Ep.176 - เปิดบาร์กับอาจารย์ซู
1/2
Ep.176 - เปิดบาร์กับอาจารย์ซู
ซูหยุนปิงขยับแว่นตากรอบดำ
เลนส์เกิดการหักเหแสง สะท้อนให้เห็นแค่สีขาว บดบังดวงตาของเธอ
ในเวลาเดียวกัน เธอยืดอกขึ้น ส่งผลให้ยอดเขาที่ดูเกินจริงอยู่แล้วเกินจริงยิ่งกว่าเดิม ชวนให้ผู้มองอดกังวลไม่ได้ ว่าชุดสูทเล็กๆนั่นจะทนต่อแรงกดดันได้หรือไม่
“กลับมาจากโลกวิญญาณครั้งก่อน ฉันบังเอิญได้สูตรต้มเบียร์กับหมักไวน์มาหลายสูตร”
“และบังเอิญมีคนในสมาคมโลกวิญญาณสามารถจัดหาเมล็ดพันธุ์วัตถุดิบได้เป็นจำนวนมาก พวกเราเลยสามารถผลิตไวน์วิญญาณได้จำนวนหนึ่ง เบียร์กับไวน์อย่างละขวดนี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น”
“เจ้าขวดนี้ชื่อสโนว์เอล”
“ฉันเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่าเบียร์หิมะ มันให้ผลคล้ายกับชาก็อบลิน ช่วยเพิ่มการดูดซึมพลังงานจากอาหารวิญญาณ”
“ส่วนขวดที่พึ่งเปิดไปเรียกว่าไวน์เบอร์รี่ไซเดอร์”
“ฉันเรียกมันง่ายๆว่าไวน์ผลไม้แดง ไวน์ผลไม้แดงมีแต้มวิญญาณแฝงอยู่ส่วนหนึ่ง การดื่มมันในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยสะสมแต้มวิญญาณเล็กน้อยเข้าสู่ร่างกายได้”
ฮังอวี่พยักหน้า
ก่อนอื่นเขาเทมันอย่างละแก้วแล้วชิมรสชาติ
เบียร์หิมะรสชาติสดชื่นปลอดโปร่ง แม้ยังไม่ได้แช่เย็น แต่ก็ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกเย็นสบาย สามารถบรรเทาความเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายได้ในทันที
ไวน์ผลไม้แดงเป็นไวน์ผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปราศจากสารเติมแต่งใดๆ รสชาติกลมกล่อม ความเปรี้ยวกับหวานผสมกันได้อย่างลงตัว กลิ่นหอมของผลไม้วิญญาณและความรู้สึกของแอลกอฮอล์ผสานกันเป็นอย่างดี และภายใต้การกระตุ้นของแก่นแท้พลังงานวิญญาณ มันช่วยให้ผู้ดื่มรู้สึกมีความสุข
ของดี!
ไวน์ที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นเทียบกับเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้เลย!
ดวงตาของต้าไห่เป็นประกาย จ้องมองไปยังเบียร์หิมะไม่ละสายตา
นั่นเพราะเบียร์หิมะสำหรับเขา มันไม่ใช่แค่เครื่องดื่มมึนเมา แต่มันยังเป็นสิ่งที่สามารถนำมาวางขายในร้านอาหารของเขาได้อีกด้วย
แม้โรงน้ำชาจะให้บริการชาวิญญาณอยู่แล้ว
แต่โดยทั่วไปชาวิญญาณมักดื่มหลังอาหารหรือยามว่าง
ขณะที่เบียร์วิญญาณสามารถดื่มขณะรับประทานอาหาร หากวางขาย ยอดขายและผลกำไรในร้านได้ทะยานไปอีกขั้นอย่างแน่นอน และหลังจากที่มีเบียร์วิญญาณแล้ว ร้านของเขาก็จะยิ่งมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
ซูเจิ้งเฉิงเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง?”
ฮังอวี่พยักหน้า แสดงความคิดเห็น “รสชาติไม่เลว”
เบียร์หิมะกับไวน์ผลไม้แดง ทั้งคู่เป็นเครื่องดื่มวิญญาณเกรดต่ำ
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้แทบไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในเจียงเฉิงมีสถานที่ที่สามารถผลิตไวน์วิญญาณ ดังนั้นการที่ซูหยุนปิงได้สูตรพวกนี้มา สามารถทำกำไรได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ฮังอวี่เอ่ยถาม “พวกเราจะร่วมมือกันยังไง?”
“ฉันต้องการเปิดบาร์ขนาดใหญ่บนถนนมังกรฟ้า”
“ด้วยสูตรและวัสดุ ทำให้เงื่อนไขพื้นฐานพร้อมอยู่แล้ว แต่นายก็รู้ว่ากระบวนการผลิตต้องใช้พลังจิตค่อนข้างมาก”
“ฉันต้องการช่องทางการซื้อโพชั่นพลังจิตที่มั่นคง และนายสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้”
ซูหยุนปิงกล่าวเช่นนั้น
“เรื่องโพชั่นผมสามารถขายมันได้ในปริมาณมากและมั่นคงในระยะยาว” หากเป็นก่อนหน้านี้ ฮังอวี่ไม่กล้าพูดคำนี้ได้อย่างเต็มปาก แต่ตตอนนี้เขามีเสี่ยวไป๋ สถานการณ์ย่อมไม่เหมือนเดิม “แต่อาจารย์จะให้อะไรผม?”
“เราสามารถเชิญนายเข้าร่วมลงทุนในบาร์ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 10% และเครื่องดื่มวิญญาณบางส่วนที่ทางเราผลิตเช่นเบียร์หิมะสามารถนำไปวางจำหน่ายในร้านอาหารได้”
อ้วนต้าไห่รู้สึกว่าดวงตาเขาสว่างไสวจนแทบจะยิงแสงออกมา
เขารู้ว่าฮังอวี่ไม่ขาดแคลนยา ดังนั้นการร่วมมือครั้งนี้เป็นอะไรที่ลงล็อคและยอดเยี่ยมมาก
อย่างแรกเลยตัวบาร์นั้นเป็นธุรกิจที่ดี
ตราบใดที่ผู้คนได้ดื่มไวน์วิญญาณ พวกเขาจะลืมทุกไวน์ทุกชนิดที่เคยดื่มมา
นอกจากนี้ ไวน์วิญญาณไม่เพียงช่วยให้เกิดความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อย่างแท้จริง โอกาสทางการตลอดมีขนาดใหญ่มาก
ประการที่สอง บาร์และร้านอาหารสามารถร่วมมือกันได้ เติมเต็มและส่งเสริมซึ่งกันและกัน
บาร์สามารถจัดเตรียมเครื่องดื่มที่เหมาะกับร้านอาหาร ขณะเดียวกัน ร้านอาหารสามารถใช้ทรัพยากรในครัวของตัวเองเพื่อจัดเตรียมของว่างที่เหมาะสมกับบาร์
ประการที่สาม แน่นอนว่าคือประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ที่ได้เป็นพันธมิตรกับอาวุโสในสมาคมโลกวิญญาณ ตราบใดที่ธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ตำแหน่งในถนนสายนี้ของอ้วนต้าไห่และฮังอวี่จะมั่นคงยิ่งขึ้น
สมาคมโลกวิญญาณ สมาคมมังกรฟ้า สำนักงานพี่อ้วนหากทั้งสามร่วมมือกันพัฒนาถนนมังกรฟ้า
ถนนสายนี้จะเจริญรุ่งเรืองในไม่ช้า
ซึ่งมันสอดคล้องกับเป้าหมายของฮังอวี่ในการสร้างถนนมังกรฟ้าให้เป็นถนนการค้ายุคใหม่
เพราะสุดท้ายแล้ว มันเป็นเรื่องยากสำหรับฮังอวี่และอ้วนต้าไห่ที่จะทำสิ่งนี้คนเดียว หากต้องการหาพันธมิตร ซูหยุนปิงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ... ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเลย!
หากผังต้าไห่คือฮังอวี่ เขาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
ฮังอวี่จมอยู่ในห้วงความคิดพักหนึ่ง ซูหยุนปิงกับซูเจิ้งเฉิงไม่รีบร้อน ทั้งสองดื่มชาวิญญาณเพื่อรอฟังคำตอบ
“เรื่องความร่วมมือสามารถทำได้”
“แต่หุ้น 10% มันน้อยไปหน่อยไหม?”
“ผมยินดีจ่ายเพิ่มและซื้อ 40% ของสัดส่วนหุ้น”
ซูหยุนปิง ซูเจิ้งเฉิงเกือบจะพ่นชาที่พวกเขาพึ่งดื่มออกมา
ช่างไร้ยางอาย!
นี่มันปากสิงโตชัดๆ!
ซูหยุนปิงถ่มน้ำลายอย่างบ้าคลั่งในใจเธอ
ในตอนที่ฮังอวี่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เธอต้องการซื้อสำนักงานพี่อ้วนแค่ 10% หรือ 20% ฮังอวี่ยังปฏิเสธที่จะขาย แต่พอตอนนี้ ซูหยุนปิงมากับสูตรและวัตถุดิบที่พร้อมผลิต ผู้ชายคนนี้กลับต้องการกลืนมันถึง 40% ของหุ้นบาร์
ทำตัวปากสิงโตแบบนี้มันจะหยาบคายไปหน่อยไหม?
ซูเจิ้งเฉิงก็อดกุมหน้าผากไม่ได้
เขาทำธุรกิจมาหลายปี แต่คนที่กล้าเอ่ยเช่นฮังอวี่ เขาพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
ธุรกิจนี้ทำกำไรได้อย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่ใช่เพราะฮังอวี่คือผู้จัดหาโพชั่นที่เหมาะสมที่สุด และเป็นงูเจ้าถิ่นของแถบนี้ ต่อให้หุ้น 1% พวกเขาก็ไม่คิดจะขาย เรื่อง 40% ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ฟังที่ผมพูดให้จบก่อน”
“โพชั่นฟื้นพลังจิตที่จำเป็นสำหรับการผลิตไวน์วิญญาณ ผมสามารถขายให้พวกคุณได้ในราคาเท่ากับร้านอาหาร อ้วนต้าไห่ซื้อไปเท่าไหร่ ผมขายคุณเท่านั้น”
“นอกจากนี้ ผมไม่กล้าพูดว่าฝ่ายผลิตโพชั่นของผมเป็นที่หนึ่งในเจียงเฉิง แต่นอกเหนือจากทางสกายเน็ตแล้ว พวกคุณไม่มีทางหาช่องทางที่ผลิตโพชั่นได้มั่นคงได้เหมือนผม”
ฮังอวี่ไม่ได้โม้
ตอนนี้สมาคมมังกรฟ้าได้รวบรวมกลุ่มผู้เล่นสายกลั่นโพชั่นได้จำนวนหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ เขายังเลือกฮังเสี่ยวไป๋เป็นผู้อำนวยการสายผลิตอีกด้วย
แผนผังของชุมชนมังกรฟ้าเองก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยพื้นฐานพวกเขามีทั้งที่ดิน เกษตรกรวิญญาณ เมล็ดพันธ์ ต้นกล้า มีกระทั่งโรงกลั่นโพชั่น เพียบพร้อมทั้งในแง่การผลิตและคุณภาพ
ยกเว้นองค์กรที่มีเบื้องหลังเป็นรัฐบาลอย่างสกายเน็ต
ฮังอวี่ไม่คิดว่าจะมีใครในเจียงเฉิงสามารถแข่งขันกับตนได้
การผลิตของทางสกายเน็ตนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่พวกเขาเป็นองค์กรใหญ่ ในกองพลน้อยมีเป็นพันคน แล้วแบบนี้อัตราการบริโถคต้องมหาศาลถึงขนาดไหน? ถ้าแค่ของคนในกลุ่มตัวเองยังไม่เพียงพอ แล้วพวกเขาจะเอาออกมาขายได้อย่างไร?
ฮังอวี่กับซูหยุนปิงพยายามหักล้างเหตุผลที่แต่ละฝ่ายเสนอมา
ในที่สุดซูหยุนปิงก็กัดฟัน “30%! มากสุดได้เท่านั้น นี่คือขีดจำกัดที่ฉันยอมรับได้”
“30% ตกลงตามนั้น”
ได้สัดส่วนหุ้นมาเกือบหนึ่งในสามของทั้งหมดก็มากพอแล้ว
ฮังอวี่พอใจกับจำนวนนี้
การเจรจาครั้งนี้ ต่อไปจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อถนนมังกรฟ้า
สัดส่วนถือหุ้น 30% ในบาร์มีมูลค่า 270 หินคริสตัลขาว
แม้นี่จะฟังเหมือนเยอะมาก แต่จริงๆแล้วเมื่อเทียบกับผลกำไรหลักล้านในระยะยาว มันไม่นับเป็นสิ่งใดเลย
ฮังอวี่ควักเงินตัวเองลงทุน 20% ซึ่งก็คือ 180 หินคริสตัลขาว
ส่วนอีก 10% ลงทุนผ่านสำนักงานพี่อ้วน ด้านหนึ่งการทำแบบนี้สามารถลดแรงกดดันในการจ่ายเงินสดของฮังอวี่ อีกด้านหนึ่งช่วยให้ต้าไห่ได้ถือหุ้นในบาร์ด้วย
ยังไงซะทุกสิ่งที่คุยกันมันจะเกิดขึ้นในถนนมังกรฟ้า
ตัวแทนหลักของฮังอวี่คือต้าไห่
ดังนั้นให้ร้านอาหารกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของบาร์ มันจะนำความสะดวกสบายมาสู่ความร่วมมือกันในอนาคต
ฮังอวี่รับประทานอาหารกลางวันกับพ่อลูกตระกูลซู
พวกเขาหารือและสรุปรายละเอียดของเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน
โดยพื้นฐานแล้ว หากปราศจากปัญหาใดๆ ซูหยุนปิงจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเจ้าของบาร์ เธอเพียงคนเดียวครอบครองกว่า 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนที่เหลือถือโดยซูเจิ้งเฉิง และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอีกหลายคน
ดูเหมือนว่าอาจารย์ซูมีแผนจะอยู่ในถนนมังกรฟ้า และตัวเธอเองก็ได้ถือครองอาณาเขตวิญญาณหลายแห่งที่เรียกว่า ‘วิลล่าซานไห่หยวน (ต้นกำเนิดมหาสมุทรและขุนเขา)’ ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนมังกรฟ้าออกไปประมาณ 10 ไมล์
แม้ทำเลจะไม่ใกล้กับชุมชนมังกรฟ้า
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจถนนมังกรฟ้าสายนี้มาก มีแผนทำการตลาดแบบฝังรากลึก และอาจถึงขั้นปักหลักตั้งสำนักงานใหญ่ของเธอที่นี่ในอนาคต
ราชินีแห่งบาร์ซูหยุนปิง
เข้าท่า เข้าท่า
ด้วยรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของเธอ การเป็นเจ้าของบาร์จะช่วยให้ธุรกิจของเธอมั่นคงมากยิ่งขึ้น