เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 230
ตอนที่ 230
รุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างไม่พอใจยิ่งนักที่เซียนสาวจากหอวิญญาณทองคำนำเอาสมบัติเช่นนี้ติดตัวเข้ามายังดินแดนลึกลับด้วย การกระทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นการฉ้อโกงประการหนึ่ง ในแดนลึกลับแล้ว เมื่อมีสมบัติชิ้นนี้ ผู้ใดจะเป็นคู่ต่อกรกับนางได้?
หลินซวนเองก็ได้ยินคำพูดทั้งหลายของเหล่ารุ่นเยาว์เช่นกัน เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมีสมบัติเช่นนี้ปรากฏขึ้น เขาจึงเริ่มจริงจังกับการต่อสู้ในครั้งนี้
หลินซวนมักเป็นเช่นนี้เสมอ เขามิเคยคิดว่าตนเองจะสามารถพิชิตทั่วทั้งแดนลึกลับได้เพียงเพราะระดับการบ่มเพาะของตนอยู่ในแดนหมุนวนทะเลปราณ
เผชิญหน้ากับสมบัติชิ้นนั้น หลินซวนไม่มั่นใจเช่นกันว่ากายเซียนแห่งเต๋าของเขาจะสามารถทานทนได้หรือไม่ หากมันไม่สามารถต่อต้านได้ เช่นนั้นแล้วนี่จะมิใช่จุดสิ้นสุดของเขาหรอกหรือ?
เพราะเหตุนี้ หลินซวนจึงไม่กล้าจะรับความเสี่ยง
“ฮี่ๆๆ เพราะเหตุนี้นี่เองเจ้าจึงได้มั่นในใจตนเองนัก เป็นเพราะมีสมบัติเช่นนั้นคอยหนุนหลังอยู่!” หลินซวนบ่นออกมา และไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะใช้ทักษะของตนเพื่อเคลื่อนที่และเตรียมหลบหนีไป
ทว่ากระดูกนิ้วก้อยชิ้นนั้นราวกับมีวิญญาณเป็นของตนเอง ไม่ว่าหลินซวนจะเคลื่อนที่ไปทางใด มันก็สามารถเปลี่ยนทิศทางของตนเองและไล่ตามเขาได้อย่างไม่ลดละ
ในตอนนี้ หลินซวนถึงขั้นใช้ท่าเท้าเจ็ดก้าวสวรรค์กลับกลายออกมา แต่ยังไม่สามารถจะหนีจากการติดตามของนิ้วก้อยทองคำนั้นได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นิ้วก้อยนั้นแปลกประหลาดเกินไป ความเร็วของมันกลับมากมายเสียย่ิงกว่าหลินซวนและใกล้จะบรรลุถึงตัวเขาได้แล้วเสียด้วยซ้ำ
บัดนี้ หลินซวนรีบนำเอาเตาหลอมออกมา แม้เตาหลอมนี้จะเป็นเพียงสิ่งของธรรมดาสามัญมิใช่สมบัติใดๆ แต่สิ่งที่มันกักเก็บเอาไว้มิได้สามัญเช่นนั้น ด้านในของมันบรรจุไว้ด้วยสายฟ้าสีม่วงที่ถูกหลินซวนสะสมมาก่อนหน้านี้
ในยามที่ฝาของมันเลื่อนออก สายฟ้าสีม่วงก็ถูกปลดปล่อยกระจายไปทั่วทั้งท้องนภา
เมื่อนิ้วก้อยนั้นปะทะเข้ากับสายฟ้าทั้งหลาย มันกลับมิได้มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้น ทว่าชั่วครู่ถัดมา มันกลับพุ่งเข้าไปในเตาหลอมและผสานรวมกับสายฟ้าทั้งหลายก่อนจะค่อยๆ สงบลง
“บัดซบ! นั่นมันอะไรกัน? หรือว่านิ้วทองคำถูกช่วงชิงไปแล้ว?”
รุ่นเยาว์คนหนึ่งที่เยือกเย็นมาตลอดกลับมิอาจหยุดตนเองไม่ให้สบถออกมาได้ในเวลาเช่นนี้
ต้องรู้ก่อนว่ากระดูกชิ้นนั้นเป็นหนึ่งในโครงกระดูกซึ่งสามารถสังหารจ้าวเหนือหัวผู้ไร้เทียมทานได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงกระดูกนิ้วก้อยชิ้นเล็กๆ แต่ความทรงพลังของมันกลับมากมายยิ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันคงไม่สามารถถูกช่วงชิงไปได้ง่ายดายเช่นนี้ ใช่หรือไม่?
บัดนี้ ผู้คนทั้งหลายต่างตกใจจนมิอาจรู้ได้ว่าควรตกใจเช่นใดดี พวกมันต่างนิ่งค้างไปและไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้ทั้งสิ้น
“เจ้ายังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่?” หลินซวนก้าวไปด้านหน้าและมองจ้องหญิงสาวผมทองผู้นั้นพลางเอ่ยถาม
ชัดเจนว่าการต่อสู้นั้นจบลงแล้ว
การปะทะกันครั้งนี้ ไพ่ตายทั้งหมดที่เซียนสาวจากหอวิญญาณทองคำเผยออกมาทำให้รุ่นเยาว์โดยรอบต่างอับอายในความอ่อนด้อยกว่าของตน แต่ใครเล่าจะคาดว่านางจะไม่อาจเป็นคู่ต่อกรกับรุ่นเยาว์ฝ่ายตรงข้ามได้แม้แต่น้อย
บัดนี้ นางสูญเสียกระดูกนิ้วก้อยทองคำ นางย่อมทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของหลินซวน หญิงสาวผู้นั้นกำลังดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ทักษะต่างๆ ของนางถูกซัดเข้าใส่เขาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ทุกสิ่งกลับไร้ค่า พลังปราณบางส่วนของนางถึงขั้นถูกหลินซวนปัดย้อนกลับเข้าใส่ตนเอง
ต่อให้เป็นทักษะที่ทรงพลังเพียงใดของนาง ก็ถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายเพียงหลินซวนสะบัดมือเล็กน้อย
ในชั่วพริบตา หลินซวนก็ไปปรากฏตัวด้านบนของเซียนสาวผู้นั้น เขามิได้แสดงความเมตตาใดแก่อีกฝ่ายและกระทืบลงไปยังศีรษะของนางเต็มแรง
ถูกต้อง มันคือกระบวนท่าเดียวกันกับที่นางกระทำแก่หลินซวนในคราแรก เขาต้องการจะจบชีวิตศัตรูด้วยวิธีการเดียวกันนี้เพื่อเป็นการดูแคลนอีกฝ่าย
แกร๊ก!
เสียงแตกหักดังขึ้น เป็นหญิงสาวผู้นั้นที่กรีดร้องโหยหวน เพราะใต้การโจมตีของหลินซวน รอยแตกปรากฏขึ้นบนกะโหลกของนาง จากนั้นลูกเตะของหลินซวนก็ส่งนางกระเด็นออกไป
“อ๊า! เจ้ากล้าดีอย่างไร?” หญิงสาวคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย
นางคือผู้ใด? นางคือเซียนสาวแห่งหอวิญญาณทองคำ ทุกผู้คนที่ได้พบเห็นนางล้วนเคารพนบนอบแก่นางมาตั้งแต่เยาว์วัย
โดยเฉพาะเมื่อรวมเข้ากับความงดงามนี้ ชายใดที่ได้พบเจอนางต่างพยายามเอาอกเอาใจ มีหรือที่นางจะเคยถูกชายหนุ่มกระทำกับนางเช่นที่หลินซวนทำในวันนี้
ทว่าหลินซวนก็มิได้แยแสสิ่งใด และยังคงเหยียบย่ำลงบนศีรษะของนาง
และก่อนที่นางจะได้กล่าวจนจบประโยค เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น ร่างของหลินซวนกะพริบไหวและมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของนาง เขาใช้สันมือต่างคมมีดและฟันเข้าใส่ลำคอขาวผ่องของอีกฝ่าย
จากนั้น ศีรษะที่มีใบหน้าอันงดงามก็ปลิดปลิวออกจากร่าง
ผู้คนโดยรอบต่างสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ อัจฉริยะไร้เทียมทานผู้หนึ่งกลับตกตายลงโดยง่ายดายเช่นนี้หรือ? ยิ่งกว่านั้น จากการกระทำของฝ่ายตรงข้ามแล้ว การสังหารนางลงมีค่าเท่าเทียมกับการเหยียบขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น
ศพไร้หัวร่วงหล่นจากฟากฟ้า ก่อนที่เถาวัลย์กลุ่มหนึ่งจะคืบคลานออกมาจากซากร่างนั้น รุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างหรี่ตาลง ย่อมไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าร่างจริงของเซียนสาวแห่งหอวิญญาณทองคำจะเป็นเช่นนี้
ร่างของหลินซวนไปปรากฏตรงหน้าของกลุ่มเถาวัลย์นั้นอีกครั้ง มือเล็กๆ ของเขาคว้าจับเถาวัลย์สีดำเส้นหนึ่ง เถาวัลย์เส้นนี้คืออาวุธที่หญิงสาวเคยใช้มันก่อนหน้านี้
แกร่ก!
หลินซวนใช้พละกำลังเพียงเล็กน้อยทว่ามันกลับมิได้ทำลายสิ่งที่อยู่ในมือลง นี่ทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง
สีหน้าของเหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายที่เฝ้ามองอยู่แปรเปลี่ยนไปฉับพลัน พวกเขาต่างรู้ดีว่าเถาวัลย์สีดำเส้นนั้นหมายถึงสิ่งใด มันคือกฎเกณฑ์ของสรวงสวรรค์แห่งเต๋าที่ติดตัวนางมาตั้งแต่กำเนิด ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินซวนต้องการจะช่วงชิงกฎเกณฑ์ที่ผู้อื่นครอบครองอยู่เช่นนี้
ต้องรู้ก่อนว่าการกระทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการทำลายเมล็ดพันธุ์อันล้ำค่าในร่างของอัจฉริยะไร้เทียมทานผู้หนึ่งลง
เมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทานเหล่านั้นต่างมีพลังศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่ในตัวของมันเอง พวกมันถูกส่งมาโดยสวรรค์แห่งเต๋า ในอีกชื่อหนุ่มเรียกมันว่า “เมล็ดพันธุ์แรกกำเนิด” ซึ่งเป็นรากฐานของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้น
เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายที่อยู่ไกลออกไปต่างเนื้อตัวสั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นเพลิงมังกรแดงอมตะหรือเถาวัลย์ดำเส้นนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พวกมันต้องการ
โดยเฉพาะเถาวัลย์สีดำนั้น มูลค่าของมันมากมายมหาศาลจนเพลิงมังกรแดงอมตะยังมิอาจเทียบเคียงได้
“เจ้ากลายเป็นเพียงซากศพแล้ว ยังต้องการจะต่อต้านอีกหรือ?” หลินซวนแค่นเสียงเย็นชา มือของเขาคว้าจับไปยังเถาวัลย์เส้นนั้น ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดกระชากมาออกมา
ผู้คนทั้งหลายต่างตกตะลึงในความแข็งแกร่งนั้น!