บทที่ 23: ปัญหาใหญ่
บทที่ 23: ปัญหาใหญ่
“เอ่อ…”
ลู่เสี่ยวหรันค่อนข้างพูดไม่ออก
“บอกมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฮือ… พวกนางมอบผู้หญิงน่าเกลียดตัวมหึมาให้ข้า นางน่าเกลียดยิ่งกว่าผู้อาวุโสช่างตีเหล็กของนิกายอสูรสวรรค์ของเราซะอีก ไม่ไหว! แม้ตายข้าก็ไม่อาจลบภาพนั้นออกไปได้ รอยจูบของนางยังติดอยู่ที่คอของข้าอยู่เลย…”
“แล้วเปลี่ยนผู้หญิงคนอื่นไม่ได้หรอ?”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมให้ข้าไปหาผู้หญิงคนอื่น นางบอกว่ามันไม่ง่ายสำหรับนางที่จะได้งาน ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าจะยอมจ่ายให้นางตามที่สัญญาเอาไว้ก็ได้ แต่นางก็ยังไม่ยอมให้ข้าจากไป หลังจากนั้นนางก็ทิ้งรอยสองรอยนี้เอาไว้ นางบอกว่าถ้านางไม่อนุญาต ข้าก็จะไม่มีทางไปไหนได้!”
ลู่เสี่ยวหรัน: "…"
“แล้วเจ้าขัดขืนไม่ได้หรอ?”
“ข้าพยายามแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้อาวุโสของกลุ่มอาคาเซียและเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตภูผาสมุทร ฮือ ข้าไม่สามารถเอาชนะนางได้!”
ลู่เสี่ยวหรันมองดูเทพธิดาที่อยู่ข้างๆ
เทพธิดากล่าวขอโทษ “ข้าขอโทษจริงๆ นั่นเป็นผู้อาวุโสของกลุ่มอาคาเซียของเรา ศิษย์ของเราไม่มีสิทธิ์จัดการนางได้ ถ้านายท่านหลี่รู้สึกแย่จริงๆ ท่านก็สามารถร้องเรียนได้”
“ข้าต้องทำยังไง!”
“ท่านสามารถไปที่นิกายสาขาหลักที่เมืองหลวงของอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาราเซียของเราก็เป็นสถานที่พักผ่อนและให้ความบันเทิงที่เหมาะสม ท่านสามารถบ่นเกี่ยวกับทักษะการนวดของพวกนางได้เท่านั้น ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา… เพราะฉะนั้น ต่อให้ท่านพูดไป ท่านก็ทำอะไรไม่ได้”
ลู่เสี่ยวหรัน: "…"
นี่แหละบริษัทใหญ่...
นิกายส่วนใหญ่ในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่นั้นเป็นนิกายขนาดเล็ก บางแห่งถึงกับไม่มีทางได้รับความสนใจจากอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ และโดยพื้นฐานแล้ว กลุ่มอาคาเซียก็เป็นปลาตัวใหญ่ในนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง หลี่เต๋าหรันจึงพูดไม่ออก
ลู่เสี่ยวหรันตบไหล่หลี่เต๋าหรันเพื่อปลอบโยน
“คราวนี้ลืมมันไปเถอะ เราไม่จำเป็นต้องลดระดับตัวเองลงมาแบบนี้อีกแล้ว ในอนาคต เราก็จะไม่มาที่กลุ่มอาคาเซียอีก”
หลี่เต๋าหรันพูดอย่างโกรธเคือง “ถูกต้อง ในอนาคต แม้ว่าข้าจะไม่ได้สัมผัสผู้หญิงอีกต่อไป แต่ข้าก็จะไม่ขอมาที่กลุ่มอาคาเซียอีกเด็ดขาด!”
“เอาล่ะ เรารีบกลับไปที่นิกายกันเถอะ พวกเราออกมาเกือบทั้งวันแล้ว ข้าสงสัยว่านิกายจะทำการตรวจสอบค่ายกลเสร็จแล้วรึยัง”
“ไปกันเถอะ!”
หลี่เต๋าหรันเดินออกจากกลุ่มอาคาเซียด้วยความโกรธ เมื่อทั้งสองมาถึงนอกกลุ่มอาคาเซีย ฟางเทียนหยวนก็เดินเข้ามาทันที
“อาจารย์”
หลี่เต๋าหรันตกตะลึง เขาชี้ไปที่ฟางเทียนหยวนและพูดกับลู่เสี่ยวหรัน “เสี่ยวหรัน นี่คือ…?”
“นี่คือลูกศิษย์ที่ข้าเพิ่งรับเข้ามา เขาชื่อฟางเทียนหยวน เทียนหยวน นี่คือหลี่เต๋าหรัน อาจารย์ลุงของเจ้า”
ฟางเทียนหยวนป้องหมัดทันทีและพูดว่า “ทำความเคารพอาจารย์ลุง”
“งั้นเจ้าก็เป็นหลานศิษย์ของข้าสินะ หึๆ เจ้าคู่ควรกับการเป็นลูกศิษย์ที่ผู้อาวุโสลู่มาก ดูความสามารถของเจ้าสิ ในอนาคต ข้าคิดว่าอย่างน้อยเจ้าก็จะต้องสามารถไปถึงขอบเขตภูผาสมุทรได้อย่างแน่นอน”
มุมปากของฟางเทียนหยวนกระตุก
ปัจจุบันเขาก็อยู่ที่ขอบเขตภูผาสมุทรขั้นหนึ่งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็เป็นอาจารย์ลุงของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดให้อีกฝ่ายเสียหน้าได้
“ขอบคุณสำหรับการชมเชยของท่าน อาจารย์ลุง”
“ไม่เป็นไร! ไม่เลว เจ้าค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตน เอาของขวัญต้อนรับนี้ไป”
หลี่เต๋าหรันหยิบถุงเก็บของเล็กๆ ออกมาแล้วยื่นให้เขา
“ขอบคุณท่านอาจารย์ลุง”
ฟางเทียนหยวนได้รับถุงเก็บของและกวาดความคิดของเขาเข้าไป ทันใดนั้น ขนทั้งหมดบนร่างกายของเขาก็ลุกชันขึ้น
แท้จริงแล้วมันคือหินวิญญาณระดับสูง 6666 ก้อน
คุณพระ!
ของขวัญชิ้นนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรอ?
คนของนิกายอสูรสวรรค์ทุกคนใจกว้างอย่างนี้เลยหรอ?
ก่อนหน้านี้ อาจารย์ของเขาก็ได้มอบยาฟื้นฟูแก่นแท้ให้กับเขาโดยไม่ใส่ใจ
มาตอนนี้ อาจารย์ลุงของเขาก็ได้มอบหินวิญญาณระดับสูงจำนวน 6666 ก้อนให้เขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่ในเผ่าวานรโบราณ ของขวัญดังกล่าวก็ยังนับได้ว่าใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง
ดูเหมือนว่ามันจะมีนยอดฝีมือมากมายในนิกายอสูรสวรรค์!
ในฐานะที่เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตภูผาสมุทรขั้นหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจว่าเขาควรจะเก็บตัวนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
หลี่เต๋าหรันได้รับหินวิญญาณระดับสูงมา 200,000 ก้อนเพราะลู่เสี่ยวหรัน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะตอบแทนลู่เสี่ยวหรันด้วยวิธีการนี้
ถ้าเป็นคนอื่น หลี่เต๋าหรันก็คงจะใจดีมอบหินวิญญาณระดับสูงให้เพียง 6 ก้อนเท่านั้น
ในขณะนี้ ร่างหลายร่างก็พุ่งเข้ามาจากระยะไกลในทันที
พวกเขาทั้งหมดสวมชุดผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายอสูรสวรรค์
ผู้ที่นำหน้าคือหลินเจี๋ย เพื่อนเก่าของลู่เสี่ยวหรันและหลี่เต๋าหรัน
“เต๋าหรัน เสี่ยวหรัน ในที่สุดข้าก็พบพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว”
“หลินเจี๋ย เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
การแสดงออกของหลินเจี๋ยดูเคร่งขรึม
“พวกเจ้าสองคนนี่ช่างประมาทซะจริงๆ พวกเจ้ามาที่กลุ่มอาคาเซียก่อนที่ผู้อาวุโสจะตรวจสอบค่ายกลได้อย่างไร? มันมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในนิกาย”
หลี่เต๋าหรันรู้สึกตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่านิกายจะถูกโจมตีแล้วค่ายกลแตก?”
“ไม่ใช่”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
“ผู้อาวุโสหนึ่ง ผู้อาวุโสฮวงและศิษย์คนอื่นๆ ทั้งหมดติดอยู่ในค่ายกลของนิกาย”
“อะไรนะ?!”
หลี่เต๋าหรันตกใจมากจนกรามของเขาเกือบจะหลุด
“ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย?”
หลินเจี๋ยกลอกตาไปที่เขาด้วยความโกรธ
“แม้แต่ข้าก็ยังต้องใช้ค่ายกลช่วยชีวิตของนิกายเพื่อเคลื่อนย้ายออกมาตามหาพวกเจ้าทั้งสองคน แบบนี้แล้วยังคิดว่าข้าพูดเล่นหรอ?”
“แย่แล้ว! ผู้อาวุโสลู่ ฝีมือของเจ้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ?”
ลู่เสี่ยวหรันลูบจมูกของเขาและค่อนข้างพูดไม่ออก
เขาใช้พละกำลังเพียง 50% เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้อาวุโสหนึ่งจะติดกับดักด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงประเมินความแข็งแกร่งของค่ายกลของเขาต่ำเกินไปและประเมินความแข็งแกร่งของผู้คนจากนิกายอสูรสวรรค์สูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ถูกต้อง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มอบเหรียญตราให้พวกเขาแล้วไม่ใช่หรอ?
ทันใดนั้นอัจฉริยะลู่เสี่ยวหรันก็คิดอะไรบางอย่างออก
“ชั่งเรื่องนั้นไปก่อน ข้าบอกให้เจ้ามอบเหรียญตราให้ลูกศิษย์ของเจ้าไปแล้วนี่ เจ้าไม่ได้ทำตามที่ข้าพูดหรอ?”
หลี่เต๋าหรันเกาหลังศีรษะด้วยความเขินอาย
“ข้าคิดว่าเจ้าทำแค่ซ่อมแซมค่ายกลเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่คิดว่าพวกผู้อาวุโสคนอื่นๆ จะผ่านออกมาไม่ได่ นอกจากนั้น ข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก”
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างอีกหลายร่างก็พุ่งเข้ามาจากระยะไกล
ร่างเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสจากนิกายอสูรสวรรค์
“ฮะ… ฮ่า… ในที่สุดข้าก็พบพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว รีบกลับไปที่นิกายกันเถอะ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”
หลี่เต๋าหรันรู้สึกสับสน
“ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นอีก?”
“ผู้นำนิกายเพิ่งออกมาจากสันโดษและพยายามจะทดสอบค่ายกลป้องกันนิกายดู เขาทะลุผ่านชั้นแรกได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บจากค่ายกลโจมตีในชั้นที่สอง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงติดอยู่ในค่ายกลชั้นที่สอง!”
“อะไรนะ? แม้แต่ผู้นำนิกายก็ยังติดกับดัก?”
ทันทีที่หลี่เต๋าหรันพูดจบ กลุ่มคนจากนิกายอสูรสวรรค์อีกกลุ่มก็รีบวิ่งเข้ามา
“มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสอีกหลายคนเองก็เพิ่งออกมาจากสันโดษและพยายามจะเจาะผ่านค่ายกล ในท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็ติดอยู่ในค่ายกล ในตอนนี้ นิกายทั้งนิกายก็กำลังยุ่งเหยิง พวกเขากำลังรอพวกเจ้าสองคนกลับไปช่วยพวกเขา!”
“อ้า ไม่มีทาง แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังผ่านไปไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องตลกเสียนี่กระไร! ผู้นำนิกายและผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสูญสลายไม่ใช่หรอ?”
ลู่เสี่ยวหรันจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
“กล้าดียังไงมาพูดแบบนั้น เจ้าโง่ ถ้าเราไม่กลับไปตอนนี้ เราก็อาจจะต้องถูกลงโทษ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รีบไปที่นิกายทันที
คนอื่นๆ ตามไปในทันที
ฟางเทียนหยวนเองก็ติดตามไปด้วย แต่มันก็มีพายุผุดขึ้นในหัวใจของเขา
เดิมทีเขาคิดว่าอาจารย์ของเขาอาจจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสูญสลาย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่าระดับการฝึกตนของอาจารย์ของเขาอาจจะเกินขอบเขตสูญสลายไปแล้ว!
ระดับการฝึกตนของอาจารย์ของเขาคืออะไรกันแน่?