ผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 10
ผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 10
ยิ่งเย่เฟยพูดออกมา ซูชิงจู้ก็ยิ่งหน้าขาวซีด
อันที่จริง เนื่องจากเธอเป็นโรคกลัวผู้ชาย ซูชิงจู้จึงมักจะปิดกั้นหัวใจของเธอไว้ ทุกครั้งที่เธอติดต่อกับผู้ชาย เธอมักจะนึกถึงฉากความรุนแรงที่พ่อของเธอเคยกระทำในตอนที่เธอยังเป็นเด็กขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งเพราะเหตุนี้เอง เธอจึงค่อยๆกลายเป็นคนปิดกั้นความรู้สึก
การที่เธอมีหน้าตางดงาม ควบคู่กับมีออร่าประมาณว่า 'อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ' ปกคลุมอยู่รอบตัว ดังนั้นแม้แต่ผู้หญิงก็ยังไม่อยากคบหาเธอเป็นเพื่อน
แวดวงสังคมของเธอนับว่าแคบมาก เธอทำได้เพียงแต่พึ่งพาตัวเธอเอง
เย่เฟยพูดถูกแล้ว
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อาการกลัวผู้ชายของเธอมีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเธอก็จะกลายเป็นคนปิดกั้นตัวเองโดยสมบูรณ์
เย่เฟยพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง "ดังนั้นผมขอแนะนำนะ หากว่าคุณไม่ต้องการจะปิดกั้นตัวเองอีกต่อไป คุณก็มีแต่จะต้องพยายามออกมาจากเงามืดภายในใจให้ได้"
"ไม่อย่างนั้น ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ปัญหาภายในใจของคุณก็ยิ่งยากจะแก้ไข"
ซูชิงจู้ขบริมฝีปาก จากนั้นจึงถามขึ้นว่า "คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?"
เย่เฟยยักไหล่ "ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอก คุณเพียงแค่ต้องกังวลกับเรื่องของคุณเอง"
พูดจบ เย่เฟยก็โบกมือให้ซูชิงจู้เบาๆก่อนจะขับรถเบนท์ลีย์มุลซานน์ออกไป
ณ ที่ตรงนั้น ซูชิงจู้เพียงยืนนิ่งเงียบอยู่กับที่ ขับเน้นความบอบบางของหญิงสาวออกมา
ซูชิงจู้มองดูเย่เฟยขัยรถออกไป ภายในใจเกิดความรู้สึกอันซับซ้อน
.............................
เย่เฟยขับรถกลับมาบ้านอย่างอารมณ์ดี
ทันใดนั้น ระบบก็เริ่มสื่อสารกับเขาอีกครั้ง [โฮสต์ คุณนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ คุณเพิ่งเปิดเผยความลับของซูชิงจู้ออกไปตรงๆ!]
"แล้ว?" เย่เฟยถาม
[โฮสต์ เขาไปพูดแบบนั้นกับซูชิงจู้ ไม่กลัวว่าซูชิงจู้จะโกรธคุณเหรอ?] ระบบถามด้วยความใคร่รู้
เย่เฟยยิ้มบาง "ที่แท้เธอก็ยังไม่เข้าใจนี่เอง"
[ฉันไม่เข้าใจอะไร?] ระบบถามด้วยเสียงโกรธๆราวกับแมวถูกเหยียบหาง
"เมื่อกี้เธอก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ใช้โอกาสตอนที่อยู่ตามลำพังชวนซูชิงจู้พูดคุย และให้โอกาสขอโทษซูชิงจู้" เย่เฟยตอบเบาๆ
ระบบตอบกลับทันที [ก็นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มความสัมพันธ์กับซูชิงจู้ไม่ใช่เหรอ? คุณเพิ่งจะช่วยปู่ของเธอ อีกทั้งเธอยังรู้สึกสำนึกขอบคุณคุณ]
เย่เฟยส่ายหน้า "ก็แค่รู้สึกขอบคุณเท่านั้น แต่สำหรับผู้หยิงอย่างซูชิงจู้แล้ว เธอไม่เหมือนคนทั่วไป"
ระบบนิ่งเงียบไปชั่วขณะ [นั่นคือเหตุผลที่คุณจงใจยั่วโมโหเธอเหรอ?]
“ใช่ ซูชิงจู้เป็นโรคกลัวผู้ชาย ดังนั้นจึงมีความระแวดระวังต่อผู้ชายทุกคน สำหรับผู้หญิงประเภทนี้แล้ว คุณจะเข้าใกล้เธอได้ก็ต่อเมื่อคุณถอดชุดเกราะหนาๆของเธอออกมาเท่านั้น” เย่เฟยตอบด้วยความมั่นใจ
ในเมื่อเขาต้องการจะปล้นชิงโชคชะตาของเฉินหลัว ดังนั้นหากต้องการจะพิชิตหัวใจของซูชิงจู้ก่อนอีกฝ่าย เขาก็จำต้องวางแผนให้ดี
ระบบเพียงต้องการให้เย่เฟยใช้โอกาสนี้เข้าใกล้ซูชิงจู้ แต่เย่เฟยกลับเลือกใช้อีกทางหนึ่ง นั่นคือพูดกับเธอตรงๆเกี่ยวกับโรคกลัวผู้ชายของเธอ
อันที่จริง นั่นก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าใกล้ซูชิงจู้จริงๆ
แต่ตราบใดที่ซูชิงจู้ยังเป็นโรคกลัวผู้ชายอยู่ หัวใจของซูชิงจู้ก็ยากจะเปิดรับผู้ชายคนใดเข้าไป
ซูชิงจู้รู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยปู่ของเธอแล้วอย่างไร? สุดท้ายผลลัพธ์ก็ยังคงลงเอยเหมือนเดิม นั่นไม่ใช่ว่าเขาต้องกลับไปเป็นสุนัขตามก้นเธอเหมือนเดิมเหรอ?
เย่เฟยส่ายหน้า
จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า "ดังนั้น หากต้องการจะพิชิตใจซูชิงจู้ พร้อมกับตัดความเชื่อมโยงระหว่างเธอกับเฉินหลัวโดยสมบูรณ์ นั่นก็มีอยู่ทางเดียว คือรักษาโรคกลัวผู้ชายของเธอก่อน"
[ฮึ่ม มารอดูกันว่ามันจะได้ผลไหม] ระบบส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
เย่เฟยยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ เพราะความประทับใจที่ซูชิงจู้มีต่อคุณเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณจึงได้รับค่าประสบการณ์ 100 แต้มเป็นรางวัล]
เพียงไม่นาน เย่เฟยก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ
เพิ่มค่าประสบการณ์โดยตรง!
กลับกลายเป็นว่าวิธีของเย่เฟยนั้นได้ผล
คำพูดที่เขาพูดกับซูชิงจู้นั้นได้ผล
อันที่จริง เย่เฟยแทบจะไม่ได้พูดอะไรมาก
เป็นเพราะซูชิงจู้ทุกข์ทรมาณกกับโรคกลัวผู้ชายมานาน เธอจึงเกลียดผู้ชายทุกคน แต่เมื่อเธอตกลงปลงใจกับใคร เธอก็จะทุ่มเทให้กับผู้ชายคนนั้นจนหมดหัวใจ
"ไง มีอะไรจะพูดไหม?" เย่เฟยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ
ระบบส่งเสียงหึในลำคอ [ฮึ่ม คุณพูดถูก]
ระบบพูดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง หากแต่ในน้ำเสียงของเธอแฝงความยินดีเอาไว้อย่างปิดไม่มิด
"ตอนนี้ปัญหาเรื่องตระกูลซูก็ได้รับการแก้ไขแล้ว ต่อให้เฉินหลัวมาถึงเหยียนจิงก็คงยากจะก่อคลื่นลมอะไร" เย่เฟยพูดขึ้นเบาๆ
เย่เฟยฉกฉวยโอกาส ปรับเปลี่ยนเส้นเนื้อเรื่องได้สำเร็จ
ในนิยายนั้น เฉินหลัวได้ทำการรักษาอาการของซูเสี่ยวคุนได้สำเร็จ จึงได้รับความสำนึกขอบคุณจากตระกูลซู ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้พักอยู่ในวิลล่าตระกูลซู และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับซูชิงจู้ตลอดทั้งวัน
ทว่าตอนนี้ พล็อตเรื่องได้ถูกเย่เฟยปรับเปลี่ยนไปแล้ว
[โฮสต์ไม่ควรประมาท ความสัมพันธ์ของเฉินหลัวในเหยียนจิงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ตระกูลซู] ระบบเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
เย่เฟยตอบว่า "อืม ฉันรู้แล้ว ยังคงมีเวลาเหลืออีกสองสามวัน ขอฉันคิดก่อนว่าจะแก้ปัญญายังไง"
[โฮสต์ ฉันคาดหวังในตัวคุณนะ]
"ยังไงก็เถอะ ฉันอยากจะใช้แต้มประสบการณ์" เย่เฟยพลันพูดขึ้น
เฉินหลัว ในฐานะตัวเอก เขาไม่เพียงแต่จะครอบครองรัศมีของตัวเอกเท่านั้น แต่ยังมีพรสวรรค์อันหลากหลาย เฉินหลัวไม่ได้มีดีแค่ทักษะการแพทย์ แต่ยังเก่งในด้านการต่อสู้ เขาสามารถจัดการกับคนทั่วไปสิบกว่าคนได้อย่างไม่ลำบากกินแรง
ยิ่งกว่านั้น เขายังเชี่ยวชาญในด้านการพนัน การขี่ม้า และอื่นๆ นับเป็นตัวเอกที่เก่งอยู่ในระดับมาตราฐานของตัวเอกในนิยายทั่วไป
ด้วยเหตุนี้ เย่เฟยจึงต้องการจะใช้ค่าประสบการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการเฉินหลัว
[นอกเหนือจากค่าประสบการณ์ที่โฮสต์ได้รับจาก "คัมภีร์เน่ยจิง" แล้ว โฮสต์มีแต้มค่าประสบการณ์อยู่เยอะมาก เพียงพอที่จะเพิ่มสกิลไปเป็นระดับสูง หรือไม่ก็เพิ่มค่าสถานะ] ระบบให้คำแนะนำ
"เพิ่มระดับทักษะการต่อสู้ไปเป็นระดับสูงก่อน" หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เย่เฟยก็เลือกทักษะการต่อสู้
ไม่อาจปล่อยให้ทักษะนี้อยู่ในระดับต่ำโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นหากตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายขึ้นมา เขาก็จะเอาตัวไม่รอด
ถึงแม้ยามออกไปไหนมาไหน เย่เฟยจะมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน แต่บอดี้การ์ดก็ไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม ดังนั้นจะดีกว่าถ้าเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ใช้ค่าประสบการณ์สำเร็จ ทักษะการต่อสู้ได้รับการเลื่อนระดับขึ้นไปเป็นระดับสูง และค่าสถานะจะเกิดการเปลี่ยนแปลง]
มีเสียงระบบดังขึ้นแจ้งเตือน
ในเวลาเดียวกัน องค์ความรู้จำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ก็ไหลบ่าเข้าสู่สมองของเย่เฟย!
ร่างกายของเย่เฟยรู้สึกสดชื่นราวกับได้รับการชำละล้าง
ไม่เพียงแต่องค์ความรู้จะไหลเข้าสู่สมอง หากแต่ร่างกายของเขายังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบเชียบ