Ep.181 - สามสมอง นึกเอาเถอะน่ากลัวแค่ไหน
1/3
Ep.181 - สามสมอง นึกเอาเถอะน่ากลัวแค่ไหน
ต้องบอกเลยว่า
สกิลใหม่ของหวังเอ๋อมีประโยชน์มาก
แม้ค่าพลังชีวิตและค่าพลังจิตของร่างแยกจะลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามของร่างจริง แต่เลเวล ค่าคุณสมบัติอื่นๆ รวมไปถึงสกิลยังสามารถใช้ได้เหมือนกับร่างต้น
ฮังอวี่สังเกตเห็น ว่าแม้สกิลร่างแยกวิญญาณหมาป่าจะสร้างได้ในจำนวนจำกัด
แต่มันไม่จำกัดระยะเวลาในการคงอยู่
นอกจากนี้ พลังชีวิตและพลังจิตของร่างแยกแต่ละตัวนั้นตายตัว เมื่อถูกใช้หรือลดลงแล้วจะไม่สามารถเติมได้
ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างแยกจะถูกควบคุมโดยตรงผ่านจิตสำนึกของหวังเอ๋อ และขณะเดียวกันพวกมันสามารถเลียนแบบสติปัญญาได้เท่ากับร่างต้น
หากหวังเอ๋อไม่ใช่สัตว์ที่ทรงภูมิปัญญา
เกรงว่าคงควบคุมร่างแยกได้ยากมากๆ และสกิลใหม่คงไม่ทรงพลังขนาดนี้
ทว่าเนื่องจากหวังเอ๋อมีสติปัญญา ดังนั้นสถานการณ์จึงต่างออกไป
ความคำสัญของสกิลนี้ ที่เด่นที่สุดอาจไม่ใช่ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้
แต่เด่นสุดตรงที่ร่างแยกแต่ละตัวมีความสามารถในการนึกคิดและเรียนรู้เป็นของตัวเอง มันเหมือนกับว่าหวังเอ๋อได้เปิดวงจรสมองเพิ่มขึ้นอีกสองวงจร ซึ่งเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
หนึ่งจิตสำนึก สามสมองสุนัข
นี่เทียบเท่ากับ CPU แบบ 3 Core พลังประมวลผลพุ่งทะยาน ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ฮัสกี้ที่มีสามสมองน่ากลัวแค่ไหนลองถามใจคุณดู!
ยังไม่พอ ฮังอวี่ยังพยายามสังเกตฮัสกี้ทั้งสามเบื้องหน้าอย่างรอบคอบ และพบว่าพวกมันขยับตัวไม่หยุด สามารถพูดได้ในเวลาเดียวกัน และกระทำสิ่งต่างๆพร้อมกันได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีสะดุด
เข้าท่าแฮะ
ร่างแยกพวกนี้น่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้หวังเอ๋อได้มากกว่าที่คิด
ในเมื่อฮัสกี้ร่างแยกมีความสามารถในการตัดสินใจเหมือนร่างต้น และยังถูกควบคุมโดยสมองเดียว ดังนั้นสามารถส่งผ่านข้อมูลแก่กันและกันได้แบบครบวงจร หรือเท่ากับว่ามันมีความสามารถในการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า!
ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ นี่มันสุดยอดไปเลย!
แต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าร่างแยกมีข้อจำกัดอื่นๆอยู่รึเปล่า
ตัวอย่างเช่น หากร่างแยกอยู่ห่างจากร่างต้นมากเกินไป การทำงานของมันจะเชื่องช้าลงหรือหายไปเลยไหม?
ซึ่งเรื่องนี้เองหวังเอ๋อก็ไม่แน่ใจ แต่เอาไว้กลับไปค่อยลองทดสอบมันก็ยังไม่สาย
แต่ที่แน่ๆก็คือหลังจากนี้สมาคมมังกรฟ้าจะมีบอสหวังที่สามารถแยกร่างและทำงานสามงานได้ในเวลาเดียวกัน
แค่ในแง่ของการทำงาน สกิลใหม่ของหวังเอ๋อก็มีประโยชน์มากเกินพอแล้ว
ส่วนความสามารถในการต่อสู้ของร่างแยกนั้นเทียบไม่ได้กับร่างต้นก็จริง แต่หากใช้งานดีๆ ก็ถือว่ามีพลังมากเช่นกัน
สกิลพรสวรรค์ทั้งหลายที่หวังเอ๋อมีได้แก่ : สกิลเสริมการดูดซับ , วัฒนาการขั้นสูง , จิตสุนัขเทวะ , คลื่นราชาหมาป่า , ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน , ร่างแยกวิญญาณหมาป่า
ร่างแยกไม่สามารถใช้งานสกิลใหม่ได้ดังนั้นตัดออกไป
ส่วนสกิลเสริมการดูดซับและวิวัฒนาการขั้นสูงก็ไม่จำเป็น
ฉะนั้นสกิลที่ร่างแยกสามารถเลียนแบบและใช้ในการต่อสู้ได้ก็คือ : จิตสุนัขเทวะ , คลื่นราชาหมาป่า และปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน
ปัจจุบันหวังเอ๋อยังคงอ่อนแอ
ดังนั้นสกิล ‘ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน’ จึงเป็นเสมือนไพ่ตายของมัน
หวังเอ๋อสามารถใช้สกิลนี้เพื่อเพิ่มพลังรบในระดับชนชั้นยอดเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ลองนึกภาพดูเถอะ หากร่างแยกเปิดใช้งานสกิล ‘ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน’ มันจะเป็นอย่างไร? นั่นจะเท่ากับว่ามีมอนสเตอร์ระดับชั้นยอดโจมตีหลายตัวพร้อมกัน!
แม้ร่างแยกจะมีปริมาณเลือดต่ำ
แต่พละกำลัง ความว่องไว และเลเวลนั้นเท่าร่างต้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในแง่ประสิทธิภาพการต่อสู้ พวกมันไม่ได้ถูกเนิร์ฟลง
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก เพราะแม้หมาหวังเอ๋อจะสามารถใช้ร่างแยกได้ แต่ในตอนนี้ พวกร่างแยกยังไม่สามารถใช้งานสกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนได้ชั่วคราว
เนื่องจากสกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนสิ้นเปลืองพลังจิตมากเกินไป!
ยังจำได้ไหมว่าสกิลพรสวรรค์จะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเมื่อเกิดการวิวัฒนาการ
และการเพิ่มประสิทธิภาพนั่นหมายความว่าการเปิดใช้งานมันจะสิ้นเปลืองพลังจิตมากกว่าเดิม
ทำให้ในตอนนี้ หากหวังเอ๋อต้องการเปิดใช้งานสกิลปลุกสัญชาตญาณ มันต้องจ่ายพลังจิต 75 หน่วย ขณะที่ร่างแยกของมันมีพลังจิตเพียง 50 หน่วยเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม ปริมาณพลังจิตของหวังเอ๋อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเลเวลนั้นน่าทึ่งมาก
และหากพลังจิตของร่างต้นเพิ่มขึ้น พลังจิตของร่างแยกก็จะเพิ่มตามเช่นกัน
ฮังอวี่ประเมินว่าตราบใดที่เขาช่วยให้หวังเอ๋ออัพเลเวลขึ้นอีกซักหนึ่งหรือสองเลเวล ร่างแยกของหวังเอ๋อน่าจะสามารถเปิดใช้งานสกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนได้
ในขั้นต้นนี้ ร่างแยกจึงสามารถเลือกใช้งานได้เฉพาะจิตสุนัขเทวะ และคลื่นราชาหมาป่าเท่านั้น
‘จิตสุนัขเทวะ’ มีอำนาจในการตรวจจับที่ทรงพลัง มันช่วยแจ้งเตือนล่วงหน้า เป็นความสามารถในการค้นหาที่ดี
หวังเอ๋อเองก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงหลายครั้งโดยพึ่งพาความสามารถนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันมีประโยชน์มาก
ส่วน ‘คลื่นราชาหมาป่า’ นั้นมีประโยชน์รองลงมา แต่มันสามารถช่วยให้ควบคุมมอนสเตอร์ในสายพันธุ์เดียวกันที่อ่อนแอกว่าได้
หากสามสุนัขเปิดใช้งานคลื่นราชาหมาป่าพร้อมกัน พวกมันอาจรวบรวมกองทัพมอนสเตอร์เลเวล 3 หรือ 4 เป็นจำนวนกว่า 50-60 ตัวได้ในเวลาไม่กี่นาที และจำนวนมากมายเช่นนี้ เมื่อผสานงานกับสติปัญญาอันชาญฉลาดของสุนัข อาจสามารถสร้างผลลัพธ์การต่อสู้อันน่าตื่นตกใจได้ แม้แต่ฮังอวี่เองก็ยังไม่กล้าประมาท!
“ไม่เลว”
“ใช้ได้!”
“ถึงมันจะทำให้รู้สึกหนวกหูอยู่บ้าง”
“แต่สกิลที่ได้จากการวิวัฒนาการครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ”
ฮังอวี่ลูบหัวฮัสกี้เพื่อให้กำลังใจ
แต่ฮัสกี้ที่โดนลูบหัวกลับร้องขึ้นมา “ฮ่ง! เจ้านายจับผิดตัวแล้ว”
ฮังอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ฮ่ง! ลูบหัวตัวนี้ เปิ่นหวังตัวจริงอยู่ทางนี้!”
ฮัสกี้อีกตัวยื่นหัวสุนัขเข้ามาใกล้ๆ
“ให้ตายเถอะ ก็ทุกตัวเหมือนกันหมด ฉันแยกไม่ออก” ฮังอวี่ให้รางวัลโดยการลูบหัวสุนัขร่างจริง “เอาล่ะพอแล้ว สลายร่างแยกของนายได้”
ร่างแยก No.01 “ฮ่ง! หลังจากแยกร่างแล้วจะมีคูลดาวน์สกิล 20 นาที”
ร่างแยก No.02 “ฮ่ง เจ้านายแน่ใจหรือว่าจะให้สลายร่างแยกของเปิ่นหวัง?”
สกิลใช้งานส่วนใหญ่จะมีคูลดาวน์
แต่เวลาคูลดาวน์ของร่างแยกวิญญาณหมาป่าค่อนข้างพิเศษกว่าอันอื่น
เพราะมันไม่ได้เริ่มนับหลังจากสกิลถูกปล่อยออกมา แต่จะเริ่มนับเมื่อร่างแยกทั้งหมดหายไป
ดังนั้น แม้หวังเอ๋อจะสามารถปลดปล่อยร่างแยกทั้งหมดในลมหายใจเดียว แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อจำกัด มันไม่สามารถเติมร่างแยกตัวใหม่ออกมาได้ทันทีในกรณีที่ร่างแยกตัวใดตัวหนึ่งถูกฆ่า
“อย่างงั้นหรอกหรอ?”
“งั้นก็เก็บพวกมันไว้ก่อนแล้วกัน”
“ต่อไป พวกเราจะสำรวจเขาวงกตกัน พวกมันอาจมีประโยชน์ก็ได้”
ฮังอวี่บอกให้หวังเอ๋อเก็บร่างแยกสุนัขไว้ก่อน แม้ค่าพลังจิตตอนเรียกใช้งานจะไม่สูงนัก แต่ก็ต้องจ่ายไปถึง 50 แต้ม
ฉะนั้นเมื่อเรียกพวกมันออกมาแล้วก็ใช้ให้คุ้มดีกว่า
ร่างแยกสองตัวนี้ได้รับความสามารถจิตสุนัขเทวะมาเช่นกัน
ตอนนี้ร่างแยกทั้งสองกำลังทำหน้าที่ตรวจจับ เริ่มลาดตระเวนเหมือนหวังเอ๋อทุกประการ
“เขาวงกตที่อยู่ข้างหน้าค่อนข้างอันตราย ให้ร่างแยกของนายออกไปสำรวจเปิดทางให้พวกเรา” ฮังอวี่สั่ง “แต่ยังไงก็ต้องระวังให้ดี เข้าใจไหม”
“รับทราบ”
ผู้บุกเบิกสุนัขร่างแยกสองตัวก้าวออกไปทันที
บุคลิกของสุนัขทั้งสองตัวนี้ดูขี้ขลาดมาก
ช่างแตกต่างกับร่างจริงที่หลบอยู่หลังสุดที่คอยโบกมือให้กำลังใจพวกมัน
ระหว่างเข้าสู่เขาวงกต ฮังอวี่ตรวจสอบสถานะแต้มวิญญาณในปัจจุบันของเขาที่มีอยู่ 700 แต้ม และเริ่มกินผลไม้ปราณวิญญาณเขียวเข้าไป ซึ่งหลังจากครบเวลาย่อย น่าจะช่วยเพิ่มแต้มวิญญาณให้อีก 500 แต้ม
ในเลเวล 5 การขึ้นสู่เลเวล 6 ต้องใช้ 1200 แต้มวิญญาณ
ดังนั้น หากไม่มีอุบัติเหตุใดๆ หลังจากย่อยเสร็จ ฮังอวี่จะสามารถอัพเลเวล 6 ได้
อย่างไรก็ตาม อัตราเร็วในการย่อยผลไม้ปราณวิญญาณนั้นค่อนข้างช้า และกว่าจะครบคงกินเวลาเป็นสิบชั่วโมง ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้มันสูญเปล่า สู้ใช้แต้มวิญญาณที่มีให้เป็นประโยชน์ดีกว่า
ฮังอวี่เปิดดูข้อมูลของสองอย่างจากในมิติเก็บของ
หนึ่งคือ [ไข่มดยักษ์หน้ามนุษย์] ที่ได้รับจากเนินเขามด
อีกหนึ่งคือมรดกขั้น 2 ของเบอร์เซิร์กเกอร์ ‘คลุ้มคลั่งกระหายเลือด’
ในบรรดาของทั้งสองชิ้นนี้ หินสกิลต้องการ 300 แต้มวิญญาณในการเรียนรู้ ส่วนไข่สัตว์วิญญาณก็ต้องการ 300 แต้มวิญญาณในการฟักตัว
ซึ่งรวมแล้วจำเป็นต้องใช้ทั้งสิ้น 600 แต้มวิญญาณ
และตอนนี้เขามีจำนวนเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเติมแต้มวิญญาณลงในไข่สัตว์วิญญาณได้
ฮังอวี่ตั้งใจว่าขอรอกลับค่ายตอนกลางคืนและซื้อคัมภีร์สัญญาก่อน
ฮังอวี่จ่าย 300 แต้มวิญญาณแรกเพื่อเรียนรู้สกิลคุล้มคลั่งกระหายเลือด
[คลุ้มคลั่งกระหายเลือด] ชิ้นส่วนมรดกของเบอร์เซิร์กเกอร์ เลเวลสกิลปัจจุบัน 1 (0/400) , ค่าความชำนาญ (500/500) , จ่ายพลังจิต 10 หน่วยเพื่อเปิดใช้งานสถานะบ้าคลั่งกระหายเลือด , ค่าพลังชีวิตลดลง 3 หน่วยต่อวินาที , พละกำลัง +5 , ความว่องไว +5 , การโจมตีทางกายภาพ +4 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +3 , ดูดพลังจากการโจมตีระยะประชิด +3 , ต้านทานสถานะติดลบ +10 , สร้างภูมิคุ้มกันเมื่อถึงจุดใกล้ตาย , เอฟเฟกต์สกิลจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนค่าพลังชีวิตที่ลดลง ระยะเวลาคูลดาวน์ 5 นาที
นี่คือสกิลประเภทแปลงร่าง
ปัจจุบันมันอยู่แค่เลเวล 1 เท่านั้น แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ค่าคุณสมบัติจะพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว
สกิลนี้คล้ายคลึงกับสกิลของนักท่องวายุ ‘ก้าววายุ’ นั่นคือตราบใดที่ไม่สั่งให้หยุด ผลของสกิลก็จะดำเนินต่อไป แต่ระหว่างกระบวนการมีราคาที่ต้องจ่าย
ก้าววายุจะต้องจ่ายค่าพลังจิตในทุกๆวินาที
ขณะที่คลุ้มคลั่งกระหายเลือดต้องจ่ายค่าพลังชีวิตในทุกๆวินาที
อาจกล่าวได้ว่าเป็นสกิลที่ทำร้ายตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เอฟเฟกต์ของสกิลนี้ทรงพลังมาก
และในบรรดาเอฟเฟกต์ทั้งหมด มีอย่างนึงที่ช่วยช่วยดูดพลัง 3 หน่วย ซึ่งสามารถชดเชยจุดอ่อนของสกิลนี้ได้
หรือก็คือตราบใดที่ฮังอวี่ทำดาเมจมากกว่า 3 หน่วยแก่เป้าหมายที่อยู่ในระยะประชิดด้วยการโจมตีทางกายภาพ เขาจะสามารถดูดพลังชีวิต 3 หน่วยจากศัตรูได้โดยตรง และนั่นเป็นวิธีที่ดีในการเติมพลังชีวิตที่สูญเสียไปในระหว่างเปิดใช้งานสกิล
นอกจากนี้ สกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดยังเป็นอะไรที่โกงมาก
ยิ่งพลังชีวิตของผู้ใช้ลดน้อยลงมากเท่าไหร่
เอฟเฟกต์ของสกิลก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
เมื่อสูญเสียพลังชีวิตไป 1% เอฟเฟกต์ของสกิลก็จะเพิ่มขึ้น 1%
เมื่อสูญเสียพลังชีวิตไป 10% เอฟเฟกต์ของสกิลก็จะเพิ่มขึ้น 10%!
หรือก็คือ ยิ่งใกล้ตายยิ่งทรงพลัง!
อย่างไรก็ตาม สกิลนี้มีภูมิคุ้มกันเมื่อถึงจุดที่ใกล้ตาย เลือดจะหยุดลดลงเมื่อเอฟเฟกต์ของสกิลเพิ่มขึ้นถึง 99%!
ในฐานะที่เป็นสกิลหลักของเบอร์เซิร์กเกอร์ ผลลัพธ์ของมันร้ายกาจมาก นี่ช่วยเสริมพลังรบให้แก่ฮังอวี่ได้เป็นอย่างยิ่ง
สมกับที่เป็นหินสกิลสีเขียวขั้น 2!