Ep.190 - ดรอปผลึกมิติ
1/4
Ep.190 - ดรอปผลึกมิติ
เจียงหนานนั่งลงและลูบหัวสุนัข
“ว้าว เจ้าหมาหวังเอ๋อ น่าทึ่งจริงๆ นี่นายกำลังใช้สกิลใหม่ช่วยพี่มหาเทพขายของใช่ไหม!”
“ฮ่ง นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจียงหนานน้อย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?” หมาฮัสกี้ยิ้ม เมื่อได้รับคำชมมันแลบลิ้นออกมาอย่างมีความสุข ขณะเดียวกันยกอุ้งเท้าสุนัขอธิบายว่า “เปิ่นหวังคือสุนัขที่มีความสามารถรอบด้าน ว่าไง สนใจดูอุปกรณ์ใหม่ๆของเจ้านายไหม เดี๋ยวเปิ่นหวังลดให้”
เจียงหนานยกมือขึ้นเกาแก้มเธอ เกิดอาการลำบากใจขึ้นมา
อุปกรณ์พวกนี้มีแต่ของดีๆทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกเลเวล 6 ไม่ก็ 7
ขณะที่เธอพึ่งอัพเลเวล 5 เมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะงั้นแทบไม่มีอุปกรณ์ชิ้นไหนที่เธอใช้งานได้เลย
แล้วอีกอย่าง นักศึกษาสาวยากจนมาก หินคริสตัลในมือเธอเกรงว่าคงมีไม่เพียงพอ
เจียงหนานคิดเล็กน้อยก่อนหยิบสิ่งหนึ่งออกมา “ถึงหินคริสตัลในมือฉันจะมีน้อย แต่วันนี้บังเอิญได้ของดีบางอย่างมา ไม่รู้พี่มหาเทพจะสนใจรึเปล่า”
ของดี?
เป็นพวกอุปกรณ์ หินสกิล หรือม้วนคัมภีร์กันล่ะนั่น?
แต่น่าเสียดายที่เขาเดาผิด เมื่อเจียงหนานหยิบสิ่งที่เธอเอ่ยถึงออกมา ประกายของความประหลาดใจพลันฉายวาบในแววตาของฮังอวี่
[ผลึกมิติสีเทา] สีเทาคุณภาพสูง สามารถใช้หลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณและเพิ่มมิติวิญญาณได้
หือ?
นี่มันผลึกมิติวิญญาณอันแสนหายาก!
มิติวิญญาณก็เหมือนกับมิติเก็บของ
มิติวิญญาณไม่ใช่อะไรที่สิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณทุกตนจะครอบครองได้
มันคือสิ่งที่ชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณสามารถเปิดได้ในช่วงหลังๆเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้มนุษย์จะพิเศษกว่าพวกมัน เพราะสามารถครอบครองมิติเก็บของได้ตั้งแต่ต้นเกม
ว่าแต่มีวิธีรับหรือขยายมิติวิญญาณหรือไม่?
คำตอบคือมี และวิธีการหลักๆก็คือการหาผลึกมิติ
อย่างไรก็ตาม ผลึกมิตินั้นหายากมาก มันแทบไม่มีการระบุว่าสามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีไหน ในช่วงต้นเกม เกรงว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่สามารถดรอปได้จากหีบสมบัติเท่านั้น
นี่คือผลึกมิติสีเทาซึ่งมีระดับต่ำสุด
มันสามารถเพิ่มมิติวิญญาณได้ประมาณหนึ่งลูกบาศก์เมตร
แม้ปริมาณที่เพิ่มจะมีขนาดเล็ก แต่เอฟเฟกต์จะคงอยู่ตลอดไป
เมื่อพิจารณาจากความหายากของผลึกมิติแล้ว มูลค่าของเจ้าสิ่งนี้จึงไม่ด้อยไปกว่าหินสกิลใดๆในช่วงนี้
“เป็นของดีจริงๆ มันสามารถเพิ่มพื้นที่ในมิติเก็บของได้ราวๆหนึ่งลูกบาศก์เมตร” ฮังอวี่คุ้นเคยกับเจียงหนาน ดังนั้นเขาไม่คิดเอาเปรียบเธอ บอกถึงประสิทธิภาพของมัน “เธออยากแลกเปลี่ยนกับอะไรล่ะ?”
“หนึ่งลูกบาศก์เมตรเองหรอ? น้อยจัง!”
เจียงหนานรู้สึกว่าหนึ่งลูกบาศก์เมตรมันเหมือนแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เธอยังไม่ทราบถึงความหายากของผลึกมิติ และยังไม่แน่ใจถึงคุณค่าของเจ้าสิ่งนี้
“ดูท่าแล้วเธอคงเลือกไม่ถูก งั้นฉันแนะนำว่าอย่าเลือกพวกมันเลย เพราะอุปกรณ์พวกนี้ค่อนข้างใช้งานได้จำกัดโดยเฉพาะกับเธอ” ว่าจบ ฮังอวี่หยิบหินสกิลจากมิติเก็บของและยื่นให้เจียงหนาน “นี่คือหินสกิล ‘คำพิพากษา’ ที่ฉันดรอปได้ในวันนี้ มันคือหนึ่งในสกิลที่ทรงพลังที่สุดในช่วงแรกของอาชีพนักบวช”
“หินสกิล? แถมยังเป็นสกิลประเภทโจมตี!”
ดวงตากระจ่างใสของเจียงหนานเบิกกว้างขึ้นทันใด
แต่แล้วเธอก็ชะงักไป นิ่งงันพักหนึ่ง “นี่ ... มันล้ำค่าเกินไป!”
ฮังอวี่สามารถรับผลึกมิติในราคาที่ต่ำกว่านี้ก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเจียงหนานไม่รู้อะไรเลย เธอไม่ทราบว่ามันหายากและมีค่า แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้น
เพราะน้องสาวคนนี้สามารถไว้ใจได้
และฮังอวี่เองก็ไม่ใช่คนคิดแต่จะหากำไรกับคนสนิท
นอกจากนี้ เขาจำเป็นต้องมีนักบวชที่มีพลังรบเพียงพอที่จะเรียนรู้สกิลนี้ ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์ต่อแผนการขั้นต่อไปของเขา และเจียงหนานคือผู้ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะคำนึงถึงในด้านความสัมพันธ์และเลเวล
“รับไป”
ไอเท็มทั้งสองมีค่าพอๆกัน
แต่ในเรื่องความหายาก ผลึกมิติจะสูงกว่า
ดังนั้น ในแง่การซื้อขาย การแลกเปลี่ยนนี้ฮังอวี่เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่สกิลคำพิพากษามีความสำคัญอยางยิ่งต่อเจียงหนาน ฉะนั้นในมุมมองของเขา การแลกเปลี่ยนี้นักศึกษาสาวไม่ถือว่าเสียเปรียบซะทีเดียว
แต่การที่ฮังอวี่แลกเปลี่ยนผลึกมิติ
อันที่จริงเขาไม่ได้จะเก็บไว้ใช้เอง
ฮังอวี่มอบผลึกมิติให้แก่หวังเอ๋อ
ฮัสกี้เอียงหัวแลดูสับสน “ฮ่ง?”
“เอาไปใช้ซะ ผลึกมิติสามารถเปิดมิติวิญญาณหรือเพิ่มพื้นที่ในมิติวิญญาณได้ สำหรับฉัน จะมีมิติเก็บของมากขึ้นหนึ่งลูกบาศก์เมตรหรือลดลงหนึ่งลูกบาศก์เมตรมันแทบไม่มีผลเลย และในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา นายมีคุณสมบัติมากพอที่จะเปิดมิติวิญญาณ”
ดวงตาของฮัสกี้เปล่งประกาย!
นี่ไม่ได้หมายความว่าสุนัขที่ตลอดมาไม่มีมิติเก็บของสามารถเปิดมิติวิญญาณได้ตราบเท่าที่ใช้ผลึกมิตินี้ใช่หรือไม่?
สำหรับฮังอวี่
ผลึกนี้ไม่ต่างอะไรจากน้ำตาลโรยหน้าเค้ก
แต่สำหรับหวังเอ๋อ นี่เปรียบเสมือนการได้รับชีวิตใหม่
คุณค่าและความหมายในก่อนและหลังมีมิติวิญญาณนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฮัสกี้ไม่เสียเวลาไร้สาระ มันใช้งานผลึกมิติทันที ผลึกมิติสีเทากลายเป็นจุดแสง ไหลเข้าสู่ร่างของหวังเอ๋อ และมันพบว่าตัวเองสามารถเปิดมิติเก็บของได้แล้ว
“ฮ่ง!”
“นี่มันยอดเยี่ยมมาก!”
“ขอบคุณเจ้านายสำหรับความกรุณา!”
แม้มิติเก็บของของหวังเอ๋อจะมีขนาดเล็กมาก แต่หลังจากนี้ไป มันสามารถใช้เก็บสมบัติเมื่อจำเป็น และช่วยฮังอวี่ขนของในบางครั้งที่เขาไม่สะดวก
ถึงอย่างไร หมาหวังเอ๋อคือสัตว์วิญญาณในพันธสัญญาของฮังอวี่
ฉะนั้นมิติเก็บของของมัน ก็คือมิติเก็บของของฮังอวี่มิใช่หรือ?
บางครั้งการใส่ไข่ในตะกร้าหลายใบก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้
แน่นอน ฮังอวี่ก็ต้องระวังไม่ให้หวังเอ๋อพลาดตายเช่นกัน เพราะหากมิติเก็บของอัดแน่นไปด้วยไอเท็ม บางครั้งมันอาจมีโอกาสดรอปตอนถูกฆ่า
ทางด้านเจียงหนาน เธอรียนรู้หินสกิลคำพิพากษาแล้ว
หลังจากเห็นเอฟเฟกต์ของสกิล ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแสดงความปิติยินดีออกมาอย่างไม่อาจควบคุม
นี่คือสกิลโจมตีที่ทรงพลังมาก ด้วยสกิลนี้ เจียงหนานไม่ต้องอยู่ฝ่ายสนับสนุนเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เธอสามารถหาจังหวะเหมาะๆ โจมตีแรงๆช่วยเหลือคนอื่นๆได้
ตั้งแต่ตอนเริ่มเกม
ฮังอวี่คือคนที่มอบหินสกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นให้แก่เธอ
ช่วยฉุดเธอจากคนไร้ประโยชน์ให้กลายเป็นผู้รักษา
และมาในวันนี้
เป็นอีกครั้งที่เจียงหนานได้รับหินสกิลจากฮังอวี่
เขาได้ช่วยให้ผู้รักษาที่ได้แต่อยู่ข้างหลังสามารถเปลี่ยนจากการสนับสนุนเพียงอย่างเดียวเป็นออกมาโจมตีในแนวกลางหรือแนวหน้ากับคนอื่นๆได้
เจียงหนานรู้สึกขอบคุณฮังอวี่ที่ช่วยดูแลเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ
ถึงตอนนี้ พวกจ้าวหมิงและคนอื่นๆได้มาถึงด้านหน้าของฮังอวี่แล้ว เมื่อพวกเขาเห็นเจียงหนานได้รับหินสกิลอันทรงพลัง ทุกคนก็แสดงสีหน้าหดหู่ออกมา เพียงเพราะมาช้าไปไม่กี่ก้าว ไม่น่าเชื่อว่าจะพลาดหินสกิลดีๆไปได้
“ฮ่ง ฮ่ง ฮ่ง!”
“ทุกท่านมาทางนี้”
“เชิญเดินดูอุปกรณ์ใหม่ๆ!”
“พวกมันเป็นอุปกรณ์สดใหม่ที่พึ่งดรอปจากมอนสเตอร์ในวันนี้!”
ขณะนี้จ้าวหมิงยังคงอยู่ในเลเวล 5
อย่างไรก็ตาม เขาสะสมแต้มวิญญาณได้ 60-70% แล้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเลเวล 6 มากนัก
จางเสี่ยวเฉียง เฉินหยู และผู้เล่นเลเวล 5 อีกหลายคนเองก็อยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน
แต่ฉูเทียนหัวเป็นกรณีพิเศษ เขาสามารถอัพเลเวล 6 ได้แล้ว การพัฒนาของเขาเร็วมาก เพราะถึงยังไงก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ก้าวกระโดดกว่าทุกคนเช่นนี้
ฉูเทียนหัวขมววดคิ้วเล็กน้อย “นายไปได้อุปกรณ์เลเวล 6 7 มากมายพวกนี้มาจากที่ไหน”
“ผมสำรวจบริเวณรอบนอกของเขาวงกต แถวนั้นมีมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 6 7 อยู่มากมาย”
ฮังอวี่ถือโอกาสนี้กวาดสายตามองฉูเทียนหัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
อีกฝ่ายมีอุปกรณ์สีเขียวบนตัวถึงสองชิ้น และอุปกรณ์ทุกชิ้นบนตัวล้วนยอดเยี่ยม เกรงว่าพลังรบคงแก่กล้าขึ้นอีกแล้ว “ผมกำลังหาเพื่อนร่วมทีมในครั้งหน้า ถ้าบอสฉูสนใจ เอาไว้พวกเราไปบุกเขาวงกตกัน”
ดวงตาของฉูเทียนหัวสั่นไหวเล็กน้อย
เขาเป็นถึงเลเวล 6 และได้การเรียนรู้สกิลโจมตีถึง 5 ชนิด
พลังรบในปัจจุบันสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าโดดเด่น
สำหรับมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 6 7 จำนวนมากที่อยู่รอบนอกเขาวงกต เขาเองก็รู้สึกสนใจเช่นกัน
“เอาล่ะ มาโลกวิญญาณครั้งหน้านับรวมฉันอยู่ในทีมได้เลยนะ” ว่าจบ สายตาของฉูเทียนหัวก็เริ่มกวาดมองอุปกรณ์บนแผงลอย และในที่สุดก็หยุดลงเหนืออุปกรณ์สีขาวอ่อนเลเวล 7 “กระบี่หนักเล่มนี้ขายยังไง?”
“ฮ่ง บอสฉูสายตาเฉียบแหลม กระบี่หนักเล่มนี้เป็นอาวุธที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ทั้งหมดบนแผงลอย ถึงมันจะด้อยกว่าหอกของเจ้านาย แต่ในฐานะที่เป็นอาวุธสีขาว นับว่าทรงพลังมากแล้ว ตอนนี้ถ้าคุณต้องการมัน เปิ่นหวังยินดีขายแค่ 60 หินคริสตัลขาวเท่านั้น”
ขายในราคา 60 หินคริสตัลขาว?
ทันทีที่ฉูเทียนหัวได้ยินคำนี้
เขาแทบอดใจไม่ไหว เกือบพุ่งไปบีบคอสุนัขจนตาย
ฉูเทียนหัวตัดสินใจข้ามหัวฮัสกี้ “เสี่ยวฮัง ขอราคามิตรภาพให้ฉันซื้ออาวุธนี้จะได้ไหม?”
ทุกคนรู้ว่าฉูเทียนหัวมีสกิลพรสวรรค์ ‘ปรมาจารย์อาวุธ’ เขาสามารถสวมใส่อาวุธที่มีเลเวลสูงกว่าตนหนึ่งขั้น ดังนั้นเลือกกระบี่หนักเลเวล 7 แม้เลเวลในตอนนี้ของตนจะยังอยู่แค่ 6 ก็ตาม
“ฮ่ง บอสฉูพูดแบบนี้เกรงว่าคงไม่เหมาะสม”
“ข้อเสนอของเปิ่นหวังถือเป็นราคาของเจ้านาย”
“เพราะเห็นว่าคุณเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้านาย เปิ่นหวังถึงยอมขายอาวุธดีๆแบบนี้ในราคาแค่ 60 หินคริสตัลขาว ถ้าไม่รู้จักกัน ราคาได้พุ่งพรวดไป 80 หินคริสคัลขาวแน่นอน”
ฮัสกี้ทั้งสามเดินมารวมตัวกันทันที
พวกมันแยกฉูเทียนหัวออกห่างจากฮังอวี่
ฉูเทียนหัวต้องเผชิญหน้ากับฮัสกี้สามตัวรุมเถียงพร้อมๆกัน เส้นเลือดดำเริ่มผุดขึ้นตามขมับและใบหน้าเขา เจ้าตัวคล้ายภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดออกมา
“ตอนนี้หินคริสตัลขาวค่อนข้างหายาก ในมือฉันมีไม่มากพอ ขอติดเป็นเครดิตไว้ก่อนได้ไหม?”
“ถ้าฉันได้ถือมัน ตอนพวกเราร่วมมือกันฉันจะได้แสดงพลังรบได้มากกว่าในตอนนี้”
“ฮ่ง เปิ่นหวังเป็นสุนัขที่ดี รู้จักเมตตากรุณา ยุติธรรม มีคุณธรรมและน่าเชื่อถือก็จริง แต่เจ้านายเคยสอนว่าอย่าไปยืมของคนอื่น และอย่าให้คนอื่นยืมของเช่นกัน”
วินาทีนั้น สามฮัสกี้เผยสายตาดูแคลนพร้อมกัน กล่าวด้วยท่าทีสุนัขว่า “ไม่ใช่เปิ่นหวังกับเจ้านายไม่เห็นด้วย แค่ว่าหากบอสฉูตกอยู่ในสถานะลูกหนี้ เดี๋ยวจะมีชื่อเสียงไม่ดี”
ไอ้หมาชาติเปรต
เอ็งมันก็แค่สุนัขตัวหนึ่ง
ทำมาพูดว่ารู้จักเมตตากรุณา ยุติธรรม มีคุณธรรม
ก็ได้วะ ใครจะอยากติดหนี้บุญคุณสุนัขกัน!
ฉูเทียนหัวรู้อยู่แล้ว ว่าฮังอวี่ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกเอาง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮัสกี้ที่มีถึงสามตัว และเขาไม่สามารถโต้เถียงกับสุนัขต่อหน้าผู้คนจำนวนมากได้ แบบนั้นมันน่าอับอายเกินไป
แล้วอีกอย่าง ด้วยคารมคมคายของฮัสกี้และเหตุผลที่มันพ่นออกมา
ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถต่อรองได้จริงๆ
ฉูเทียนหัวไม่คิดโต้เถียงไร้สาระอีกต่อไป
เขาหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมา
“ฉันมีหินสกิลนักธนูอยู่ในมือ”
“ในเมื่อนายเรียนรู้สกิลศรจู่โจมของนักธนูแล้ว งั้นคงต้องการสกิลอื่นของอาชีพนักธนูด้วย ถูกไหม?”
“นายน่าจะรู้ดีว่าหินสกิลนี้มีค่ามากขนาดไหนสำหรับตัวเอง ดังนั้น นอกจากกระบี่หนักแล้ว ฉันขอเลือกอุปกรณ์สีขาวอีกสองสามชุด”
“ฮ่ง บอสฉูช่างใจกว้าง หยิบหินสกิลออกมาแลกต่อหน้าแขกทุกคน แต่เรื่องนี้เปิ่นหวังตัดสินใจเองไม่ได้” ฮัสกี้หันกลับไปมองฮังอวี่ “เจ้านายคิดว่าอย่างไร?”
ฮังอวี่ตรวจสอบหินสกิลก่อน
จากนั้นพยักหน้า “ที่บอสฉูพูดมาก็มีเหตุผล ผมจะไม่ทำให้บอสฉูลำบากใจอีก ในเมื่อบอสฉูใจกว้างถึงขนาดนี้ ทางเราก็ยินดีรับข้อเสนอ”
ไร้สาระน่า
แลกเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้กับหินสกิล
คงจะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธ!