม่เป็นหรอหนานกงเจิ้งอย่างแน่นอน!
“เจ้าพวกขี้ขลาดมาสู้กันได้แล้ว!”
ราชานกยูงเหลือบมองทุกคนอีกครั้งแล้วเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ราชานกยูงหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกหรือ?!"
ผู้คนมากมายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดลุกฮือขึ้น ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาตกลงไปในรังหมื่นมังกรและยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายก็ตายไปแบบนั้น จะให้พวกเขาทนรับได้อย่างไร?
"แล้วจะรออะไรอยู่ ข้าจะไปพบเจ้าที่ลานประลองของทะเลสาบหยก!"
แม้ว่าราชานกยูงจะดูเหมือนชายหนุ่มที่หล่อเหลา แต่เขาก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แก่ชรามากที่สุดในตงหวงอย่างแน่นอน
"ดี พวกเราจะพบกันที่ลานประลอง!"
ผู้อาวุโสรองซึ่งเป็นน้องชายของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดผู้ล่วงลับไม่สามารถอดกลั้นความแค้นครั้งนี้ไว้ได้
"บูม!"
วังสวรรค์เดือดพล่านอย่างถึงที่สุด ยอดฝีมือมากมายต่างมุ่งหน้าไปยังลานประลองโดยไม่ได้นัดหมาย
"ได้ชมการประลองระดับปรมาจารย์ คุ้มค่าแล้วที่มาที่นี่!" ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังกระซิบ
"ราชาอสูรทุกคนแข็งแกร่งมาก ข้ากลัวว่าคราวนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราคงพบความสูญเสียอย่างหนักแล้ว"
หน้าห้องโถง เหล่าศิษย์หลายคนใบหน้าเปลี่ยนสีและ ศิษย์สายตรงที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหลักก็มีความเข้าใจในอันตรายจากการประลองนี้เช่นกัน
"หากพวกเราต่อสู้กันเองจนได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่าย เมื่อราชาโบราณตื่นขึ้นพวกเราจะทำอย่างไร"
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ไม่สบายใจมากเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของทุกคน
"นักพรตมังกรแดงและนักพรตอีกา สองคนนี้เป็นอสูรอาวุโสที่ไม่มีใครเทียบได้ หากพวกเขาได้รับชัยชนะในวันนี้จะไม่มีใครในโลกสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้อีก?"
"เจ้าประเมินปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ต่ำเกินไป ยังมียอดฝีมือที่ซ่อนตัวมากมายสามารถต่อสู้กับนักพรตมังกรแดงได้อย่างแน่นอน"
ทั้งในและนอกวังสวรรค์ต่างก็พูดคุยกัน ทั้งเกิดความตื่นเต้นและหวาดกลัวต่อผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อพวกเขามองดูเย่ฟ่าน การแสดงออกของพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเย่ฟ่านจะถูกเมินเฉยอย่างสมบูรณ์แล้ว ชายชราเหล่านี้เพียงต้องการใช้เรื่องของเขาในการแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้น
พวกเขาล้วนเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตัดสินใจที่จะฆ่ากันแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้
"ขอเชิญราชินีศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้เปิดการประลองอย่างเป็นทางการ” ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกล่าว
ลานประลองของทะเลสาบหยกตั้งอยู่บนก้อนเมฆ กล่าวกันว่ามันไม่มีทางตกลงมาที่พื้น
ดินแดนแห่งนี้เป็นซากปรักหักพังที่ทะเลสาบหยกได้รับมาจากดินแดนเซียนในตำนาน ความแข็งแรงของมันเพียงพอที่จะเป็นสนามประลองของผู้อมตะด้วยซ้ำ
ราชินีศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจเบาๆ นางรู้ว่ามันไม่สามารถหยุดลงได้ ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องราวบาดหมางกันมาช้านาน คราวนี้สถานการณ์ยิ่งใหญ่เกินจะควบคุมแล้ว
"ข้าหวังว่าทุกท่านจะเห็นแก่ความเมตตาของสวรรค์ไม่ลงมือเอาชีวิตกันจริงๆ"
"ราชินีศักดิ์สิทธิ์ได้โปรด เปิดลานประลองสู้ด้วย!"
ปรมาจารย์แห่งคฤหาสน์ม่วงพูดเสียงดังพร้อมกับก้าวออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะรอไม่ไหวแล้ว
"การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายในทะเลสาบหยกเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!"
ราชินีศักดิ์สิทธิ์กล่าว เสียงดังกังวานและแผ่กระจายไปทั่ววังอันวิจิตร
ในเวลาเดียวกันทุกคนก็นั่งประจำที่ของผู้ชมและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาพลุ่งพล่านราวกับคลื่นทะเล ผู้คนจากทุกทิศทางมารวมตัวกันราวกับงานชุมนุมทะเลสาบหยกก็เพื่อเหตุการณ์ในตอนนี้ทั้งสิ้น