ตอนที่แล้วบทที่ 29: อเวนเจอร์ส รวมพล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31: หลุดเข้าถ้ำเสือ

บทที่ 30: นิกายอสูรกระดูกขาว  


บทที่ 30: นิกายอสูรกระดูกขาว

กฎข้อหนึ่งของแผนอเวนเจอร์สรวมพลคือ - ความมั่นคง!

เนื่องจากความจริงที่ว่าการฝึกตน, อุปกรณ์และภูมิหลังของพวกขี้โกงนั้นอยู่เหนือกว่าสมาชิกของกลุ่มอเวนเจอร์สอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นทุกคนบนยอดเขาจื่อฉุ่ยรวมถึงเขาจึงต้องเก็บตัวและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะไปทำการแก้แค้น

ทุกคนจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างน้อย 25 ชั่วโมงต่อวัน, 8 วันต่อสัปดาห์, 32 วันต่อเดือนและ 13 เดือนต่อปี

และถ้าทำได้ พวกเขาก็จะไม่รอเป็นฝ่ายถูกโจมตี พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และพวกเขาก็จะต้องลงมือจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นตายแล้วจริงๆ หลังจากนั้น พวกเขาก็จะเผากระดูกของศัตรูและรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณของอีกฝ่ายกลับมาเพื่อเอามาทำลายอีกที พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อกลับมาทำการแก้แค้นแม้แต่ในชาติหน้า

กฎข้อที่สองของแผนอเวนเจอร์สรวมพลคือ - การทำงานเป็นทีม!

ตามระดับอันตรายของพวกขี้โกงและกฎข้อแรก กฎข้อที่สองคือการห้ามการต่อสู้แบบตัวต่อตัวไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่สมาชิกหลายคนก็ยังคงต้องถูกส่งไปปิดล้อมศัตรูจากทุกทิศทุกทาง ถ้าการต่อสู้มีแนวโน้มว่าจะแพ้ พวกที่เหลือก็จะสามารถเข้าไปให้การสนับสนุนได้ทัน...

สมาชิกจะถูกแบ่งออกเป็นทีมแนวหน้า, ทีมต่อสู้หลัก, ทีมสนับสนุน และทีมสำรอง… กองกำลังต่อสู้เหล่านี้จะร่วมมือกันอย่างเคร่งครัด พวกเขาจะต้องเป็นเหมือนตาข่ายที่ไม่ปล่อยให้เหยื่อหนีออกไปได้

หมายเหตุ: การต่อสู้แบบทีมเหล่านี้ไม่รวมตัวของลู่เสี่ยวหรัน เนื่องจากเขาจะต้องเป็นไพ่ตายเพื่อป้องกันไม่ให้ยอดเขาจื่อฉุ่ยทั้งหมดถูกกำจัดออกไป

กฎข้อที่สามของแผนอเวนเจอร์สรวมพลคือ - ข้อมูล!

เนื่องจากพวกขี้โกงเหล่านี้มักจะพบเจอกันโดยบังเอิญ สถานที่ทุกแห่งที่พวกขี้โกงเหล่านั้นไปจึงต้องถูกบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน

ในกรณีส่วนใหญ่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าพวกขี้โกงอาจจะมีสมบัติชั้นยอดติดตัวอยู่

และเนื่องจากพวกขี้โกงสามารถต่อสู้กับผู้คนที่มีการฝึกตนแข็งแกร่งกว่าตนได้ ดังนั้นความแข็งแกร่งของสมาชิกที่เข้าร่วมการต่อสู้จึงจำเป็นจะต้องได้รับการพิจารณาให้อยู่สูงกว่าอีกฝ่ายสองขอบเขตเมื่อเผชิญหน้ากัน ในทางกลับกัน การฝึกตนของพวกขี้โกงเองก็จะต้องได้รับการพิจารณาให้อยู่สูงกว่าข้อมูลที่มีสองขอบเขต โดยสรุปแล้ว มันจะต้องมีความแตกต่างทั้งหมดสี่ขอบเขตโดยประมาณ

ตามสูตรการคำนวณนี้ หากพวกขี้โกงอยู่ที่ขอบเขตสกัดกายา สมาชิกของทีมอเวนเจอร์สรวมพลก็จะต้องอยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญ ความเสี่ยงในการพ่ายแพ้จะต้องอยู่ที่ 10% เท่านั้น หากพวกขี้โกงอยู่ที่ขอบเขตก่อนกำเนิดและทีมอเวนเจอร์สรวมพลยังอยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญ ความเสี่ยงของการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 90%

กฎข้อที่สี่ของแผนอเวนเจอร์สรวมพลคือ – การอยู่อย่างลึกลับ!

มันจะดีที่สุดถ้าพวกเขามีเสื้อคลุมและหน้ากากเอาไว้ปกปิดตัวตน

ด้วยวิธีการนี้ แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าใครสักคนในที่สาธารณะ แต่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก็จะยังไม่ถูกค้นพบ

หลังจากออกแบบกฎชุดนี้เสร็จ ในที่สุดลู่เสี่ยวหรันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาวางพู่กันลงและขมวดคิ้ว

“ฉันจะหยุดไว้ตรงนี้ก่อนชั่วคราว ฉันจะเพิ่มส่วนที่เหลือในภายหลังเมื่อฉันคิดอะไรออกอีกในอนาคต”

เพื่อให้ได้แผนต่างๆ ขึ้นมา ลู่เสี่ยวหรันก็ใช้เวลาในการคิดคำนวณทั้งหมดครึ่งเดือน

ไม่แปลกใจเลยที่ลู่เสี่ยวหรันจะระมัดระวังมาก แม้แต่กับผู้คนที่สัญจรไปมาธรรมดาๆ ก็ยังสามารถทำให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายได้ แบบนั้นแล้วเขาจะประมาทพวกขี้โกงเหล่านั้นได้อย่างไร?

ถ้าเพียงแต่เขามีโอกาสได้พวกขี้โกงแบบนั้นมาเป็นพวกสักหน่อย มันก็คงจะดี จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะถือว่าเสมอภาคกัน

อย่างไรก็ตาม ลูกศิษย์ของเขาทั้งหมดก็ล้วนเป็นตัวซวย

โดยพื้นฐานแล้ว เขาก็ได้รับแต่ศิษย์แย่ๆ มา

มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้อย่างสวยงามโดยปราศจากการวางแผนอย่างรอบคอบ

ในขณะที่กำลังคิด ออร่าในร่างกายของเขาก็กระสับกระส่าย การฝึกตนของเขาได้ทะลวงไปอีกขั้นแล้ว

ขอบเขตสูญสลายขั้นแปด!

“ความก้าวหน้าอีกครั้ง ไม่เลว ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ของฉันจะทำงานหนักมาก หวังไฉ่!”

[ มาแล้วนายท่าน ]

“แสดงหน้าต่างข้อมูลของพวกเขาให้ฉันดูที”1

[ รับทราบ ]

ในไม่ช้า หวังไฉ่ก็แสดงหน้าต่างข้อมูลของทั้งสามคน

ประการแรก การฝึกตนของฟางเทียนหยวนได้เพิ่มขึ้นจากระดับแรกของขอบเขตภูผาสมุทรขั้นหนึ่งไปเป็นขั้นสอง

ถัดมาคือจื่ออู๋เซีย การฝึกตนของเธอได้เพิ่มขึ้นเป็นขอบเขตวิญญาณขั้นแปดแล้ว

สุดท้ายคือหยุนหลี่เกอ การฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นจากขั้นสี่เป็นขั้นหกแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ลู่เสี่ยวหรันตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าพวกนี้? เห็นได้ชัดว่ายิ่งระดับการฝึกตนของพวกเขาสูงขึ้น แทนที่ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาจะช้าลง แต่มันกลับเร็วขึ้นซะอย่างงั้น?”

“ลืมมันไปเถอะ ฉันไม่สน มันเป็นสิ่งที่ดีตราบใดที่มันทำให้การฝึกตนของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

แม้ว่าการฝึกตนของพวกเขาจะยังไม่เพียงพอในสายตาของลู่เสี่ยวหรัน แต่มันก็ยังถือว่าน่าประทับใจมาก

มันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด และเมื่อความเข้าใจในเคล็ดวิชาการฝึกตนของพวกเขาลึกซึ้งขึ้น ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาเองก็จะค่อยๆ ช้าขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในฐานะตัวซวย เห็นได้ชัดว่าความเร็วของพวกเขาไม่ได้ลดลงเลย

มันอาจมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถรักษาระดับความเร็วในการฝึกตนเอาไว้ได้ กระนั้น ศิษย์ของเขาก็สามารถรักษาความเร็วเอาไว้ได้ นี่นับเป็นเรื่องดีสำหรับเขา ด้วยความเร็วระดับนี้ เขาก็จะสามารถก้าวหน้าได้เร็วขึ้น

และหากเขาฝึกตนไปด้วย…

ต้องรู้ว่าความเร็วในการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาการฝึกตนของเขานั้นไร้ที่ติ

แม้ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด แต่เขาก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่าวันเท่านั้นในการทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้

และเนื่องจากเขาสามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้แล้ว ดังนั้นความเร็วของเขาจึงต้องเร็วกว่าอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถพึ่งพาตนเองในการฝึกตนเพียงลำพังได้

แม้จะมีเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ แต่เขาก็ยังต้องการยาและทรัพยากรอื่นๆ เพื่อทะลวงไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถได้รับทรัพยากรมากมายจากนิกายอสูรสวรรค์ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเขารับลูกศิษย์และปล่อยให้ลูกศิษย์ก้าวหน้า เขาก็จะได้รับของขวัญมากมายมากกว่า และนี่ก็เป็นแหล่งทรัพยากรในปัจจุบันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรับศิษย์เพิ่มมาอีกสักสองสามคนเพื่อรักษาความเร็วในการฝึกตนของฉัน”

“มันมีพวกขี้โกงปรากฏตัวขึ้นอยู่เรื่อยๆ และในอัตรานี้ กลุ่มยอดฝีมือขอบเขตราชันยุทธ์ก็อาจปรากฏตัวขึ้นในเร็วๆ นี้ เมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าฉันจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์แล้ว แต่ฉันก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้”

“อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ในขอบเขตราชันยุทธ์ ดูเหมือนว่าฉันควรจะให้บทเรียนแก่พวกเขาทั้งสามคนก่อนและให้พวกเขาทำความเข้าใจเคล็ดวิชาและแนวคิดการฝึกตนของพวกเขาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ความเร็วในการฝึกตนของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเร็วขึ้นเล็กน้อย”

“เอาล่ะ ก่อนอื่นฉันจะต้องเปิดถุงของขวัญเล็กๆ เหล่านี้ก่อน”

ในเวลาเดียวกัน ภายใต้ยอดเขาจื่อฉุ่ย มิติรอบข้างบิดเบี้ยวและร่างๆ หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

“บรรพบุรุษของนิกายอสูรกระดูกขาวของเรานั้นฉลาดจริงๆ เมื่อ 300 ปีที่แล้ว ในตอนที่เราช่วยนิกายอสูรสวรรค์สร้างค่ายกล เราก็จงใจทิ้งค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้ที่ด้านล่างยอดเขาจื่อฉุ่ยเพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องผ่านค่ายกลป้องกันและมาปรากฎตัวที่นี่ได้โดยตรง”

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด