ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 232
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 234

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 233


ตอนที่ 233

หากใครที่ต้องการจะเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของแดนลึกลับ คนผู้นั้นจำต้องข้ามผ่านค่ายกลแห่งหนึ่ง หลังจากที่มีผู้คนมากมายทดลองเกี่ยวกับค่ายกลนี้ พวกเขาก็พบว่าหากทะเล่อทะล่าพุ่งเข้าไปในค่ายกลนั้น กระทั่งวิญญาณก็ย่อมไม่หลงเหลือให้กลับออกมา

ทว่า หากพวกเขามีแผ่นศิลานี้ ย่อมสามารถผ่านค่ายกลนั้นไปได้โดยง่าย และจะไม่โดนการโจมตีใดๆ จากมัน แม้ว่าความเป็นจริงแล้วจะมีแผ่นศิลาเช่นนี้มากกว่าหนึ่งชิ้นในแดนลึกลับก็ตามที แต่นี่กลับเป็นแผ่นแรกที่รุ่นเยาว์ทั้งหลายพบเจอ

ในเมื่อโอกาสเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของแดนลึกลับปรากฏอยู่ตรงหน้า หากผู้ใดได้ครอบครองมันและกลายเป็นผู้แรกที่ได้เข้าไปยังส่วนลึกนั้น ย่อมมีโอกาสที่จะได้ลงมือเก็บเกี่ยวทรัพยากรต่างๆ เป็นคนแรกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้รุ่นเยาว์ทั้งหลายจึงไม่ยินยอมที่จะปล่อยแผ่นศิลาชิ้นนี้ให้หลุดไปจากมือ

ในระหว่างที่ทุกคนเคลื่อนไหว หลินซวนเองก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย เขาเดินตรงไปยังที่อยู่ของศิลาแผ่นนั้นช้าๆ แม้เขาไม่อาจทราบได้ว่ามันมีไว้เพื่อการใด แต่เมื่อเห็นผู้คนโดยรอบเคลื่อนไหวเช่นนี้ เขาย่อมรับรู้ได้ว่ามันมิใช่สิ่งธรรมดาสามัญ และเขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไป

ในระหว่างที่หลินซวนเดินหน้าเข้าไปด้วยความสงสัย เขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางคนลอบเข้ามาด้านหลังของเขา เขาเพียงหันไปก่อนจะรู้สึกว่ามีกำปั้นกำลังพุ่งเข้ามาด้วยกลิ่นอายทรงพลัง

เขามิได้ประหลาดใจแต่อย่างใด อย่างไรเสียก็มีผู้คนที่มิได้ใส่ใจชีวิตของผู้อื่น จากนั้นร่างของเขาก็กะพริบไหวและหลบเลี่ยงการโจมตีนั้นได้อย่างหมดจด ม่านตาของเขาหดลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบางอย่าง

“เจ้ามาจากหอเทพอัคคี?”

“หึ! ข้าจะฆ่าเจ้า!” หนึ่งในพวกมันทั้งคู่ถือกระบี่เล่มยาวอยู่ในมือและพุ่งเข้ามาหวังสังหารหลินซวน พวกมันมิใช่ใครอื่นหากแต่เป็นคนจากหอเทพอัคคีทั้งสองที่เหลือรอดอยู่

และพวกมันก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะลงมือกับเขา

“ฮี่ๆ ข้าไม่ได้มีเวลาละเล่นกับพวกเจ้ามากนัก จะไปทำสิ่งใดก็ไสหัวไป ไว้ข้าได้รับแผ่นศิลานั้นมาครอบครองเมื่อไหร่ ความตายของเจ้าจะเกิดขึ้น ข้าแนะนำให้พวกเจ้าหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!” หลินซวนยิ้มจางๆ ระหว่างที่กล่าวกับอีกฝ่าย เขามิได้สนใจการคงอยู่ของพวกมันทั้งคู่แม้แต่น้อย

อย่างไรเสีย รุ่นเยาว์จำนวนมากมายขึ้นเรื่อยๆ ก็กำลังมุ่งหน้าไปยังศิลาแผ่นนั้น เวลากำลังกระชั้นชิดยิ่ง ร่างของหลินซวนจึงหายไปในชั่วพริบตาและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่นั้น

ความเร็วของเขานับได้ว่ามหาศาล ทุกครั้งที่เหยียบย่าง ก็ก้าวผ่านระยะทางนับพันจั้ง

เมื่อพวกมันทั้งคู่เห็นเช่นนั้น ในใจของพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ใครเล่าจะคาดคิดว่าศัตรูจะเมินเฉยตนเองเช่นนี้ หนึ่งในพวกมันเอ่ยอย่างดุร้าย

“ปล่อยมันไปก่อน เขาต้องช่วงชิงแผ่นศิลาเป็นอย่างแรก แล้วค่อยร่วมมือกันจัดการเจ้าตัวบัดซบผู้นั้น!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว อย่างไรเสีย สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือการได้รับศิลาแผ่นนั้น การเข้าไปยังส่วนลึกของแดนลึกลับนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด!”

พวกมันทั้งสองพูดคุยกันอย่างมั่นใจ และเดินหน้าเข้าไปยังพื้นที่ด้านหน้า

ในตอนนี้ ปราณวิญญาณจากผู้คนทั้งหลายกระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ประกายแสงหลากสีถูกปลดปล่อยออกมาราวกับไร้ที่สิ้นสุด ทุกคนต่อปะทะกันอย่างไม่ไว้ไมตรี

ทันทีที่หลินซวนย่างเท้าเข้ามาในพื้นที่นี้ ใครบางคนก็จู่โจมเขาด้วยการซัดฝ่ามือเข้าใส่

ชัดเจนว่าบัดนี้รุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างกลับกลายเป็นบ้าคลั่งไปเสียแล้ว นั่นเพราะว่าแผ่นศิลามีแค่หนึ่งเดียว และทุกคนต่างต้องการจะได้มันมาครอบครองไว้ เช่นนั้นแล้ว นอกจากคนที่เป็นพวกเดียวกัน ผู้อื่นล้วนแล้วแต่ถูกนับว่าเป็นศัตรู

“หืม?” หลินซวนปัดป้องการโจมตีที่เข้ามา จากนั้นเขากำลังจะโจมตีกลับไปเพื่อกำราบผู้ที่เข้ามาปะทะเขา แต่เขากลับต้องประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าคนคนนั้นแท้จริงแล้วคือเป่ยเฉินหลาน

บัดนี้ เขากำลังสวมใส่เกราะอยู่ และหากพิจารณาจากรูปการณ์เช่นนี้แล้ว หลินซวนทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง

เขาทำเพียงหันหลังและจากไป ด้วยไม่ต้องการจะสังหารเป่ยเฉินหลานลง แม้อีกฝ่ายจะโจมตีใส่เขา แต่หลินซวนจะถือเสียว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“ดูเหมือนว่าแผ่นศิลานี้จะสำคัญยิ่งนัก ข้าสงสัยเสียจริงว่าเสี่ยวหวงอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่!” หลินซวนมองไปรอบด้านพลางบ่นกับตนเอง

หลินซวนทราบดีถึงเหตุผลที่เสี่ยวหวงเลือกจะเข้ามายังแดนลึกลับแห่งนี้ นั่นเป็นเพราะเด็กน้อยคนนั้นเองก็ต้องการจะค้นหาโอกาสในการได้พัฒนาตนเองเช่นกัน ไม่ต่างกับที่เขาเป็น เป้าหมายของทั้งคู่ย่อมเป็นการเอาชนะผู้คนทั้งใต้หล้าเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้

และเป็นไปตามที่หลินซวนคาดการณ์ไว้ ร่างที่กำลังยืนอยู่บนยอดเขาไกลออก เด็กหนุ่มผู้นั้นกำลังหรี่ตามองไปยังสมรภูมิ ปราณวิญญาณที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ด้านหลังเขาแสดงให้เห็นถึงความกระหายที่จะต่อสู้

ร่างนั้นดูยังเด็กยิ่งนักและมิได้มีส่วนใดที่ดูคล้ายกับเสี่ยวหวงแม้แต่น้อย ชัดเจนว่าคนผู้นี้กำลังใช้วิธีบางอย่างในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตน

ในตอนนั้นเอง หากมองเข้าไปยังดวงตาของเด็กคนนั้นจะค้นพบความกระหายในการต่อสู้ และร่างของเขากำลังสั่นเทิ้ม แต่มิใช่เป็นเพราะความหวาดกลัว หากแต่เป็นความตื่นเต้นยินดี

หลินซวนตระหนักได้ถึงร่างนั้น และกำลังคิดว่าเขาจะใช่เสี่ยวหวงหรือไม่?

แต่สิ่งที่ค้นพบกลับทำให้หลินซวนตกใจยิ่งนัก เมื่อเขาใช้นัยน์ตาหยินหยางของตน เขากลับไม่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้

ร่างของเด็กน้อยผู้นั้นห้อมล้อมไปด้วยรูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังปกป้องเขาอยู่ ชัดเจนว่านี่ต้องเป็นสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่สักคนช่วยเหลือเด็กชายคนนั้น

เด็กน้อยยังคงยืนนิ่งอยู่บนยอดเขาและมองไปยังการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

โฮก!!

ทันใดนั้นเอง เสียงดังก้องออกมาจากในภูเขาลูกที่เด็กน้อยผู้นั้นยืนอยู่ ก่อนที่อสูรตนหนึ่งที่รูปร่างคล้ายมังกรและพยัคฆ์จะปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา กรงเล็บขนาดยักษ์ของมันยกสูงขึ้นและตะปบลงมายังศีรษะของเด็กชาย

อสูรตนนี้มีระดับปราณอยู่ในขั้นที่เก้าของแดนปรับปรุงกาย มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำเนิดในแดนลึกลับ บัดนี้ทั่วร่างของมันกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลัง พร้อมด้วยอักขระสีทองจำนวนมากที่เต้นระริกอยู่โดยมีกรงเล็บนั้นเป็นศูนย์กลาง

จิตใต้สำนึกของหลินซวนสั่งให้เขาโจมตีออกไป

นั่นเป็นเพราะความสนใจทั้งหมดของเด็กน้อยยังคงมุ่งอยู่ที่สนามรบด้านหน้า แต่อสูรตนนั้นกลับลอบโจมตีจากด้านหลัง ทำให้เด็กหนุ่มมิได้ตระหนักถึงภัยที่กำลังใกล้เข้ามา

ในสถานการณ์เช่นนี้ เด็กน้อยผู้นั้นย่อมต้องไปรับบาดเจ็บอย่างแน่นอน

แม้หลินซวนจะยังไม่อาจบอกได้ว่าเด็กน้อยผู้นั้นใช่เสี่ยวหวงจริงหรือไป แต่เขาก็มิอยากรับความเสี่ยง เขาไม่อยากให้เด็กน้อยเช่นหวงหาวต้องรับบาดเจ็บ

เช่นนั้นหลินซวนจึงเร่งฝีเท้าของตนและพุ่งเข้าใส่อสูรตนนั้นทันที

วูบ!

ประกายแสงเจิดจ้าขึ้น และเด็กชายผู้นั้นก็หายไปจากจุดที่เขายืนอยู่ เขาหลบหลีกการโจมตีจากอสูรเบื้องหลังได้ในพริบตา ความรวดเร็วเช่นนั้นย่อมิใช่สามัญ กระทั่งหลินซวนเองยังตกตะลึงอยู่บ้าง ยิ่งกว่านั้น ในตอนที่เด็กน้อยหลบการโจมตี เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอสูรที่ตะปบใส่เขาเสียด้วยซ้ำ… ชัดเจนว่าเขาค้นพบการดำรงอยู่ของอสูรตนนั้นมาเนิ่นนานแล้ว แต่เกียจคร้านเกินกว่าจะใส่ใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด