ผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 9
ผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 9
ซูชิงจู้เดินนำเย่เฟยไปทางประตู
เย่เฟยไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้ว่าซูชิงจู้มีเรื่องอยากจะคุยกับเขา เขาเองก็อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเช่นกัน
'โฮสต์ ใช้โอกาสนี้ล่ะ โอกาสที่คุณจะได้อยู่กันสองต่อสองกับซูชิงจู้ไม่ได้มีมาบ่อยๆนะ' ทันใดนั้นเสียงของระบบก็ดังขึ้น
เย่เฟยเพียงยิ้มบาง
ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันออกจาห้องรับแขก
ท่าทางของซูชิงจู้ยังคงดูเย็นชาเหมือนแต่ก่อน
ขณะที่ซูชิงจู้นำเย่เฟยเดินผ่านสระน้ำของวิลล่า จู่ๆซูชิงกู้ก็เปิดปากพูดขึ้นว่า "คุณชายเย่ วันนี้ต้องขอบคุณคุณที่ช่วยปู่ของฉันเอาไว้ ฉันรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ"
"คุณหนูซูสุภาพไปแล้ว" เย่เฟยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เมื่อเขาตอบกลับมาแค่นี้ บรรยากาศรหว่างทั้งสองก็กลายเป็นอึดอัดทันที
ซูชิงจู้เม้มริมฝีปากก่อนจะพูดว่า "ปู่ของฉันยังไม่หายดี ไม่รู้ว่าคุณพอจะมีเวลามารักษาท่านด้วยการฝังเข็มอีกหรือเปล่า? ฉันเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของท่าน"
"ครับ คุณปู่ซูเองก็เป็นผู้อาวุโสของผมเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำอยู่แล้ว" เย่เฟยตอบ
นับแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด เย่เฟยไม่ได้เอ่ยถึงซูชิงจู้แม้แต่น้อย
ซูชิงจู้เม้มปาก จากนั้นจึงพูดขึ้นเบาๆ "ขอบคุณ"
พูดจบ เธอก็นิ่งเงียบไป
เธอเป็นคนไม่ค่อยพูด ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะชวนเย่เฟยคุยเรื่องอะไรดี
เย่เฟยก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะคุยกับซุชิงจู้
อย่างไรก็ตาม เพียงเงียบได้ครู่หนึ่ง ระบบก็ส่งเสียงออกมาด้วยความกังวล 'โฮสต์ นี่เป็นโอกาสดีที่จะสานสัมพันธ์กับซูชิงจู้เชียวนะ คุณต้องคว้าโอกาสนี้ไว้สิ เร็วเข้า ชวนเธอคุยเร็ว!'
'เงียบน่า' เย่เฟยบอกระบบให้เงียบ
เย่เฟยมีแผนการในใจอยู่แล้ว
ได้ยินคำตอบของเย่เฟย ระบบก็ไม่พอใจพลางส่งเสียงฮึ่มๆออกมา กระนั้นก็ยังเงียบแต่โดยดี
เย่เฟยและซูชิงจู้ไม่มีใครพูดอะไรอีกตลอดทางจนกระทั่งมาถึงประตูทางเข้าของวิลล่า
ขณะที่เย่เฟยกำลังจะเดินออกจากประตู ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงของซูชิงจู้อีกครั้ง
ซูชิงจู้มองเย่เฟยด้วยดวงตาสดใสขณะที่เปิดปากขึ้นว่า "เย่เฟย คุณไปเรียนรู้วิธีการฝังเข็มมาจากที่ไหนเหรอ? ทักษะการฝังเข็มของคุณยอดเยี่ยมมาก"
นี่เป็นข้อสงสัยที่ติดอยู่ในใจซูชิงจู้ตั้งแต่ที่ได้เห็นเขาแสดงฝีมือ
เย่เฟยไปร่ำเรียนทักษะการฝังเข็มมาตอนไหนกัน?
ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน?
เย่เฟยจึงตอบกลับว่า "คุณหนูซู ก็คุณไม่เคยถามผมนี่ว่าผมฝังเข็มได้รึเปล่า"
ซูชิงจู้พลันชะงักกึกจนทำให้กระโปรงของเธอแนบเนื้อจนเผยเอวอ้อนแอ้นและส่วนโค้งเว้าออกมา
เย่เฟยเหลืองมองดู โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกและก้นอันกลมกลึงนั้น จากประสบการณ์ของเขาแล้วก็บอกได้เลยว่า นี่เป็นลักษณะของผู้หญิงที่เหมาะจะอยู่บ้านเป็นภรรยาที่สุด
เย่เฟยเบือนหน้าหลบก่อนจะพูดขึ้นเบาๆว่า "คุณหนูซู ก่อนหน้านี้ผมเคยตามจีบคุณ หลงใหลได้ปลื้มคุณสุดๆ ผมรู้ว่าคุณชื่นชอบการขี่ม้าและจัดดอกไม้ แต่คุณล่ะ รู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง?"
ซูชิงจู้ตกตะลึงเล็กน้อย บนใบหน้าอันเย็นชานั้นปรากฏสีหน้าที่ดูซับซ้อนขึ้นมา
เย่เฟยยักไหล่ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรว่า "ดูเหมือนคุณจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมเลย รู้เรื่องของผมก็แค่ตอนที่อยู่ด้วยกันเท่านั้น ดูเหมือนว่าคุณจะมองว่าผมเป็นพวกไร้แก่นสารน่ารำคาญสินะ คุณรู้ไหมว่านั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บอยู่ในใจ"
คำพูดของเย่เฟยนั้นทั้งตรงไปตรงมาและออกจะแรงอยู่บ้าง
ในนิยายนั้น คุณชายเย่หลงใหลและทุ่มเทความรักให้ซูชิงจู้หมดใจ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่อาจตำหนิซูชิงจู้ไปซะทั้งหมด
สุดท้าย คุณชายเย่ก็จะได้รู้ว่าซูชิงจู้นั้นเป็นโรคกลัวผู้ชาย ดังนั้นจึงปฏิเสธการเข้าหาจากเพศตรงข้าม
ตามเนื้อเรื่องในนิยายนั้น แม้แต่พระเอกอย่างเฉินหลัวก็ยังต้องชนกับกำแพงที่เธอสร้างขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนั้นเย่เฟยตอนนี้ยังสงสัยว่า ท่าทีที่เปลี่ยนไปของซูชิงจู้นั้นอาจจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากรัศมีของตัวเอกที่เขาแย่งชิงมา
"ฉัน...." ซูชิงจู้เปิดปากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน
เพราะสิ่งที่เย่เฟยนั้นล้วนแต่เป็นความจริง
เธอไม่เคยสนใจเย่เฟยเลย แม้ว่าเย่เฟยจะกระตือรือร้นที่จะเอาใจใส่เธอ แต่เธอกลับไม่เคยจะเรียนรู้เรื่องราวอะไรของเขาเลยแม้แต่น้อย
นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นโรคกลัวผู้ชาย ดังนั้นซูชิงจู้จึงปิดใจ และไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายคนใด
พอได้ฟังคำพูดของเย่เฟยแล้ว เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมา
บางที นี่อาจจะเป็นความผิดของเธอจริงๆ?
"คุณหนูซู คุณป่วย เป็นอาการป่วยทางด้านจิตใจ" จู่ๆเย่เฟยก็พูดขึ้น
ซูชิงจู้ขมวดคิ้ว "คุณหมายความว่ายังไง?"
คำพูดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของเย่เฟยที่อยู่ๆก็บอกว่าเธอป่วยทำให้ซูชิงจู้ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ในใจลังเลว่าจะพูดความจริงออกมาดีไหม
เย่เฟยจ้องดวงตาที่ใสกระจ่างราวกับสายน้ำนั้นก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ "คุณไม่ทราบปัญหาของตัวคุณเองงั้นเหรอ? คุณหนูซู ดูเหมือนว่าคุณจะมีปัญหากับการปฏิสัมพันธ์กับผู้ชาย"
"ฉัน....." ซูชิงจู้พลันลนลาน จู่ๆเย่เฟยก็พูดโพล่งความลับที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้ออกมา เธอจะไม่ตกใจได้ยังไง?
เห็นท่าทางของเธอแล้ว เย่เฟยก็พูดต่อ "คุณหนูซู สถานการณ์ของคุณตอนนี้นั้นอันตรายมาก หากคุณยังเอาแต่หลบเลี่ยงต่อไป คุณจะไม่เพียงแค่ไม่อยากจะพูดคุยกับผู้ชายเท่านั้น แต่มันอาจทำให้คุณกระทั่งไม่อยากจะปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก กลายเป็นคนเก็บตัวและซึมเศร้า"
สีหน้าของซูชิงจู้ซีดลงเล็กน้อย เธอส่ายหน้าและยังคงไม่พูดอะไร
เห็นซูชิงจู้เงียบไป เย่เฟยก็พูดปลุกเร้าให้เธอลุกขึ้นสู้ต่อ
เย่เฟยพูดว่า "คุณหนูซู หากผมเดาไม่ผิด เรื่องนี้คงเกิดขึ้นก็เพราะคุณเคยเห็นพ่อของคุณใช้ความรุนแรงในครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เกิดเงามืดขึ้นภายในใจ คุณเลยรู้สึกปฏิเสธการเข้าหาจากผู้ชายทุกคนใช่มั้ย?"
"ด้วยความเคารพเลยนะ ความคิดของคุณออกจะสุดโต่งไปสักหน่อย ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนในโลกนี้หรอกนะที่จะทำร้ายผู้หญิงเหมือนกับที่พ่อของคุณเคยทำ"
"ถ้าคุณยังคงปิดใจตัวเองแบบนี้ต่อไป สุดท้ายมันก็จะทำร้ายทั้งครอบครัวของคุณและตัวคุณเอง"
"คุณปู่ของคุณจะต้องรู้สึกเสียใจเพราะไม่อาจช่วยอะไรคุณได้ และคุณอาจจะต้องจากโลกนี้ไปด้วยความโดดเดี่ยว"
คำพูดของเย่เฟยนั้นทั้งเฉียบคมและตรงไปตรงมา
ซูชิงจู้พลันเงยหน้าขึ้น ใบหน้าอันงดงามนั้นซีดขาวอยู่บ้าง
เย่เฟยรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
เขารู้ความลับของเธอได้ยังไง?
เงามืดในวัยเด็กของเธอนั้น ควรจะมีแต่เธอและปู่ของเธอเท่านั้นที่รู้สิ
คำพูดอันแหลมคมของเย่เฟยได้ทำลายปราการในจิตใจของซูชิงจู้!