ตอนที่แล้วบทที่ 725 หื่นกาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 727 ห่านทองคำ

บทที่ 726 โยกย้ายคน(ตอนฟรี)


บทที่ 726 โยกย้ายคน

“อะไรนะ! นายอยากจะจัดประชุมทางธุรกิจ?”

ในสำนักงาน ห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปของโรงงานผลิตยาเถิงเฟย ฮั่นจงมองไปที่จี้เฟิงด้วยความประหลาดใจและถามด้วยความสงสัย

จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “อืม ก็เรียกได้ว่าเป็นการประชุมทางธุรกิจแหละ แต่จริงๆแล้วก็แค่เชิญผู้จัดจำหน่ายสาขาเภสัชกรรมของเราทุกคนและในขณะเดียวกันก็เชิญผู้จัดจำหน่ายหรือพ่อค้าคนกลางคนอื่นๆที่สนใจจะมาซื้อคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ และโปรโมตมันผ่านช่องทางนี้แทนแผนเดิมที่เราจะใช้โรงพยาบาลในการโปรโมต

หลังจากที่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหม่าเต๋อหว่อง รองคณบดีของโรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลและหวงเจิ้งฟาอดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จี้เฟิงกลับรู้สึกโล่งใจที่เขาได้รับการตอบรับอย่างเย็นชาที่โรงพยาบาล

เขาเป็นคนทำให้พี่เขยของสองคนนั้นต้องเข้าคุก ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำกับเขาแบบนี้

อย่างไรก็ตาม มันเป็นแค่ความโล่งใจที่ได้รู้สาเหตุ แต่เขายังคงมีปัญหาเรื่องการโปรโมตคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ เขาไม่สามารถชะลอมันได้เพราะเรื่องนี้

ยิ่งไปกว่า หากเขายังคงดึงดันที่จะโปรโมตผ่านช่องทางของโรงพยาบาล มันจะยิ่งส่งผลในด้านลบ

ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางออกใหม่ นั่นก็คือการจัดประชุมส่งเสริมการลงทุนและโปรโมตผ่านช่องทางต่างๆ!

“ทำไมจู่ๆถึงได้คิดที่จะจัดประชุมส่งเสริมการลงทุนล่ะ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ฮั่นจงตระหนักได้ทันทีว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยอย่างจี้เฟิงเขาจะไม่เปลี่ยนใจอย่างกะทันหันแบบนี้

ฮั่นจงรู้จักนิสัยของจี้เฟิงเป็นอย่างดี แม้ว่าจี้เฟิงจะดูใจดีมาก เขามักจะคล้อยตามและเห็นด้วยเวลาที่คนอื่นพูดถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่เมื่อเขาตัดสินใจบางอย่างแล้ว มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นๆที่จะเปลี่ยนใจของเขา แต่คราวนี้จี้เฟิงกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน จึงเป็นไปได้ว่าจะต้องมีปัญหาบางอย่าง

“อืม มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ อีกฝ่ายมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าที่คิด!” จี้เฟิงยิ้มและเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เขาได้รู้มาและกล่าวในประโยคสุดท้ายว่า “ตราบใดที่หม่าเต๋อหว่องและพี่เขยของเขายังอยู่ในเจียงโจว การโปรโมตคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ในโรงพยาบาลเจียงโจวเฟิร์สพีเพิลจะไม่เกิดขึ้น เว้นเสียแต่ว่าแพทย์และพยาบาลทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนด้วย!”

ฮั่นจงยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทันที “ซึ่งเรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย!”

“ใช่ และถ้าพี่รองจี้ช่าวเหลยกล้าทำอะไรแบบนั้น บางทีอารองอาจจะไม่มาจัดการกับฉันโดยตรง แต่ฉันรับรองได้เลยว่าไม่ขาก็แขนของพี่รองจะต้องหักอย่างแน่นอน ฉันว่าฉันไม่อยากเป็นสาเหตุให้พี่รองต้องแขนหักหรอก หึหึ...” จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะจัดประชุมส่งเสริมการลงทุนที่โรงงาน!”

“วิธีนี้ก็ไม่เลว แต่ผลตอบรับจะไม่เร็วอย่างที่เราหวัง เว้นเสียแต่ว่าผลลัพธ์ของยาลดน้ำหนักมันจะน่าทึ่งจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันจะดีกว่าหากเราจะไปลงทุนเงินก้อนใหญ่ในการโฆษณาและใช้โฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขาย บอสคิดเห็นยังไง?” ฮั่นจงถาม

จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ ตอนนี้ฉันมีเงินทุนไม่พอ แล้วก็ไม่ได้สำรองเงินไว้เพื่อทำโฆษณาในตอนนี้ด้วย หรือถ้าฉันจะไปกู้เงิน ความเสี่ยงก็สูงเกินไป เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าผลของการโฆษณาจะเป็นไปตามที่เราคาดไว้ เพราะตลาดของผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพในประเทศค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือ มันแทบจะกลายเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ลูกค้ามองว่าเป็นสินค้าวัดดวง และผลของการโฆษณาอาจจะทำให้สินค้าของเราดูมีภาพลักษณ์ในแง่ลบ”

“แต่มีเงินที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉัน!” ฮั่นจงกล่าว “โรงงานนี้เป็นของนาย นายคือบอสใหญ่ ฉันก็เปรียบเสมือนหัวหน้าแม่บ้านอะไรทำนองนั้น ถ้าบอสต้องการจะใช้เงิน ก็ใช้เงินจากบัญชีของโรงงานได้โดยตรงเลย!”

จี้เฟิงส่ายหัวอีกครั้งและกล่าวว่า “จำที่ฉันพูดครั้งล่าสุดได้มั้ย ที่บอกว่าธุรกิจการเงินของโรงงานหลักและโรงงานสาขาจะต้องแยกออกจากกัน ตอนนี้มันอาจจะง่าย ในการโยกย้ายเงินหรืออะไรต่างๆ แต่ถ้าหลังจากนี้โรงงานใดโรงงานหนึ่งมีปัญหา มันจะพากันพังไปทั้งหมด... ใช้วิธีที่ไม่เสี่ยงดีกว่า”

“อ่าฮะ...”

ฮั่นจงไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ถ้าผลลัพธ์ของยาลดความอ้วนมันดีจริง มันก็เป็นวิธีการที่ดีที่จะแจกจ่ายสินค้าก่อนแล้วจึงโปรโมตผ่านช่องทางต่างๆ ลองดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร!”

“ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีอะไรเสียหาย แต่ที่ฉันถามเพราะอยากรู้ว่ามันพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า?” สำหรับความสามารถในการทำธุรกิจของฮั่นจง ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาพิสูจน์แล้ว แม้ว่าฮั่นจงจะไม่ได้สร้างธุรกิจใดๆเป็นของตัวเองโดยส่วนตัว แต่เขาสามารถจัดการโรงงานผลิตยาได้อย่างมีระเบียบ แถมการร่วมมือกับกลุ่มบริษัทใหญ่อย่างเทียนเหยากรุ๊ปก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะพิสูจน์ความเป็นเลิศในการทำธุรกิจของฮั่นจงแล้ว

ดังนั้นเมื่อจี้เฟิงตัดสินใจว่าจะจัดการประชุมส่งเสริมการลงทุน สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของเขาคือการพูดคุยและปรึกษากับฮั่นจง

สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนเราคือการมีสติสัมปชัญญะ ต้องรู้ตัวเองว่ามีความรู้ความสามารถแค่ไหน รู้จักประมาณตนและในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ต้องรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ด้วยวิธีนี้คุณก็จะเติบโตต่อไปได้

ตอนนี้จี้เฟิงใช้แนวคิดนี้ในการทำธุรกิจ เขารู้ตัวว่าเขาไม่เก่งธุรกิจเหมือนฮั่นจง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเรียนรู้และขอคำแนะนำจากฮั่นจง หากเขาประสบปัญหาดังกล่าวในอนาคต เขาก็จะมีประสบการณ์โดยธรรมชาติ

“เข้าใจล่ะ!” ฮั่นจงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “มันอาจจะยากในตอนแรก เพราะยังไงมันก็เป็นยาตัวใหม่ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะเปิดใจยอมรับได้ง่ายๆ และตัวแทนขายในช่องทางเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เก่ง ถ้าพวกเขามองไม่เห็นผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ ก็เป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะโปรโมตให้นาย!”

จี้เฟิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เขาพูดด้วยท่าทีลังเลว่า “ฮั่นจง สมมุติว่าฉันบอกพวกเขาไปว่า ถ้าผลลัพธ์ของยาไม่ดีอย่างที่พูดจริงๆ ฉันจะยอมให้พวกเขาเอากำไรทั้งหมดไปได้เลย นอกจากนั้นฉันจะไม่คิดเงินทุนของค่ายาด้วย ขอแค่ให้พวกเขาช่วยโปรโมตมันก็พอ... แบบนี้นายว่าดีมั้ย?”

“เป็นความคิดที่ดี แต่ควรจะเป็นทางเลือกสุดท้าย!” ฮั่นจงส่ายหัวทันที

“ทำไม?” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่แปลกใจ และถามด้วยความสงสัย

การสนทนาระหว่างทั้งสองคนค่อนข้างผ่อนคลายและเป็นไปอย่างสบายๆ ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากบริษัทหรือโรงงานอื่นๆที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของธุรกิจ พวกเขาทั้งสองคนไม่มีรูปแบบที่เย่อหยิ่งของเจ้านายและการหวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวของพนักงาน

ฮั่นจงหัวเราะและพูดว่า “เฮ้!บิ๊กบอส นายคงไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นยังไงสินะ พวกนั้นหัวหมอและฉลาดแกมโกงมาก ถ้านายเลี้ยงพวกเขาให้อิ่มหมีพีมันตั้งแต่แรกๆ แทนที่พวกเขาจะสำนึกบุญคุณ พวกเขากลับคิดว่าเริ่มแรกนายยังให้มากขนาดนี้ หลังจากที่สินค้าเป็นที่ต้องการแล้ว นายยิ่งต้องให้พวกเขามากกว่านี้อีก หลังจากนั้นพวกเขาก็จะทำให้นายปวดหัวมากทีเดียว!”

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “นี่มัน... ทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดสินะ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะให้กำไรกับพวกเขาครึ่งหนึ่งก่อน โดยเริ่มจากการโปรโมตในพื้นที่เล็กๆ รอดูผลลัพธ์แล้วค่อยว่ากันอีกที นอกจากนี้ฉันวางแผนที่จะเอาคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ทั้งหมดคืนจากโรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิล แล้วก็จัดการชดเชยความเสียหายของบัญชีตรงส่วนนั้นให้เรียบร้อย เนื่องจากพวกเขาไม่ยินดีที่จะทำ ก็ตัดมันทิ้งไป และหลังจากนี้คังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลอีก!”

เขารู้ดีว่าตราบใดที่โรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลมีหม่าเต๋อหว่องและรองคณบดีหูอี้กุ้ย คังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ของเขาจะไม่ได้รับการโปรโมต ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าที่จะตัดความสัมพันธ์ให้เด็ดขาดและมุ่งเน้นไปที่ช่องทางอื่นก่อน

อย่างไรก็ตาม ฮั่นจงกลับไม่เห็นด้วย “จี้เฟิง ถ้านายทำแบบนั้น มันจะเป็นการตัดช่องทางที่สำคัญด้วยตัวของนายเอง นายลองคิดดู โรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเจียงโจว และเนื่องจากพวกเราอยู่ในอุตสาหกรรมยา มันจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อถึงตอนนั้นเราค่อยหาวิธีจัดการกับพวกเขาก็ไม่สาย แต่ถ้านายเป็นฝ่ายตัดขาดเองในตอนนี้...”

“พวกมันจะยิ่งได้ใจน่ะสิ!” จี้เฟิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา

“....โอเค ถ้าอย่างนั้น เราก็ตัดจบกับโรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลแค่ลอตแรก ถ้านายไม่ได้ส่งไปมาก ก็ยกให้พวกเขาไป และก็ไม่ต้องไปเอากำไรใดๆกับพวกเขาทั้งสิ้น แต่หลังจากนี้ก็ไม่ต้องส่งให้อีก นายคิดว่าไง?” ฮั่นจงประนีประนอม

จี้เฟิงพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ทำตามที่นายว่า ที่ส่งไปแล้วก็ช่างมัน ฉันไม่อยากได้คืนแล้ว!”

สุดท้ายแล้วมันเป็นเพียงการส่งสินค้าไปให้ทดลองใช้เป็นครั้งแรก จี้เฟิงไม่ได้ใส่ส่วนผสมลงไปมาก และจากจำนวนทั้งหมดน่าจะเพียงพอสำหรับ 20 คนเท่านั้น นอกจากนี้หากเฉลี่ยแจกจ่ายให้กับทั้ง 20 คน พวกเขาก็จะไม่สามารถบรรลุผลตามที่คาดไว้ได้อยู่ดี น้ำหนักจะไม่ลดลงจนเห็นผลชัดเจนขนาดนั้น เนื่องจากเดิมทีจี้เฟิงตั้งใจที่จะส่งยาไปที่โรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลสัปดาห์ละครั้ง แต่กลับมีปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรก จี้เฟิงจึงไม่ได้ส่งที่เหลือไปทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ได้มีอะไรเสียหายมากมายนัก

ถ้าหากนับแค่ราคาของวัตถุดิบ ก็มีมูลค่าหลายหมื่นหยวน จี้เฟิงพ่นลมหายใจและพูดในใจอย่างเย็นชา

‘มันก็แค่ค่าอาหารหมา!’

“แค่นั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะไปบอกให้หยางเต๋อจ้าวจัดการเรื่องการประชุมส่งเสริมการลงทุนโดยเร็ว และทำการแจกจ่ายสินค้าก่อนเป็นอันดับแรก!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเกาหัว “ตอนนี้โรงงานสาขาขาดแคลนคนงาน คนที่คอยดูแลจัดการมีเพียงหยางเต๋อจ้าวคนเดียวเท่านั้น เขาก็อายุมากแล้ว ทำงานหนักมากๆคงไม่ดี และฉันก็ไม่ได้ไปอยู่ที่นั่นทุกวัน ทั้งวัน... ฮั่นจง นายพอจะมีคนที่มีความสามารถเหมาะสมบ้างมั้ย? นายช่วยแนะนำมาให้ฉันซักสองสามคนสิ ฉันหมายถึงคนที่เก่งๆในโรงงานหลักน่ะ!”

ฮั่นจงหัวเราะอย่างเซ่อๆ “เหอๆ... บอสครับ บอสกำลังคิดอะไรอยู่ครับเนี่ย.. ตอนแรกก็ให้ย้ายคนที่มีความสามารถทั้งหมดออกจากโรงงานสาขาไปยังโรงงานหลัก และพอตอนนี้พวกเขาเริ่มคุ้นชินกับการทำงานที่นี่แล้ว คุณก็จะย้ายพวกเขาออกอีกแล้ว...”

จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันทำอะไรไม่ได้จริงๆ หรือจะให้ส่งคนแก่ๆ มาทำงานที่โรงงานหลักล่ะ พวกเขาทำงานอยู่ที่โรงงานสาขามาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาปรับตัวกับที่ใหม่ไม่ง่ายหรอก แต่กับคนหนุ่มสาวมันไม่เหมือนกัน พวกเขาสามารถปรับตัวได้ง่าย การกลับมาครั้งนี้ก็คงไม่ยากสำหรับพวกเขาเหมือนกัน ตอนนี้โครงสร้างของโรงงานหลักมันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ตราบใดที่นายไม่ใช่คนโง่ นายก็เดินตามโครงการที่สร้างไว้แล้วเท่านั้นแหละ ฉันมั่นใจว่านายจะทำได้ดี!”

“นายไม่ได้จะเอาคนดีๆเก่งๆไปหมดเลยใช่มั้ย?” ฮั่นจงถามอย่างอึ้งๆ

จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เอางี้ นายเอาเทียนหนานมาให้ฉันก่อน ผู้หญิงคนนี้เก่งในด้านบัญชี ตอนนี้ฝ่ายการเงินมีแค่หยางจุน ซึ่งน่าจะยากเกินไปสำหรับเขา นอกจากนี้ ในเรื่องของการขาย ให้ฮั่นรุ่ยเชามาอยู่กับฉัน ฝ่ายขายของนายยังมีคนที่มีความสามารถอีกหลายคน ทั้งเหลียงชุนฮุ่ย ซูหยวน พวกเขาล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ น่าสนับสนุนมาก ส่วนเรื่องการจัดการ...”

“ในแง่ของการจัดการ ฉันสามารถแนะนำคนๆนึงให้กับนายได้” ฮั่นจงกล่าว

“ใคร?!” จี้เฟิงถาม

“ซูหยวน!” ฮั่นจงคอยๆยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ใครนะ?” จี้เฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง “เมื่อกี้นายบอกว่าใครเหมาะกับการจัดการนะ?”

“ซูหยวน!” ฮั่นจงพูดซ้ำอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าเธอจะดูเป็นคนที่แรงไปซักหน่อย... แต่จริงๆแล้ว ที่เธอเป็นแบบนั้นเพราะสังคมมันบีบบังคับต่างหาก การแก่งแย่งชิงดีในหน้าที่การงาน สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวมันไม่ใช่งานง่ายๆเลยนะ แน่นอนว่าเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ เธอเองก็เช่นกัน ดังนั้นเรามองที่ปัจจุบันดีกว่า ความสามารถของเธอค่อนข้างดีเลยนะ ฉันคิดว่าความสามารถของเธอดีไม่แพ้เหลียงชุนฮุ่ยแน่นอน!”

...จบบทที่ 726~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด