อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 59 เพลงนี้กำลังโด่งดังแล้ว
ตอนที่ 59 เพลงนี้กำลังโด่งดังแล้ว
บนโซฟาฮาร์ดี้กับเอวากำลังกอดกัน
ตอนนี้เอวาพอใจมาก
“ทอมนายรู้ไหมความฝันของฉันคือการเป็นนักแสดงและนักร้อง และตอนนี้ฉันได้เป็นทั้งคู่แล้ว ซึ่งฉันมีความสุขมาก”
“ว่าแต่ความฝันของนายล่ะ” เอวาเอาคางของเธอแตะที่หน้าอกของฮาร์ดี้ และกะพริบดวงตากลมโตของเธอไปที่เขา
“ความฝันของฉัน?” ฮาร์ดี้บ่นพึมพำ
‘ในชีวิตก่อนหน้านี้ครอบครัวของเขานั้นยากจน ทำให้เขาต้องการมีเงินมากขึ้น หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฉันได้ทำธุรกิจและประสบความสำเร็จเล็กน้อย จากนั้นฉันจึงไปต่างประเทศเพื่อลงทุน แต่ก็ไม่นึกว่าจะถูกชาวต่างชาติปล้นและฆ่าตาย’
ฮาร์ดี้คิดได้ในทันที
ตอนนี้ความฝันของฉันคือการมีเงินจำนวนมากและแก้แค้น!
แต่ตอนนี้คนที่ฆ่าฉันคงยังไม่เกิด และโลกนี้กับโลกก่อนหน้านี้ไม่ใช่โลกเดียวกัน ชาตินี้จะได้เจอหน้าคนที่ฆ่าหรือเปล่าก็ยังไม่รู้…
แต่ฉันรู้จักประเทศของคนพวกนั้นและฉันจัดการประเทศนั้นแทนได้ เพราะใครใช้ให้ขยะมาเกิดในประเทศนั้นกันล่ะ
แล้วก็ฉันจะทำลายให้เหี้ยนเลย
“ใช่! ความฝันของนายคืออะไร” เอวาถามด้วยความสงสัย
ฮาร์ดี้ทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าว “ความฝันของฉันคือการสร้างสันติภาพบนโลกนี้ และทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความรัก เหมือนนกพิราบแห่งสันติภาพที่จะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมแผ่ความรักอันเจิดจ้าไปทั่วโลก”
เอวามองฮาร์ดี้อย่างแปลกใจ
‘เอ่อ…คือทำไมความฝันนายเว่อร์จัง สันติภาพมาได้ยังไง?’
ฉันไม่เชื่อ!
ฮาร์ดี้ไม่สนใจว่าเอวาจะเชื่อหรือเปล่า เขาบีบหน้าเธอแล้วพูด “อีกสองวันเธอจะไปถ่ายภาพยนตร์แล้วใช่ไหม”
“ใช่และเราคงไม่ได้เจอกันอีกนานเลย”
ฮาร์ดี้ลูบหลังเอวาเบาๆ และทำเสียงใส
“ดูท่าคืนนี้ต้องชดเชยแล้วล่ะ”
...
ทีมงานถ่ายทำนักฆ่าเพชรตัดเพชรออกเดินทางไปนิวเม็กซิโกแล้ว
ก่อนจากไป
เอวาบอกฮาร์ดี้ว่าถ้าว่างๆ ให้ไปหาเธอบ้าง
หลังจากที่เอวาจากไป ฮาร์ดี้เดินทางไปหาเพอร์รี่หัวหน้าสถานีวิทยุโคลัมเบียลอสแองเจลิสและขอให้สถานีวิทยุช่วยเล่นเพลงของเอวาให้หน่อย
ซึ่งนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยและเพอร์รี่ตกลงในทันที
ในสตูดิโอวิทยุทีมจัดรายการวิทยุหยิบแผ่นเสียงขึ้นมาดู มีข้อความเขียนกำกับไว้ว่าเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ส่งมาโดยบริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์ค
การโฆษณาเพลงผ่านวิทยุเป็นเรื่องธรรมดา
และทีมจัดรายการก็ไม่ได้สนใจมากนัก
ตอนนี้คือรายการวิทยุตอนเย็น มีชายสองคนคือพอลและฟิงเคิลเป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งสองพูดเรื่องตลกและเล่าเรื่องสนุกสนานเป็นเหมือนรายการทอล์คโชว์ ซึ่งถือเป็นรายการเด่นของสถานีวิทยุแห่งนี้
ทั้งสองคนดำเนินรายการจนเหนื่อยเล็กน้อย พอลจึงพูดใส่ไมโครโฟนว่า “ตอนนี้เรามาฟังเพลงคลายเครียดกันดีกว่า ซึ่งเพลงนี้ถูกร้องโดยนักร้องชื่อ ‘เอวา การ์ดเนอร์’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ และชื่อเพลงคือ สการ์โบโรแฟร์”
ทีมจัดรายการวิทยุเตรียมเล่นเพลง
พร้อมกับที่ไมโครโฟนถูกปิด ทำให้ตอนนี้ผู้ฟังวิทยุจะไม่ได้ยินเสียงของผู้ดำเนินรายการ และพอลก็พูดกับฟิงเคิลด้วยความดูถูก “นักร้องใหม่ที่ไม่เคยได้ยินชื่อ แล้วชื่อเพลงก็แปลกๆ เพลงนี้มันจะไปเพราะได้ยังไง ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ เอาน่า…ทุกปีมันก็มีเพลงแบบนี้มากมายไม่ใช่เหรอ? ปล่อยไปเถอะ เราแค่ทำหน้าที่โฆษณาไปก็พอ และตอนนี้มาพักดื่มกาแฟก่อนดีกว่า” ฟิงเคิลยิ้ม
เพลงถูกเปิด
เสียงร้องอันไพเราะของเอวาก็ดังขึ้น
มือของพอลที่ถือแก้วกาแฟแข็งค้าง เพราะท่วงทำนองที่ดังขึ้น มันทำให้เขาและผู้คนสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณอันล้ำลึก และเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ
ความรู้สึกนี้ช่างน่าประหลาดและมหัศจรรย์
ฟิงเคิลที่นั่งถัดมาก็เป็นเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ถูกดึงดูดจากเสียงเพลง
หลังเพลงจบลงทั้งสองรู้สึกว่ามันผ่านไปไวมาก มันเหมือนแค่พริบตาเดียวเพลงก็จบแล้ว
ทั้งสองต่างก็รู้สึกเหมือนกัน
ว่าทำไมช่วงเวลาที่รู้สึกดีถึงสั้นแบบนี้
ในขณะที่เสียงเพลงกำลังดัง พวกเขาก็ไม่ได้ดื่มกาแฟเลยด้วยซ้ำ
พอลรีบไปที่ไมโครโฟน เปิดเสียงและพูดอย่างตื่นเต้น
“คุณผู้ฟังทุกท่าน ผมไม่รู้ว่าพวกคุณฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกยังไง แต่ผมฟังแล้วประหลาดใจจริงๆ ผมกล้าพูดเลยว่านี่เป็นหนึ่งในเพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา”
“มันเป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมจะแนะนำเพลงนี้อีกครั้ง เพลงนี้คือ ‘สการ์โบโรแฟร์’ และนักร้องคือ ‘เอวา การ์ดเนอร์’ เธอน่าจะเป็นนักร้องหน้าใหม่ แล้วเพลงนี้ก็เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย”
“โอ้! เหมือนจะมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทีมจัดรายการขาดความรับผิดชอบจริงๆ พวกเขาไม่ได้เขียนชื่อภาพยนตร์มาด้วยซ้ำ แต่เพลงนี้ก็เพราะมาก ผมกล้าพูดเลยว่าเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงคลาสสิคอย่างแน่นอน และนักร้องเอวา การ์ดเนอร์คนนี้ก็เสียงดีมาก ผมชอบเสียงของเธอจริงๆ”
“ผมเชื่อว่าภาพยนตร์ที่มีเพลงนี้ประกอบคงไม่แย่แน่ๆ และผมก็ไม่รู้ว่าภาพยนตร์จะออกฉายตอนไหน แต่ถ้ามีข่าวออกฉายเมื่อไรผมจะไปดูแน่นอน เพราะแค่ฟังเพลงก็คุ้มกับค่าตั๋วแล้ว”
พอลยกย่องเพลงนี้ไม่หยุด
เพราะเขาชอบมันมากเกินไป
แค่ฟังครั้งเดียวก็หลงรักเข้าแล้ว
ขณะนี้เสียงของทีมจัดรายการดังมาจากชุดหูฟังของผู้ดำเนินรายการ “ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์หลายสาย มีคนขอให้เล่นเพลงนี้อีกครั้ง พวกเขาชอบมาก”
ฟิงเคิลพูดใส่ไมโครโฟนทันที “ตอนนี้รายการของเราได้รับโทรศัพท์จากผู้ฟังหลายสาย ซึ่งมีคนโทรมามากมายเพื่อขอให้เล่นเพลงนี้อีกครั้ง ตามคำร้องขอของผู้ฟังทุกท่าน เราจะเปิดเพลงสการ์โบโรแฟร์นี้อีกครั้ง”
เสียงร้องของเอวาดังขึ้นอีกครั้งในสตูดิโอ
หลายพันบ้านเรือนในลอสแองเจลิสมีเสียงเพลงนี้ดังขึ้น และผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็หลงใหลในเพลงนี้
หลังเพลงจบเสร็จครั้งที่สอง
ก็มีคนโทรเข้ารายการมากขึ้น
หลายคนบอกว่ายังฟังไม่พอและหวังว่าจะเล่นเพลงซ้ำอีก
ทำให้เพลงของเอวาโด่งดังจนลุกเป็นไฟ
ผู้คนนับไม่ถ้วนจำชื่อเอวา การ์ดเนอร์ และชื่อเพลง ‘สการ์โบโรแฟร์’ ได้
แน่นอนว่าผู้คนต่างสงสัยว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องไหน ซึ่งหลายคนตัดสินใจแล้วว่าต้องไปดูเมื่อภาพยนตร์นี้เข้าฉาย
ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังจากแค่ฟังเพลงนี้
วันถัดไป
รายการวิทยุยังคงรับสายหลายสายที่ขอให้เล่นเพลงนี้ซ้ำ ด้วยเหตุนี้เรตติ้งรายการวิทยุจึงเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์
เพอร์รี่หัวหน้าสถานีวิทยุโคลัมเบียลอสแองเจลิสได้รับรายงานนี้จากลูกน้อง เขาประหลาดใจที่ได้ยินว่าเรตติ้งรายการวิทยุเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากเปิดเพลงนี้
เดิมทีเขาแค่อยากช่วยเหลือฮาร์ดี้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเพลงนี้จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกชอบและเพิ่มเรตติ้งรายการวิทยุได้มากขนาดนี้
และเขาก็คิดแผนการบางอย่างได้ในทันที
จากนั้นเขาก็ขอให้ใครบางคนคัดลอกเพลงอย่างรวดเร็ว แล้วส่งไปที่สำนักงานใหญ่ของสถานีวิทยุโคลัมเบียในนิวยอร์กโดยเที่ยวบินของวันเดียวกัน เพื่อให้พวกเขาสามารถออกอากาศที่นั่นได้ทันที โดยที่สถานีวิทยุสาขาลอสแองเจลิสนั้นครอบคลุมแค่ชายฝั่งตะวันตกเท่านั้น
ภายในสองวัน
เพลงนี้ก็เป็นที่นิยมในฝั่งตะวันออกเช่นกัน
หนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงานเกี่ยวกับเพลงนี้ โดยยกย่องเพลงนี้ว่ามันยอดเยี่ยมและมีเสน่ห์ ส่วนนักร้องก็ร้องได้ดีมาก แต่เอวาก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้เธอได้กลายเป็นนักร้องยอดนิยมไปแล้ว มีผู้คนมากมายอยากทราบข้อมูลของเธอ แต่ก็ไม่มีใครรู้ข้อมูลของนักร้องหน้าใหม่อย่างเธอเลย
ฮาร์ดี้รู้สึกว่าผลของการโฆษณาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้นดีมาก เขาจึงตัดสินใจที่จะทำการเคลื่อนไหวครั้งที่สองเพื่อสร้างชื่อเสียงของเอวาให้สมบูรณ์
สองวันต่อมา
ลอสแองเจลิสไทม์สและเดอะนิวยอร์กไทม์สได้เผยแพร่ข่าวหนึ่งในเวลาเดียวกัน
เนื้อหาข่าวมีความพิเศษมาก ซึ่งจุดเริ่มต้นเป็นเนื้อเพลง
“คุณจะไปงานสการ์โบโรห์ไหม?
ผักชีฝรั่ง เสจ โรสแมรี่ และโหระพา”
และด้านล่างเป็นข้อมูลของเพลง
“เพลงนี้ดัดแปลงมาจากเพลงลูกทุ่งอังกฤษสมัยก่อน บรรดานักแต่งเพลงที่ได้ยินเพลงเก่านี้ พวกเขารู้สึกประทับใจมากจึงแต่งใหม่จนได้เป็นเพลงนี้ ซึ่งเพลงนี้จะแสดงถึงความคิดของทหารที่ต่อสู้ในแนวหน้าเพื่อคนรักของเขา และทหารเหล่านี้ได้ขอให้นักเดินทางที่กำลังจะไปงานสการ์โบโรแฟร์ ช่วยนำข้อความของเขาไปยังหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วย”
“ผักชีฝรั่ง โหระพา โรสแมรี่ และไธม์ในเนื้อเพลงเป็นตัวแทนของความหวาน ความแข็งแกร่ง ความภักดี และความกล้าหาญของความรัก”
ดอกไม้สี่ชนิดนี้ถูกกล่าวในเพลงนี้ ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าดอกไม้ทั้งสี่ชนิดนี้มีความหมายที่สวยงามเหลือเกิน
ในตอนท้ายของรายงานเป็นภาพสีขนาดใหญ่ของหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งที่กำลังยิ้มอย่างมีเสน่ห์
และมีคำบรรยายด้านล่างภาพไว้ว่า
‘นักร้อง เอวา การ์ดเนอร์’
ซึ่งหลายคนหลังจากที่เห็นรูปถ่ายของเอวา
พวกเขาทุกคนต่างชื่นชมกับความงามของเธอ
ทำให้ตอนนี้เอวากำลังโด่งดังสุดขีด
ผู้คนนับไม่ถ้วนจำชื่อและรูปลักษณ์ของเธอได้
และเพลงนี้ไม่นานก็แพร่หลายไปต่างประเทศ
ไปถึงยุโรปและแม้แต่อังกฤษ
ซึ่งมันเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในอังกฤษ เพราะเพลงนี้อ้างอิงจากเพลงลูกทุ่งของอังกฤษ ทำให้ชาวอังกฤษรู้สึกประทับใจกับเพลงนี้มากขึ้น
สื่อมากมายต่างคาดเดาว่าใครเป็นคนแต่งเพลง ทว่าคนแต่งก็ลึกลับเกินไปและไม่มีการเปิดเผยชื่อของเขาด้วยซ้ำ
และนักข่าวก็ต้องการสัมภาษณ์เอวาด้วย แต่ก็หาตัวเธอไม่พบ
ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าในขณะนี้ นักร้องเอวา การ์ดเนอร์นั้นกำลังอยู่ในเขตทุรกันดารของนิวเม็กซิโก…