628 - โลงศพทองแดงสามโลก
1938 - โลงศพทองแดงสามโลก
อา…
อย่างไรก็ตามในเวลานี้อัศวินแห่งความมืดกลับบ้าคลั่งจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระจากข้อจำกัด
เขาปล่อยเสียงคำรามที่น่าสังเวชจากนั้นร่างของเขาก็ระเบิดเป็นแสงมืด
สือฮ่าวขมวดคิ้ว ในตอนนี้เขาใช้กระบี่หญ้าคาตัดผ่านร่างกายของอัศวินแห่งความมืดเพื่อป้องกันไม่ให้แสงแห่งความมืดเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาได้
แดง!
แสงมืดนั้นน่ากลัวอย่างยิ่งพวกมันมีลักษณะของปีศาจคล้ายกับมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง พวกมันก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงขนาดย่อมๆเพื่อปกป้องร่างกายของอัศวินแห่งความมืดไว้
สือฮ่าวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก สสารมืดนี้ไม่สามารถตัดขาดได้จริงๆ นี่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก แม้แต่วิชากระบี่หญ้าคาก็ไม่สามารถทำลายพวกมันได้ในครั้งเดียว
แต่อย่างไรก็ตามวิชากระบี่หญ้าคาก็ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา เมื่อมันสัมผัสกับแสงมืดเหล่านั้นก็ทำให้พวกมันสลัวลงทันที
“หนึ่งในสามวิชากระบี่โบราณอันยิ่งใหญ่!” ดวงตาของอัศวินแห่งความมืดเผยให้เห็นความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
ฮ่อง!
รอบตัวของเขามีสัญลักษณ์ปกคลุมทุกสิ่งอย่างหนาแน่น
สิ่งเหล่านี้เกิดจากคัมภีร์แห่งความมืด พวกมันทำงานคล้ายกับคัมภีร์ที่ไม่อาจหยั่งรู้สามารถปกป้องร่างกายของผู้ฝึกฝนได้ทุกสัดส่วน
เบื้องหลังของเขาคือทะเลสีดำที่ยื่นออกไปจนสุดสายตาในตอนนี้มันกำลังเคลือบคลานเข้าหาทั้งสองคนหวังจะช่วยเหลืออัศวินแห่งความมืดกลับไป
จิ!
สือฮ่าวฟันกระบี่หญ้าคาออกไปอีกครั้งด้วยพลังที่มากกว่าเดิม ในตอนนี้เขาไม่ตั้งใจที่จะเมตตาฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป หากอัศวินแห่งความมืดไม่เผยความลับมาก็ต้องตายเท่านั้น
ปู!
อัศวินแห่งความมืดถูกตัดแยกจากกันเป็นสองท่อนความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาสิ้นสุดลงณจุดนี้
สือฮ่าวยกร่างกายส่วนบนของเขาขึ้นมาจากพื้น กลิ่นเหม็นโชยออกมาทำให้เขารู้สึกอยากอาเจียนเล็กน้อย
“แม้ตายข้าก็ไม่ยอม! เจ้าไม่มีทางได้อะไรไปจากข้า!” อัศวินแห่งความมืดกล่าว
ในทันใดนั้นสือฮ่าวก็เห็นว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขากำลังลุกโชนกลายเป็นเปลวไฟสีดำแม้แต่กระหม่อมของเขาก็ยังลุกไหม้
สือฮ่าวส่ายหัวโยนเขาลงบนพื้น คนผู้นี้ตายไปแล้วไม่มีความหมายอะไรที่ต้องเก็บไว้
เขาไม่คาดหวังว่าอัศวินแห่งความมืดจะมีความเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ เขาไม่กลัวความตายเลยแม้แต่น้อย
บนพื้นดินกลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงยิ่งขึ้น ศีรษะของอัศวินแห่งความมืดถูกเผา ศพของเขานอนอยู่บนพื้นไม่ขยับ
สิ่งนี้ทำให้ สือฮ่าวตกใจ ภายใต้ชุดเกราะนั้นเป็นศพที่เน่าเปื่อย เขาเพิ่งเสียชีวิตไป ทำไมร่างกายของเขาถึงเน่าไปแล้ว?
เมื่อเสื้อเกราะถูกเคาะเบาๆมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับว่ามันได้ผ่านช่วงเวลาที่ไม่สิ้นสุดและถูกทำลายไปตามกาลเวลา
ชุดเกราะที่แข็งแกร่งขนาดนี้กลับกลายเป็นฝุ่นอย่างง่ายดาย
“ความมืดเป็นนิรันดร์นี่เป็นชะตากรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของทุกอาณาจักร” เสียงปีศาจดังขึ้นผ่านสถานที่แห่งนี้
แสงวิญญาณดั้งเดิมของอัศวินแห่งความมืดกระจัดกระจายหายไป
สือฮ่าวพยายามคว้ามัน แต่ฝนแห่งแสงที่ตกลงมาในมือของเขาทั้งหมดกลายเป็นขี้เถ้าสีดำ มีพลังอาฆาตพยาบาทประเภทหนึ่ง ก่อนที่มันจะสูญสลายไป
ในที่สุดศพที่เน่าเปื่อยบนพื้นก็อยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
ราวกับว่ามันข้ามผ่านเวลาอันยาวนานในชั่วพริบตานั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ราวกับถูกบดขยี้กลายเป็นผุยผงและสูญสลายไปในที่สุด
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? มันเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆหรือเปล่า” สือฮ่าวตกใจมาก
ต่อมาฝุ่นสีดำทั้งหมดก็กลายเป็นพายุโหมกระหน่ำเข้าสู่ทะเลหมอกสีดำ
เป็นไปตามที่อัศวินแห่งความมืดกล่าวไว้ ความมืดเป็นนิรันดร์เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เมื่อเขาตายนั่นคือที่ที่เขาจะไป
จิตใจของสือฮ่าวหนาวเหน็บ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาจากไหน?
เขายืนอยู่กับที่เป็นเวลานาน ไม่มีสิ่งมีชีวิตตัวที่สองออกมาจากหมอกสีดำ สถานที่แห่งนี้เงียบสงบอย่างยิ่งไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตใดๆ
หลังจากนั้นสือฮ่าวก็หายตัวไป เขาไปซ่อนตัวและต้องการสังเกตพื้นที่สีดำเหล่านี้
มันค่อนข้างแปลกประหลาดเล็กน้อย ความมืดไม่ได้แพร่กระจายต่อไปยังคงยึดครองดินแดนสิบห้าแคว้นราวกับว่าหากมันยึดครองต่อไปมันจะเกิดความไม่เสถียร
เขาเฝ้ามองจากระยะไกลจ้องมองเข้าไปในส่วนลึกของความมืดด้วยความปรารถนาที่จะรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างกันแน่
เอ็น?
สือฮ่าวตกใจ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีบุคคลที่ทรงพลังจากเก้าสวรรค์ที่มาอีกครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้มาจากตระกูลเฟิง แต่มาจากตระกูลอื่น
พวกเขาตั้งแท่นบูชาแปลกๆและทำการบูชายัญที่นี่ ในที่สุดพวกเขาก็เรียกสิ่งมีชีวิตจากความมืดมาสนทนากัน
หัวใจของสือฮ่าวเย็นลง มีตระกูลอมตมากมายที่พร้อมจะทรยศเก้าสวรรค์สิบพิภพ?
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้นก็คือยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ยิ่งมีตระกูลอมตะมาติดต่อกับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดมากขึ้นเท่านั้น
ในที่สุดสือฮ่าวก็ถอนหายใจ ตอนนี้หัวใจของเขาชาด้านไปแล้วจึงไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีก
“แม้แต่ตระกูลอมตะก็ยังมีความคิดเช่นนี้แล้วข้าจะดิ้นรนไปทำไม? อะไรต้องเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ!” สือฮ่าวจากไป
เขาหมดกำลังใจแล้ว ตระกูลอมตะต่างก็เริ่มยอมแพ้จนยอมก้มหัวให้กับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด
แล้วเหตุไฉนเขาจึงต้องทุ่มเทชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องคนพวกนี้?
สือฮ่าวกลับไปค้นหาโครงกระดูกของมังกรสีขาวและโลงศพทองแดงก่อนจะมุ่งหน้ากลับสู่อาณาจักรที่ต่ำกว่า
“เจ้าเอามันมาได้อย่างไร?” ระหว่างทางกลับสือฮ่าวได้แวะไปหาราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกอีกครั้ง
ใบหน้าของชายชุดขาวตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อเขามองเห็นโครงกระดูกมังกรทั้งเก้าและโลงศพทองแดง
ในคราวนี้คล้ายกับว่าพลังของเขาใกล้จะหมดแล้วเขาจึงไม่ได้เนรมิตดินแดนเซียนของเขากลับมา
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนยังคงรักษารูปร่างสง่างามของเขาไว้เช่นเดิม
ใบหน้าของเขาแสดงความตกตะลึงจ้องมองไปที่โครงกระดูกมังกรเก้าและโลงศพทองแดงโดยไม่สามารถกล่าวอะไรได้
“ผู้อาวุโสท่านมีคำแนะนำสำหรับเรื่องนี้ไหม?” สือฮ่าวถาม
เขาวางโลงศพทองแดงลงพื้นเบาๆ
ไม่ว่าจะเป็นกระดูกมังกรหรือโลงศพทองแดงทั้งคู่หนักมาก ถ้าเป็นคนธรรมดาพวกเขาจะไม่สามารถน้ำมันกลับมาที่นี่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อวางลงบนพื้นดินแดนปิดผนึกแห่งนี้ก็เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“ใครคือคนที่นอนอยู่ในโลงศพนี้กันแน่?” สือฮ่าวถาม
"ศพ? ทำไมเจ้าถึงคิดว่ามีศพอยู่ในนี้” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกกล่าวด้วยความงุนงง
“หรือว่าโลงศพนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเก็บซากศพ” สือฮ่าวเริ่มตกตะลึงเล็กน้อย
"ถูกต้อง ด้วยการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยครั้งใหญ่จุดประสงค์ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จึงไม่สมเหตุสมผลเล็กน้อย” ชายในชุดขาวส่ายหัวเบาๆ
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“โลงศพถูกสร้างเพื่อจุดประสงค์อื่นจริงๆ?” สือฮ่าวตกใจ
“นี่คือโลงศพทองแดงสามโลกต้นกำเนิดของมันยิ่งใหญ่และพิเศษอย่างน่าเหลือเชื่อ” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกเล่าเรื่องบางอย่างให้กับสือฮ่าวฟัง
สือฮ่าวเคยได้ยินมาแล้วว่าโลงศพนี้มีชื่อว่าโลงศพทองแดงสามโลก
เขาอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด แต่ไม่มีใครสามารถบอกเขาได้เกี่ยวกับที่มาของมัน
ตอนนี้จิตใจของเขาปะทุขึ้นด้วยความปรารถนาเพราะเขารู้ว่าอาจารย์ของเขาคนนี้สามารถบอกความลับของมันได้