เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 227
ตอนที่ 227
หญิงสาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศอย่างองอาจพร้อมด้วยเส้นผมสีทองปลิวไสวและเปลวเพลิงรอบกายสีเดียวกัน ใบหน้าของนางแย้มรอยยิ้มที่ไม่ว่าผู้ใดได้ยลย่อมต้องหลงใหล
“ตั้งแต่วันที่ข้าเกิด จำนวนของอัจฉริยะที่ตกตายภายใต้เงื้อมมือข้านับได้มากมายนัก ยิ่งกว่านั้นอัจฉริยะแต่ละคนที่ถูกข้าสังหารยังเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน วันนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า และหวังว่ามันจะมิใช่รอยมลทินในชื่อเสียงของข้า!” นางเอ่ยอย่างช้าๆ
ถ้อยคำเยาะเย้ยที่แฝงอยู่ในประโยคนั้นชัดเจนเสียจนไม่ว่าผู้ใดได้ยินก็ยังต้องเข้าใจ
มันหมายความว่าความแข็งแกร่งของหลินซวนในสายตาของนางช่างต่ำต้อย ไม่มีสิ่งให้ควรภาคภูมิใจ และอาจจะไม่มากพอให้นางต้องลงมือด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ตุยเฟิ่งและเล่ยหยุนซีที่นอนแผ่ราบอยู่กับพื้นเบื้องล่างต่างมีสีหน้าขมขื่น การที่นางว่ากล่าวหลินซวนเช่นนั้นย่อมหมายความว่าพวกมันทั้งสองมินับเป็นสิ่งใดได้สำหรับนางเช่นกัน
ทว่า พวกมันทั้งสองทำได้เพียงนอนนิ่งๆ เท่านั้นและไม่ได้กล่าวสิ่งใด อย่างไรเสียก็เป็นความจริงที่ว่าพวกมันพ่ายแพ้ให้แก่หลินซวน หากจะพูดสิ่งใดออกไป คงเป็นเพียงการเย้ยหยันตนเองเท่านั้น
“เจ้าบ้าน้ำลายยิ่ง หากมิได้มีดีเพียงแค่ปากก็รีบเข้ามา!” หลินซวนแค่นเสียงใส่นาง เขามิได้ไว้ไมตรีใดแม้แต่น้อยต่อให้อีกฝ่ายเป็นสตรีก็ตามที
จากนั้น เขาที่ยืนอยู่กลางอากาศก็มองผู้บนเบื้องล่างอย่างดูแคลน เขาต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งและสยบพวกมันทั้งหมดที่กล้ายั่วยุ และในเวลาเดียวก็นับว่าเป็นการทดสอบพละกำลังของตนเองด้วยเช่นกัน
เมื่อนางได้ยินประโยคของหลินซวน ไม่เพียงนางจะไม่หวาดกลัวแต่ยังยิ้มออกมา
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม เจ้าช่างกล้าหาญ! ข้าชอบสังหารอัจฉริยะเช่นนี้เป็นที่สุด!”
ประกายแสงสีทองสว่างจ้า ร่างของหญิงสาวผู้นั้นไปปรากฏอยู่ด้านบนของหลินซวน ความเร็วของนางน่าหวาดผวา ถึงขั้นทิ้งภาพติดตาสีทองไว้เบื้องหลัง
ก่อนที่ผู้ใดจะทันได้มีปฏิกิริยา นางก็เหยียบลงที่ศีรษะของหลินซวน ทันใดนั้น ความว่างเปล่านั้นหมดก็สั่นสะท้าน ปราณวิญญาณทะลักทลายออกมาจากร่างของนางราวกับไร้จุดสิ้นสุด
แม้นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง แต่บุคลิกของนางช่างหยิ่งยโส นางต้องการเหยียบศีรษะฝ่ายตรงข้ามและกำราบเขาลงในทีเดียว ต้องรู้ก่อนว่านี่เป็นการดูแคลนคู่ต่อสู้อย่างร้ายกาจ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอหังการของหญิงสาวผู้นี้
สิ่งที่นางต้องการกระทำก็คือใช้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดของตนเองรวมถึงทัศนคติอันจองหองของนางเพื่อบอกให้ผู้อื่นทราบว่าความแตกต่างระหว่างนางและอัจฉริยะอีกสองคนที่พ่ายแพ้แก่หลินซวนนั้นมากมายเพียงใด
หลินซวนเพียงเงยหน้ามองร่างเบื้องบน ด้วยดวงตาเย็นเยียบ ต่อให้หญิงสาวผู้นี้ทรงอำนาจเพียงใด แต่เขากลับมิได้เคลื่อนไหว
“หึ!”
เด็กน้อยทำเพียงแค่นเสียงเย็นชา แม้เสียงนั้นจะมิได้ดังมากนัก แต่ก็แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายป่าเถื่อน พร้อมกันนั้นแรงกดดันราวกับเทพเซียนก็ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา ปราณวิญญาณเองก็หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น หลินซวนก็กระแทกหมัดของตนขึ้นฟ้า ไม่มีการเคลื่อนไหวที่น่าหวือหวาใดๆ มีเพียงกำปั้นที่ทรงพลัง และแสงสว่างก็สาดส่องออกมาจากหมัดนั้นก่อนที่จะเกิดการระเบิดครั้งมโหฬาร
หลังจากระเบิด แสงมากมายที่กระจายออกมาก็กลายร่างเป็นสายฟ้าและอสูรนับอนันต์พุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของหญิงสาวผู้นั้น
หลินซวนโกรธเกรี้ยวไม่น้อยด้วยทัศนคติที่ช่างเหยียดหยามผู้อื่นของนาง เพราะเหตุนี้ เขาจึงต้องการแสดงให้นางเห็นว่ายอดฝีมือที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร
ต่อให้หมัดของเขามิได้ใช่ทักษะพิสดารใด แต่พลังที่อันแน่นอยู่ภายในก็มหาศาลจนสามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งใบ
เมื่อทั้งคู่ปะทะกัน คลื่นกระแทกต่างแพร่กระจายออกไปรอบด้าน แม้จะบอกว่าหญิงสาวผู้นั้นหยิ่งผยองนัก แต่ความสามารถของนางก็นับว่าเป็นของจริง
ผู้คนสามารถมองเห็นอักขระแห่งเต๋าปรากฏอยู่บนขาอันเรียวงามของนาง แม้มันจะดูบอบบางและอ่อนแอเพียงใด
ทว่าในความเป็นจริงแล้วพลังทำลายของมันมากมายยิ่งนัก เพียงการเหยียบลงคราวนี้ก็มากเพียงพอจะระเบิดผืนปฐพี
หากว่าเท้าข้างนี้เหยียบลงบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาลูกนั้นย่อยถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง และหากเป็นผู้อื่นที่ถูกท่าเท้านี้เข้าไป ศีรษะของเขาย่อมแตกกระจาย ร่างกายแหลกเหลวก่อนจะกลายเป็นเพียงหมอกโลหิตที่สลายหายไปท่ามกลางความว่างเปล่า
เมื่อทั้งคู่ปะทะกัน สีหน้าของเหล่ารุ่นเยาว์โดยรอบต่างแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นเคร่งเครียด นางไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูจะสามารถทานทนการโจมตีของนางได้
นางจึงม้วนตัวคราหนึ่ง จากนั้นปรากฏเป็นม้วนภาพวาดขึ้นด้านหน้า เมื่อม้วนภาพวาดนั้นค่อยๆ เปิดก่อน เงาที่แฝงไปด้วยภูผาและสายน้ำก็เกิดขึ้นและกดลงใส่หลินซวนที่อยู่เบื้องล่าง
ทางด้านหลินซวนเองหรี่ตาลงและยืนเอามือไขว้หลัง เขาเพียงเหลือบตาขึ้นก่อนยิงลำแสงออกมาจากดวงตาทั้งคู่ใส่คนที่อยู่ด้านบน
ลำแสงทั้งสองนั้นดุร้ายป่าเถื่อน ทว่ามันกลับมิใช่พลังจากนัยน์ตาหยินหยาง เป็นเพียงลำแสงปราณที่เขารวบรวมก่อนยิงออกมาจากดวงตา สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้มีเพียงทดสอบความสามารถพลังปราณของตนเท่านั้น
อันที่จริงแล้ว หลินซวนเป็นผู้บ่มเพาะในระดับแดนหมุนวนทะเลปราณ ย่อมกล่าวได้ว่าเขากำลังรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่สามัญเพียงใด หากช่วงใช้ด้วยเขาแล้ว มันย่อมกลายเป็นทักษะที่ทรงพลังจนสังหารผู้คนได้
ลำแสงคู่นั้นถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่ว่ามันกวาดผ่านแห่งหนใด ห้วงมิติล้วนพังทลาย กระทั่งภูเขาโดยรอบยังไม่อาจทานทนคลื่นกระแทกที่เป็นเพียงลูกหลงออกมาจากลำแสงนั้นได้จนในที่สุดก็ถล่มลง
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่น ลำแสงทั้งสองปะทะเข้ากับภูผาและสายน้ำของหญิงสาว ก่อนที่ภาพเงาเหล่านั้นจะสั่นสะท้านและแตกสลายไป มันย่อมไม่อาจทานทนพลังอำนาจของหลินซวนได้ ม้วนภาพเขียนนั้นพลันลุกไหม้และกลายเป็นเถ้าถ่านภายในชั่วพริบตาก่อนจะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต้องรู้ก่อนว่าลำแสงนี้มิใช่พลังจากนัยน์ตาหยินหยาง เป็นเพียงพลังปราณที่สามัญที่สุดของหลินซวนเท่านั้น แต่พลังทำลายของมันกลับมากเกินจินตนาการได้
หลังจากทำลายภาพวาดนั้น ลำแสงทั้งคู่ก็ยังมิได้จางหายไป และไม่มีทีท่าจะอ่อนแรงแม้แต่น้อย มันยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของหญิงสาวก็จะทะลุผ่านกายเนื้อของนาง
กรี๊ด!!
ผู้คนต่างหายใจอย่างหนาวเหน็บ พลังของหลินซวนนั้นทรงอำนาจเกินไป
ต้องรู้ก่อนว่าบัดนี้รุ่นเยาว์ทั้งหลายกำลังสมมติว่าหากตนเป็นหลินซวน แล้วต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนั้น พวกมันทั้งหมดย่อมไม่อาจแก้ไขได้ทัน... หรือต่อให้พอจะกระทำบางอย่างได้ แต่พวกมันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล