เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 232
ตอนที่ 232
เผชิญหน้ากับคำถามจากผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ต่อให้นางดุร้ายเพียงใดก็มิกล้าจะเมินเฉย นางโค้งคำนับอย่างนอบน้อมและบอกกล่าวทุกสิ่งแก่เขา
แม้ว่าวิญญาณส่วนหนึ่งของนางจะถูกทำลายไปทำให้ไม่สามารถจดจำรายละเอียดหลายอย่างได้ แต่ผู้คนทั้งหลายก็ต่างพูดถึงผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำเช่นนี้ได้อย่างไม่ผิดพลาด
ผู้คนทั้งหลายต่างอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง เป็นปีศาจน้อยผู้นั้นเช่นเคย เหยื่อรายแรกๆ เป็นสมาชิกของหอเทพอัคคี จากนั้นเป้าหมายถัดมาก็เป็นคนจากอาณาจักรศิลานามลู่สีหลี ตามมาด้วยหยิงเจาและอัจฉริยะจากตระกูลมังกรพายุ
แต่ไหนเลยผู้ใดจะคาดว่านั่นยังมิใช่เหยื่อรายสุดท้าย บัดนี้ปีศาจน้อยตนนั้นถึงกับสังหารเมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทานผู้หนึ่งลง
สีหน้าของคนทั้งหมดต่างมืดครึ้ม รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นใครกัน? ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันมาจากแห่งหนใด ทว่าบัดนี้ คนทั้งหมดต่างเชื่อว่ามันเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเมล็ดพันธุ์แรกกำเนิดเช่นกัน เพียงแค่ตระกูลของมันนั้นเก็บซ่อนตัวมันเอาไว้จากสายตาของผู้อื่น จึงไม่มีใครเคยพบเจอมันมาก่อน
ยิ่งกว่านั้น ความมั่นใจของปีศาจน้อยยังมากมายนัก มันไม่เกรงกลัวผู้ใดในแดนลึกลับ และสังหารทุกคนที่ขวางทาง
“ฮ่าๆๆ! ข้าล่ะอยากเห็นเรื่องราวต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ! ใครจะรู้ว่าปีศาจน้อยผู้นั้นจะกระทำสิ่งใดได้บ้าง!”
“ช่างน่าสนใจ เจ้าต้องรู้ก่อนว่ามีอัจฉริยะมากมายที่ถูกปีศาจน้อยตนนั้นสังหาร และมันดูไร้ซึ่งความหวาดหวั่นใดๆ!”
“ข้าสัมผัสได้ว่ามีการต่อสู้ครั้งมโหฬารเกิดขึ้นในแดนลึกลับ น่าเสียดายยิ่งนักที่ข้ามิอาจได้รับชมมันด้วยตาตนเอง!”
ผู้คนทั้งหลายต่างก็พูดคุยถกเถียงกันไปมา พวกเขาต่างเฝ้ารอให้การต่อสู้บังเกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดายที่มิได้ดูมันด้วยตาตัวเอง
ในระหว่างที่ผู้คนกำลังคาดเดาถึงตัวตนในหลินซวน ไม่มีผู้ใดตระหนักถึงร่างที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในความว่างเปล่า ร่างนั้นเป็นคนที่มาจากตระกูลหลินแห่งอาณาจักรฉีซาน
จะเป็นใครไปมิได้นอกเสียจากบรรพชนแห่งสกุลหลิน
หลังจากมาปรากฏตัว เขาก็ได้ยินการพูดคุยกันของผู้คนโดยรอบ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา แต่การเรียกขานว่าเป็นรุ่นเยาว์ผู้ทรงพลังยิ่งยวด นั่นก็มากพอให้บรรพชนหลินซวนรับรู้ได้ว่าพวกเขากำลังเอ่ยถึงหลินซวนอยู่
เมื่อได้ยินการถกเถียงกันทั้งหมด สีหน้าเขากลับกลายเป็นเขียวคล้ำ เจ้าเด็กน้อยผู้นั้นน่าเป็นห่วงยิ่งนัก เขากลับสังหารผู้คนเพื่อปูเส้นทางของตนในแดนลึกลับและก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ขึ้น นี่เขาคิดว่าทุกสิ่งเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเช่นนั้นหรือ?
อย่างไรก็ดี บรรพบุรุษแซ่หลินกลับอดมิได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย อย่างไรเสีย เขาก็เป็นอัจฉริยะแห่งตระกูล ละเขาถึงกับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าเมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทานพวกนั้น
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่ผู้คนทั้งหลายไม่ได้รับรู้คืออายุที่แท้จริงของหลินซวน หรือกล่าวตามตรง หลินซวนมิอาจนับได้ว่าเป็นรุ่นเยาว์ไร้พ่าย ด้วยความจริงที่ว่าอายุของเขายังไม่อาจเรียกว่ารุ่นเยาว์ได้เสียด้วยซ้ำไป เทียบกับเหล่ารุ่นเยาว์พวกนั้นแล้ว หลินซวนยังมีเวลาให้เติบโตอีกเนิ่นนาน ตราบเท่าที่เขามิเวลามากพอ เขาจะกลายเป็นตัวตนที่อยู่เหนือทุกคนในใต้หล้า
แม้ว่าในความคิดจะเป็นเช่นนั้น แต่บรรพชนหลินก็ยังคงโศกเศร้า เหตุใดเจ้าเด็กน้อยนั่นถึงไม่คิดบอกกล่าวกับเขากันนะ? แต่จะว่าไป หากหลินซวนบอกแก่บรรพชนแซ่หลินโดยตรงว่าจะเข้ามายังแดนลึกลับ มีหรือที่ชายชราจะยอมปล่อยให้เขามา
…………….
เทียบกับภายนอกที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยแล้ว ในแดนลึกลับกลับเงียบงันยิ่งนัก
นั่นย่อมเป็นเพราะรุ่นเยาว์ที่สังหารเมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทานและช่วงชิงเมล็ดพันธุ์แรกกำเนิดมาจากผู้อื่นยังคงยืนอยู่เบื้องบน
เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างขบคิดบางสิ่งในใจว่าตนจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าได้หรือไม่ ทว่ากลับไม่มีผู้ใดโจมตีออกไป
เพราะแม้ว่าในหัวใจของพวกมันจะทระนงในตนเองและคิดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่อาจเป็นคู่มือได้ แต่พวกมันก็ยังคงลังเลว่าเพลิงมังกรแดงอมตะนั้นคุ้มค่าพอให้เสี่ยงชีวิตหรือไม่
ห่างไกลออกไป มีรุ่นเยาว์อัจฉริยะสองคนที่กำลังปะทะกัน พวกเขามาจากกองกำลังที่แตกต่าง ตั้งแต่เข้ามายังแดนลึกลับ พวกเขาก็ต่อสู้กันมาโดยตลอด ด้วยหวังจะกำจัดฝ่ายตรงข้ามและยึดสมบัติที่ผู้อื่นเก็บเกี่ยวมาได้
กล่าวได้ว่าตั้งแต่เริ่มเข้ามาในแดนลึกลับแห่งนี้ ทุกคราที่ทั้งคู่นี้พบเจอกันจะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นทุกคราไป ทว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายต่างทัดเทียมกัน ไม่เช่นนั้นคงมิได้มีสงครามกันมาจวบจนทุกวันนี้และยังหาผู้ชนะมิได้
หลินซวนมองไปยังเหล่าคนที่อยู่รอบกาย เขารู้สึกว่านี่นับเป็นโชคดีอยู่บ้าง เดิมทีเขาเคยคิดว่าพวกมันทั้งหมดจะเข้ามากลุ้มรุมเขาพร้อมกัน ทว่าบัดนี้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งผยองในหัวใจ จึงไม่มีใครเลือกหนทางนั้น
อย่างไรก็ดี นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่ หากว่าพวกมันเลือกโจมตีเข้ามา หลินซวนก็มั่นใจว่าจะสามารถสังหารพวกมันเกือบทั้งหมดลงได้ที่ตรงนี้
อันที่จริงแล้ว กล่าวตามตรง ที่สถานการณ์ยังคงสงบนิ่งเป็นเพราะรุ่นเยาว์ทั้งหลายมิได้พบกับสมบัติที่ล้ำค่ามากพอ หากว่าเบื้องหน้ามันมีสิ่งที่สูงค่าพอแล้ว พวกมันย่อมไม่ลังเลที่จะโถมกายเข้ามาแย่งชิง แม้ว่าอาจจะต้องตกตายลงก็ตามที
หากว่ามีโอกาสอันดีหรือสมบัติวิเศษตั้งอยู่ ไหนเลยพวกมันจะยังคงความเย่อหยิ่งในจิตใจไว้ได้ พวกมันต้องรีบเขามาไล่งับโอกาส ไม่มีทางที่รอบด้านจะยังสงบนิ่งเช่นนี้
หลินซวนเพียงหันหลังและจากไป เขาไม่ต้องการจะเสียเวลามากนักด้วยต้องการจะไปหาสิ่งอื่นๆ ต่อ
หลังจากรุ่นเยาว์ทั้งหลายเห็นว่าเขาจากไป พวกมันก็ต่างแยกย้ายไปหาสมบัติตามทางของตน
แต่ในตอนที่ผู้คนทั้งหลายกำลังจะจากไป ความเปลี่ยนแปลงก็บังเกิดขึ้นอย่างไร้สัญญาณเตือน ในความว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป ประกายแสงเจิดจ้าปะทุขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น
การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ร่างที่ยืนอยู่กลางความว่างเปล่านั้นกุมหอกเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ ทุกคราที่หอกเริงระบำ ปรากฏการณ์จำนวนมากก็เกิดขึ้นบนท้องนภา พร้อมด้วยประกายสายฟ้าที่โหมกระหน่ำ
กลิ่นอายของร่างนั้นป่าเถื่อนยิ่ง คลื่นหอกที่ถูกซัดออกมาราวกับจะทำลายล้างโลกทั้งใบ ทั่วตัวของร่างนั้นมีอักขระมากมายเต้นระริกอยู่
ส่วนฝั่งตรงข้ามคือร่างเงาที่พร่าเลือนของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ด้านข้างเขาปรากฏเป็นหม้อขนาดใหญ่ ทั้งสองต่างจ้องหน้ากันอย่างเย็นชาและการปะทะใกล้จะปะทุเต็มที
ทันใด แสงเจิดจ้าก็ระเบิดขึ้นในบริเวณนั้น มันช่างดึงดูดความสนใจของผู้คนยิ่ง ก่อนที่แผ่นศิลาชิ้นหนึ่งจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
การปรากฏตัวขึ้นของแผ่นศิลานั้นทำให้รุ่นเยาว์ทั้งคู่เข้าปะทะกับและระเบิดการต่อสู้ที่ทรงพลังขึ้นมาทันที
เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ รุ่นเยาว์แทบทั้งหมดต่างไร้ซึ่งความลังเลและเลือกพุ่งตัวเข้าไป เป็นเพราะแผ่นศิลานั้นคือสิ่งที่สามารถพาพวกเขาเข้าไปยังส่วนลึกของแดนลึกลับได้