เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 235
ตอนที่ 235
เสี่ยวหวงเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงออกมา เขาเป็นเพียงเด็กน้อยวัยสามถึงสี่ปีที่มีใบหน้าอ่อนนุ่มและดวงตากลมโต
“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” หลินซวนยิ้ม เขาร้องตะโกนออกมาพลางโบกมือก่อนที่แสงรอบกายจะจางไปเปิดเผยให้เห็นทารกน้อยที่ดูน่ารักไร้เดียงสา
“ว้าว เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่ากว่าเราจะได้เจอกันคงอีกนานทีเดียว ไม่คาดเลยจะได้พบเจ้าอีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้!” เสี่ยวหวงหัวเราะและเดินเข้าไปกอดหลินซวน
“ฮ่าๆๆๆ ข้าเองก็มิได้คาดคิดเช่นกัน แต่บอกว่าอีกเนิ่นนานจึงจะได้พบกันนั้น เจ้าจะไม่ดูถูกข้าเกินไปรึ? เจ้าพวกนั้นมีหรือจะรั้งคนอย่างข้าเอาไว้ได้!” หลินซวนเอ่ยอย่างภาคภูมิ มีเพียงเวลาอยู่ต่อหน้าเสี่ยวหวงเท่านั้นที่เขาจะกระทำตัวเป็นเด็กน้อยเช่นนี้
“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้ามาด้วย ไม่เลวเลยทีเดียว ได้ยินว่าเจ้าจัดการหอเทพอัคคีและตระกูลใหญ่บางส่วนด้วยตนเอง!” หวงหาวกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! เจ้าเองก็ไม่ต่างกันมิรึ? ได้ยินมาว่าเจ้าค้นพบมิติลับมาไม่น้อยเลยเช่นกัน!” หลินซวนเยินยอเจ้าเด็กน้อยตรงหน้า
และทั้งคู่ต่างพูดคุยกันอย่างมีความสุข ณ ที่แห่งนั้น
“โอ้? สหายน้อยทั้งสองมาจากที่ไหนกัน? เหตุใดจึงได้มาปรากฏตัวอยู่ในแดนลึกลับแห่งนี้?” ไกลออกไป มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เขาอดสับสนขึ้นมามิได้เมื่อมองไปเห็นเด็กน้อยทั้งคู่นั้น
“เพ้ย เจ้าทั้งสอง ขอข้าถามสิ่งใดหน่อย แผ่นศิลาเคยมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ใช่หรือ?” ร่างนั้นเอ่ยถามกับหลินซวนและหวงหาว
ชายคนนั้นอยู่ทางด้านหลังของหลินซวน และเขาเองก็มิได้คิดจะหันกลับไปมอง เป็นเสี่ยวหวงที่เมื่อเห็นคนใกล้เข้ามาก็รีบใช้พลังปกปิดตัวตนในทันที
รุ่นเยาว์ผู้นั้นที่เอ่ยถามทั้งคู่เป็นเด็กน้อยตัวขาวอวบที่มีวัยราวแปดถึงเก้าหนาว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูน่ารักน่าชัง
เป็นเสี่ยวหวงที่มองรุ่นเยาว์ผู้นั้นและกล่าวขึ้น
“รีบไปให้พ้นๆ เสีย ข้าพบอสูรร่างมนุษย์เช่นเจ้ามาบ้างและพวกมันล้วนน่ารำคาญทั้งสิ้น!”
รุ่นเยาว์ผู้นั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทาน ไม่เช่นนั้นคงมิใส่ใจจะตามหาแผ่นศิลา ต้องรู้ก่อนว่าหากไม่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล่าเมล็ดพันธุ์แรกกำเนิดทั้งหลายย่อมไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องศิลาแผ่นนั้น อย่างมากที่สุดหากเป็นเพียงอัจฉริยะทั่วไปคงเพียงซักถามถึงสถานที่ซึ่งมันปรากฏขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้
หลินซวนหันกลับไปและมองยังรุ่นเยาว์ผู้นั้น มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะไม่มีความต้องการต่อสู้ใดๆ
โดยเฉพาะเมื่อสังเกตถึงปราณวิญญาณที่ทรงพลังจนรอบด้านปั่นป่วนบนร่างของอีกฝ่าย และหลินซวนมิเคยพบเจอเด็กชายผู้นี้มาก่อน
“เด็กน้อย พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังสนทนากับผู้ใดอยู่?” มันมองไปยังทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา
กลิ่นอายของมันกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ บนร่างมันปรากฏเป็นเกราะสีดำสนิทที่มีอักขระแฝงอยู่ เพียงมันมองจ้องมา ความหนาวเย็นก็แพร่กระจายโดยรอบทันที
วูบ!
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่กลิ่นอายนั้นถูกปลดปล่อย ร่างนั้นก็กะพริบไหว เกราะสีดำนั้นเริ่มขยับราวกับมีชีวิต ก่อนที่มันจะกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้ามาฟาดฟันใส่เสี่ยวหาวด้วยกระบี่เล่มยาว มันถึงขั้นจู่โจมโดยไม่เอ่ยคำใด
“ไสหัวไป!”
มันคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ปราณกระบี่ทรงพลัง ในยามที่วาดผ่าน สีสันของใต้หล้าก็แปรเปลี่ยนไป ก่อนที่ปราณกระบี่นั้นจะโอบล้อมตัวหลินซวนซึ่งมีสีหน้าช่วยไม่ได้อยู่เอาไว้
‘ข้ายังมิทันได้กล่าวอันใดเลยนะ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?’
อันที่จริงแล้ว จะกล่าวว่าสิ่งที่กำลังถาโถมเข้าเป็นปราณกระบี่ก็ไม่ถูกต้องนัก คำอธิบายที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นคำว่าทะเลแห่งปราณกระบี่จะถูกต้องกว่า
“บัดซบ นี่ไม่ดีแล้ว ทารกน้อย รอข้าด้วย!”
เมื่อเสี่ยวหวงเห็นการโจมตีของศัตรู ดวงตาเขากลับเปล่งประกายตื่นเต้น เขาโบกกำปั้นพลางพุ่งออกไป ไม่เห็นทะเลปราณกระบี่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ต้องรู้ก่อนว่าในแดนลึกลับนั้น เสี่ยวหวงได้รับโชคก้อนใหญ่ทีเดียว และสิ่งนั้นก็มิได้ด้อยค่าไปกว่าที่หลินซวนได้รับแม้แต่น้อย
ในตอนที่เสี่ยวหวงกระโจนเข้าไป กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์โบราณปรากฏอยู่รอบกายของเขา ก่อนที่มันจะเริ่มขยายตัวขึ้นโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง เมื่อปราณกระบี่ทั้งหลายเข้ามาใกล้กลิ่นอายจากร่างของเขา พวกมันก็จางหายไปในทันที
จากนั้น เสี่ยวหวงก็ซัดกำปั้นออกไป เมื่อรวมเข้ากับกลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างแล้ว เบื้องหลังของศัตรูก็ปรากฏเป็นวิญญาณโบราณขึ้น ในชั่วพริบตา เสี่ยวหวงผสานอาคมโบราณเข้ากับพลังปราณของตน
การโจมตีที่ทรงอำนาจนี้เสี่ยวหวงบรรลุมันภายหลังจากที่ประสบกับการต่อสู้มากมายในแดนลึกลับ ทันใดนั้นเอง โลกทั้งใบก็ราวกับกำลังสั่นสะท้าน
ตูม!
ใต้หล้าสั่นไหวราวกับกำลังร่ำไห้ ช่างหน้าเหลือเชื่อยิ่งนักที่มันมิอาจจะทานทนการโจมตีนี้ของหวงหาวได้เลย
เทือกเขาโดยรอบเริ่มถล่มทลายอย่างต่อเนื่อง
“โอ้ะ? นั่นมันอะไรกัน? มีผู้ยิ่งใหญ่สักคนกำลังคลานขึ้นมาจากใต้พิภพหรือ?”
“ใช่แล้ว เขาย่อมมาจากใต้พิภพ เป็นบุตรแห่งสรวงสวรรค์!”
ใครบางคนจำจดลักษณะของรุ่นเยาว์ในชุดเกราะผู้นั้นได้
“ไม่มีทาง มีใครสักคนสามารถหยุดบุตรแห่งสรวงสวรรค์ได้? ต้องรู้ก่อนว่าชายผู้นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“ไม่คิดเลยว่าจะพบผู้ที่สามารถหยุดบุตรแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งแสนทรงพลังได้จริงๆ”
ผู้คนต่างกำลังพูดคุยกัน
“นั้นมิใช่เทพสังหารน้อยหรอกหรือ? เจ้าต้องรู้ก่อนว่าข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาที่ไม่นานมานี้เขากลับสังหารหนึ่งในเมล็ดพันแรกกำเนิดลงได้ ความแข็งแกร่งเช่นนั้นย่อมเหนือล้ำจินตนาการ!”
“ไม่ นั่นมิใช่เทพสังหารน้อย มิเห็นกลุ่มก้อนแสงที่อยู่เบื้องหลังหรือ? เป็นรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่ง…. ยิ่งกว่านั้น ข้าคิดว่าทั้งคู่เป็นฝ่ายเดียวกัน!”
“อะไรนะ! เป็นมิได้ มันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้นกับโลกใบนี้? เหตุใดเด็กน้อยจึงได้ทรงอำนาจนัก?”
การต่อสู้นั้นกล่าวได้ว่าสามารถเขย่าโลกทั้งใบ มันจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก เหล่าคนที่ได้ยินข่าวสารจึงตามมาดูต่างก็ตกตะลึงไปกับฉากเบื้องหน้าของตน
หลินซวนมองไปยังบุตรแห่งสรวงสวรรค์ผู้นั้นด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เขาสามารถบอกได้ว่ามันแข็งแกร่งไม่น้อย และบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวมันทำให้รอบด้านหม่นหมอง เมื่อประเมินดูให้ดีแล้ว เกรงว่ามันจะทรงพลังเสียยิ่งกว่าเซียนสาวจากหอวิญญาณทองคำเสียด้วยซ้ำไป
ในทุกคราที่มันขยับจู่โจม กลิ่นอายทรงพลังก็แผ่กำจาย… ปราณหยินที่ดูราวกับจะกัดกร่อนทุกสรรพสิ่งทำให้หลินซวนรู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง