วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0042
บทที่ 16 ฟาร์มมิ่งเวิร์ม, สัตว์ร้ายที่แย่งชิงพลังธรรมชาติจากภูเขา, แต่ตอนนี้มัน… (2)
* * *
นักบวชและเหล่าสาวก เดินย้อนกลับไปเพื่อตามคนมาช่วย
ภูมิประเทศค่อนข้างซับซ้อน ระยะทางก็ไกลพอประมาณ จึงต้องใช้เวลาสักพัก
ระหว่างนั้น ฉันตัดสินใจใช้เวลาพักผ่อน
สารประกอบทางเคมีที่ฉันพกมาด้วย ถูกนำมาใช้เป็นระเบิดฉับพลัน
เกิดจากการผสมโลหะชนิดพิเศษที่เมดูซ่าสร้างขึ้น เข้ากับวัสดุแปรธาตุอีกหลายชนิด
แรงระเบิดเดี่ยวๆ ไม่ได้ทรงพลังนัก แต่เมื่อหลายขวดระเบิดพร้อมกัน เปลือกนอกของฟาร์มมิ่งเวิร์มก็ฉีกขาดอย่างง่ายดาย
กองไฟชั่วคราวถูกสร้างจากเชื้อเพลิงแข็งและสารประกอบดังกล่าว
พวกเราต้มเลือดและย่างเนื้อของฟาร์มมิ่งเวิร์มเพื่อกิน
“ลิลี่”
“อื้อ”
“รสชาติเป็นยังไงบ้าง”
ลิลี่ชิมเลือดที่สุกและแข็งตัว สีหน้าเป็นไปในทางพึงพอใจ
“…แปลก”
“ไม่อร่อย?”
“ไม่อร่อย… แต่ก็ดี”
เป็นคำอธิบายที่ชวนให้สับสน แต่ถูกต้องทุกอย่าง เพราะฉันก็คิดแบบนั้น
ฉันเคยกินไส้เดือนเมื่อครั้งอาศัยอยู่บนโลก มีบางเวลาที่ฉันต้องดิ้นรน จึงไม่เกี่ยงรสชาติเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
รสชาติแบบนั้นเลย
แต่จุดที่แตกต่างคือ มันมีรสหวานและน่าพึงพอใจตบท้าย
“…คงเพราะฟาร์มมิ่งเวิร์มตัวนี้กินพลังธรรมชาติเข้าไป”
เหมือนกับคริสตัลที่สั่งสมพลังธรรมชาติจะมีรสชาติอร่อย วัตถุดิบเดียวกันได้แทรกซึมเข้าไปในเลือดเนื้อของฟาร์มมิ่งเวิร์ม
ต้องกินเข้าไปมากแค่ไหน ถึงจะมีรสที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้?
อย่างไรก็ดี พวกเราไม่ได้กินมันเพื่อความเอร็ดอร่อยเพียงอย่างเดียว
พลังแวมไพร์
เปลี่ยนพลังของเจ้าของเลือดให้เป็นของตัวเอง
ฉันคาดหวังในสิ่งนั้น เลือดเมดูซ่าเป็นพิษร้ายแรง จึงหมดโอกาสโดยสิ้นเชิง แต่กับฟาร์มมิ่งเวิร์มแล้วดื่มได้
ทว่า
“…ไม่รู้สึกอะไรเลย?”
ลิลี่พยักหน้ารับ
เมื่อครั้งดื่มเลือดปรสิต พลังของมันกลายเป็นของฉันแม้จะไม่รุนแรงนักก็ตาม
แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดเลย
“ปรสิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก ดวงวิญญาณจึงแข็งแกร่ง การกินเลือดจึงส่งผลใหญ่หลวง แต่กับฟาร์มมิ่งเวิร์ม… ถึงจะตัวใหญ่แต่ ดวงวิญญาณกลับมีขนาดเล็ก”
ตอนแรกคิดว่าจะได้พลังปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อม น่าเสียดายที่ไม่เป็นแบบนั้น
“จะไม่มีอวัยวะใหม่งอกขึ้นมาในตัวฉันใช่ไหม”
แตกต่างจากปรสิต ฟาร์มมิ่งเวิร์มมีอวัยวะเฉพาะเจาะจงสำหรับปล่อยกระแสไฟฟ้า
ดูยังไงก็ไม่เข้าท่า ฉันไม่อยากเป็นมนุษย์กลายพันธุ์
ฉันกล่าวขณะมองลิลี่เคี้ยวเนื้อไส้เดือน
“จะเริ่มเคลื่อนย้ายในอีกห้าชั่วโมง ไม่ต้องรีบกิน”
“หา? ทำไม?”
“เมื่อสิ่งมีชีวิตตาย กล้ามเนื้อจะคลายตัวและปวกเปียก การเคลื่อนย้ายในสภาพนี้เป็นเรื่องลำบาก”
“…อย่างนี้นี่เอง”
“ฟาร์มมิ่งเวิร์มไม่มีกระดูก ถ้าเคลื่อนย้ายในสภาพนี้ แรงสะเทือนจะทำให้อวัยวะภายในเสียหาย”
“อีกห้าชั่วโมงข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงยังไง?”
“เมื่อถึงตอนนั้น ศพจะเริ่มแข็ง”
“…เจ้าพูดเหมือนกับพวกนักปราชญ์ธรรมชาติ”
“เป็นคำชม?”
“ข้าไม่ชอบเรียนคาบปราชญ์ธรรมชาติ มันน่าเบื่อ แต่การเก่งวิชานี้ถือเป็นเรื่องที่ดี”
ฉันจ้องฟาร์มมิ่งเวิร์มพลางครุ่นคิด
“…ห้าชั่วโมงคืออย่างเร็ว”
การแข็งตัวของศพจะยิ่งใช้เวลานานเมื่อร่างกายมีขนาดใหญ่ ครั้งนี้ต้องรอนานแค่ไหน?
“จะนานแค่ไหนก็ช่างมัน”
ไม่ได้รีบสักหน่อย และฉันเป็นพวกถ้าไม่รีบก็ไม่ใส่ใจ
“ของีบก่อน ถ้าเจ้าพวกนั้นมาแล้วปลุกด้วย”
“จะนอนข้างศพเนี่ยนะ?”
“ข้างในก็เคยนอนมาแล้ว”
“…อี๋ย”
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ผู้คนเริ่มมารวมตัว ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดก้น
“ท่านคนบ้า! พวกเรามารวมตัวตามคำสั่งแล้ว!”
ฉันยืดเส้นยืดสายขณะกวาดตามองผู้คน
มีราวหนึ่งร้อยชีวิต
การเคลื่อนย้ายไม่ใช่เรื่องยาก
“ไปกันเถอะ”
ฟาร์มมิ่งเวิร์มกำลังถูกมัดด้วยลูกศรเชือกหลายสิบเส้น โชคดีที่ศพแข็งตัวในระดับที่น่าพึงพอใจ และน้ำหนักของศพเบากว่าที่คิดเมื่อเทียบกับขนาดตัว
“หนึ่ง! สอง!”
“ฮึ้บ!”
“เบากว่าที่คิดแฮะ?”
“ทุกคน! จงเค้นพละกำลังทั้งหมดที่ได้มาจากนมทุกหยดที่ดื่มเข้าไป! ต้องถึงพื้นดินก่อนรุ่งสางวันพรุ่งนี้!”
“ย๊าก!”
ทุกคนต่างทุ่มเทอย่างสุดกำลัง
ฉันเองก็จับเชือกไว้หนึ่งเส้น และลิลี่ก็เสนอตัวช่วยโดยไม่กล่าวคำใด
ฉันมองไปยังทางกลับพลางพึมพำ
“งานนี้เหนื่อยแน่”
“…ว่าแต่ เจ้าจะนำกลับไปที่กระท่อมใช่ไหม”
ลิลี่กระซิบกระซาบ ฉันพยักหน้ารับ
“…แล้วทำไมถึงบอกกับพวกเขาว่า แค่ย้ายขึ้นไป ‘บนพื้นดิน’ ?”
“พวกเขาจะเสียขวัญถ้าตั้งเป้าหมายไว้ยากเกินไป คนเราจะทุ่มสุดฝีมือเมื่อตระหนักว่าเป้าหมายนั้นเป็นไปได้”
“ชั่วช้า…”
“ในหมู่บ้านของฉัน นั่นเป็นคำชม”
“ยิ่งได้ยิน ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นหมู่บ้านประหลาด… ไม่ได้ล้อเล่นนะ”
* * *
วันนี้เป็นวันที่สองของการมาทำงานในต่างโลก ชาโซฮีพักอยู่ที่โรงแรมของเบสแคมป์ โดยคอยจะแวะไปยังกระท่อมในช่วงเย็น แต่ผ่านมาแล้วหลายวัน เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของทั้งคังซอนฮูและลิลี่
“พวกนั้นหายหัวไปไหนกัน?”
ประตูกระท่อมลงกลอนแน่นหนา
‘ถ้าเขากลับโซลก็ต้องโทรหาแล้วสิ’
ครุ่นคิดสักพัก เธอส่ายหน้า
“อาจไม่เสมอไป หมอนั่นเป็นพวกติดต่อยากอยู่แล้ว”
เธอยอมแพ้ที่จะจู้จี้เรื่องที่อีกฝ่ายไม่ชอบพกโทรศัพท์ นิสัยของคังซอนฮูเป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร และไม่เคยพยายามทำอะไรเพื่อเปลี่ยนมัน
คังซอนฮูไม่เคยคิดจะปรับตัวให้เข้ากับสังคม
เป็นเพื่อนที่ช่วยยืนยันให้ชาโซฮีรู้ว่า มนุษย์สามารถดำรงชีวิตแบบนั้นได้ด้วย
อย่างไรก็ดี เหตุผลสำคัญที่อีกฝ่ายใช้ชีวิตในทำนองนั้นได้อย่างราบรื่น เพราะคังซอนฮูไม่ใช่คนโลภในทรัพย์สิน
ส่งผลให้ความหมกมุ่นสามารถตรงดิ่งไปยังทิศทางเดียวได้อย่างแน่วแน่
ในบางครั้ง ชาโซฮีรู้สึกอิจฉาความฝันของเขา
“…กลับไปกินข้าวดีกว่า”
ทันทีที่หมุนตัวด้วยความคิดดังกล่าว กลิ่นหอมๆ ลอยเตะจมูกชาโซฮีกะทันหัน
“…?”
ชาโซฮีหันหน้าตามจิตใต้สำนึก
เป็นกลิ่นที่ไม่เคยดมจากที่ไหนมาก่อน หอมๆ และชวนให้เคลิบเคลิ้ม
ถ้าอาหารมีกลิ่นแบบนี้ แค่กลิ่นก็ทำให้อร่อยไม่รู้เรื่องแล้ว
กลิ่นลอยมาจากตำแหน่งไกลๆ
‘…ย่าห์!’
หลังจากเงี่ยหูฟัง เธอได้ยินเสียงตะโกนดังบางๆ
ณ เส้นขอบฟ้าสีม่วงอันเนื่องมาจากพระอาทิตย์เพิ่งจะตกดิน
ชาโซฮีจ้องไปยังทิศทางดังกล่าว ไม่นานดวงตาก็เบิกกว้าง
‘…ย่าห์! …ย่าห์!’
ฟังดูคล้ายกับเสียงให้จังหวะ แต่นั่นไม่ใช่ภาษาเกาหลีหรืออังกฤษ
ยังกับภาษาต่างโลก
ในทิศทางที่ชาโซฮีกำลังจ้อง กลุ่มดวงแสงสว่างขึ้น
เมื่อแสงเข้ามาใกล้ เธอก็ยิ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เป็นกลุ่มคน
กลุ่มคนจำนวนมาก
และตัวอะไรบางอย่าง… ที่ใหญ่มากๆ …
เธอยังระบุไม่ได้ว่านั่นคือตัวอะไร
ชาโซฮีผู้เรียกตัวเองว่า ‘นักมโนมือฉมัง’ รีบจินตนาการเรื่องราวสุดพิสดารนานาชนิด
ช่วงนี้ไม่มีข่าวว่าทีมสำรวจหลักจะเดินทางกลับมา
นอกจากนั้น คบเพลิงที่กลุ่มคนดังกล่าวถือ ก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์โลกใช้กัน
สรุปแล้วนั่นคือตัวอะไร… ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิต…
กลุ่มคนจำนวนมาก… กำลังเดินนำหน้าสัตว์ยักษ์?
ถ้าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์โลกล่ะ?
จินตนาการสุดบรรเจิดของชาโซฮีจบลงที่นี่ เพราะเธอได้ข้อสรุป
“ผู้บุกรุก!”
มโนภาพชาโซฮีจบลงในทำนองนี้เสมอ
“ม…มีผู้บุกรุก! หัวหน้ารปภ!”
ไม่มีทางที่เสียงตะโกนของเธอจะดังเข้าไปในเบสแคมป์ แต่ถ้าเธอมองเห็น คนในเบสแคมป์ก็ต้องเห็นเหมือนกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสถานการณ์เร่งด่วน
แน่นอน เรื่องทำนองนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในต่างโลก แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีกรณีใดเป็นการบุกรุกจริงๆ จังๆ มาก่อน เกือบทั้งหมดจะถูก OWIC สะสางอย่างเงียบเชียบเสมอ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอต้องนิ่งเฉย
ชาโซฮีหันหลังกลับและวิ่งไปทางเบสแคมป์
ทันใดนั้นเอง
“ชาโซฮี!”
“…?”
เธอหยุดวิ่งและหันกลับมามอง
เป็นเสียงที่คุ้นเคย
หรือว่าเราจะหูฝาด?
“ชาโซฮี! นี่ฉันเอง!”
หูไม่ได้ฝาด นั่นคือเสียงคังซอนฮู
เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มคนขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน
ชาวต่างโลกกว่าหนึ่งร้อยคน
ทุกคนจับเชือกคนละเส้น
ครืด! ครืด!
ศพของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมากำลังถูกลากมาทางนี้
นำหน้าโดยคนสองคน เป็นใบหน้าที่ชาโซฮีรู้จักดี
“…คังซอนฮู? ลิลี่?”
คังซอนฮูกำลังโบกมือทักทายชาโซฮี ลิลี่เดินเคียงโดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น เสียงนกหวีดและเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝั่งหมู่บ้าน
“ทีมตอบสนองที่หนึ่งรีบค้นหาพลเมืองในละแวกใกล้เคียงและทำการอพยพ! ตรวจสอบว่าคังซอนฮูอยู่ในกระท่อมหรือไม่!”
“ครับ!”
เป็นหัวหน้ารปภ.คนเดิม
หนึ่งในคนของหน่วยรปภ.ที่แยกย้าย เดินมาจับแขนชาโซฮี
“รีบกลับเข้าไปในรั้ว! เร็วเข้า!”
“ด…เดี๋ยวก่อน”
สำหรับเบสแคมป์ การไม่ทำตามคำสั่งของทีมรปภ.คืออาชญากรรมร้ายแรง
แต่หัวหน้ารปภ.ยังไม่ลืมว่า สตรีรายนี้เป็นคนรู้จักของคังซอนฮู
“นั่น…”
หัวหน้ารปภ.มองไปยังทิศที่ชาโซฮีชี้
และ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
หัวหน้ารปภ.ใช้เวลาสักพักกว่าจะเห็นหน้าชายที่กำลังเดินโบกมือ
“…”
หัวหน้ารปภ.ไม่รู้จะประเมินสถานการณ์อย่างไร
ที่นี่คือต่างโลกซึ่งเรื่องพิสดารสามารถเกิดขึ้นได้ มันจึงมั่นใจว่าตนจิตแข็งพอที่จะไม่แตกตื่นในทุกสภาพแวดล้อม
แต่ในวินาทีนี้ ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์โลก
ข้อเท็จจริงดังกล่าวทำเอาสมองหัวหน้ารปภ.ขาวโพลนชั่วขณะ
ชาวบ้านในต่างโลก และชาวโลกที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้า
ภาพของชาวต่างโลกกำลังก้มศีรษะให้มนุษย์อย่างนอบน้อม
ภาพของชาวต่างโลกที่ทยอยเดินกลับหลังจากคำนับเสร็จ
ตนต้องเขียนรายงานยังไง?
หลังจากความวุ่นวายจบลงมัน จนปัญญาจะแต่งนิยายส่งเบื้องบน
“…คุณคังซอนฮูสินะครับ”
“ปวดเอวชะมัด… อ้อ ใช่ ฉันเอง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? ฉันทำตามกฎทุกอย่างนะ”
หัวหน้ารปภ.ผงกศีรษะ
ขอเพียงไม่นำชาวต่างโลกเข้าเบสแคมป์โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่แพร่งพรายข้อมูลของโลกมนุษย์ พฤติกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของกฎ
แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์กับชาวต่างโลกก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว กฎข้อที่สองจึงไม่ได้เคร่งครัดอะไร
ทว่า ฉากที่มันเพิ่งได้เห็น
“พวกเขา… คำนับให้คุณคังซอนฮู?”
“อา ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”
ท่าทีคังซอนฮูดูไม่ใส่ใจอะไร
ไม่แยแสแม้จะถูกชาวต่างโลกนับถือ
‘ชายคนนี้… เคยอยู่ในต่างโลกมาก่อนสินะ’
ได้ยินว่าสองปี จะว่านานก็นาน แต่ก็ไม่น่าจะสร้างความยิ่งใหญ่ได้มากมายนัก
เกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นกันแน่?
ตั้งตนเป็นศาสดาเทียม?
‘เขาเชี่ยวชาญการปลุกปั่นมวลชน?’
คังซอนฮูที่ตนรู้จัก ไม่ได้สนใจมนุษย์สักเท่าไร
คำถามมากมายถูกกองทับถมในหัว
ครุ่นคิดสักพัก มันส่ายหน้า
สิ่งที่ต้องสนใจในตอนนี้ คือศพยักษ์ที่กลุ่มผู้ศรัทธาคังซอนฮูลากมา
“นี่คือ?”
“เครื่องปั่นไฟ”
“…ครับ?”
แน่นอนว่ามันไม่เข้าใจ
แต่พิจารณาจากสีหน้าสุดภาคภูมิใจขณะหันกลับไปมองศพ คังซอนฮูไม่ได้กำลังล้อเล่น
* * *
เมื่อได้ข้อสรุปว่าไม่ใช่การบุกรุก หัวหน้ารปภ.กลับไปหลังจากสอบปากคำเบื้องต้น ระหว่างนั้นเขาชำเลืองลิลี่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง
ด้านนอกกระท่อมกำลังเอะอะ
มวลชวนจากหมู่บ้านแวะออกมาดูศพฟาร์มมิ่งเวิร์ม
เสียงของบทสนทนาด้านนอกหน้าต่าง ดังเข้ามาในหูฉัน
“…คังซอนฮูจับมันมาหรือ”
“ใช่”
“ทำไมล่ะ?”
“…เห็นว่าเป็นงานจ้างจากบริษัทเหมืองแร่”
“แต่บริษัทจ้างให้สืบสวนไม่ใช่หรือ ไม่ใช่การล่า”
ข่าวลือดังกล่าวแพร่ออกไปได้สักระยะแล้ว
“เขาจำกัดเป้าหมายในภารกิจที่ให้ตรวจสอบ?”
“OWIC อนุญาตให้เขาพกปืน?”
“ไม่น่าจะใช่…”
“ถ้าอย่างนั้น จะบอกว่าเขาจับมันมาโดยไม่ได้ใช้ปืน?”
“อยากลองเข้าไปสัมผัสจังเลย! ฮิฮิ!”
“เฮ้! อย่าเข้าไปใกล้!”
โชคดีที่มีชาโซฮีคอยควบคุมความวุ่นวาย
ระหว่างนั้น ฉันกับลิลี่นำสัมภาระไปในเก็บในกระท่อมและนั่งพัก
พลางนำเข็มชี้สีทองออกมาเปิดฝาตรวจสอบ
เข็มกำลังชี้ไปยังทิศทางของสมบัติชิ้นถัดไป - ทิศตะวันออก ฝั่งเดียวกับป่าเบอร์มิวด้า
ลิลี่ที่กำลังนั่งคุกเข่าบนพื้น เปิดปากพูด
“จะทำยังไงต่อ?”
“อันดับแรก ตามหาสปริกแกนให้พบ คนแคระจากหมู่บ้านบอกเส้นทางกับฉันแล้ว เห็นว่าแถวนั้นน่าจะเป็นตำแหน่งของสปริกแกน”
ฉันจ้องเส้นทางที่นักบวชวาดให้
ตอนนี้ไม่มีฟาร์มมิ่งเวิร์มแล้ว ภูมิประเทศจะไม่เปลี่ยน
อาศัยแผนที่ในมือ การหาสปริกแกนให้เจอขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“เจ้าจะใช้สปริกแกนอย่างไร?”
“เธอเคยบอกว่า สปริกแกนสอดแนมเก่งเพราะสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างรากภูเขาได้”
“ก็ใช่… แต่นี่ไม่ใช่ยามสงครามสักหน่อย”
ถึงจะทำแบบนั้นได้ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะทำอย่างอื่นไม่ได้
“ลิลี่”
“อื้อ”
“เธอรู้ไหมว่าที่นี่คือส่วนไหนของโลก”
“…ไม่”
ลิลี่เคยเล่าว่า เธอเตร็ดเตร่อย่างไร้แผนที่เป็นเวลานาน
จึงแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับละแวกนี้เลย
ถ้านำแผนที่โลกมากางโดยให้กรุงโซลเป็นจุดศูนย์กลาง หากจะให้ลากเส้นไปยังนิวยอร์ก หลายๆ คนคงตอบได้ไม่ยาก
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบสแคมป์คือส่วนใดของต่างโลกอันกว้างใหญ่
นั่นคือจุดบอดใหญ่หลวงในแผนของฉัน ถ้าไม่ทราบว่ากำลังเริ่มต้นจากตรงไหน ก็คงยากที่จะวางแผนขั้นถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้แต่ OWIC ก็แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากทางใต้
“ถึงเวลาหาคำตอบนั้นแล้ว”
“หาคำตอบ?”
ฉันจะหาคำตอบว่า ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่ไหน
“ฉันจะสร้างแผนที่… แผนที่ละแวกนี้ทั้งหมด”
หากทำสำเร็จ เราก็จะรู้ว่ามีสิ่งใดรออยู่ทางทิศตะวันออกที่เข็มชี้สีทองเล็งไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการตัดสินใจในอนาคตของฉัน
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel