บทที่ 7: องค์หญิงแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่
บทที่ 7: องค์หญิงแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่
“เอาเลย”
[ นายท่าน ไม่ใช่ว่าคุณอยากมีความสุขหรอ? ]
“ความสุขของฉันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว การสอนและเลี้ยงดูศิษย์เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่อหล่อเลี้ยงเหล่าผู้มีพรสวรรค์ให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ฉันก็จำเป็นต้องละทิ้งความสุขส่วนตัวของฉันเอาไว้ข้างหลังก่อน”
หวังไฉ่ :“…”
“ศิษย์ระดับ SS อยู่ที่ไหน?!”
[ ที่พระราชวังจักรพรรดิสันติราชาแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ ]
ลู่เสี่ยวหรัน: “???”
“หวังไฉ่ นั่นมันอยู่ไกลเกินไป ฉันไม่อยากไป ภูเขาสูงและแม่น้ำก็ทอดยาว ถ้าฉันเจอปัญหาหรือศัตรูที่แข็งแกร่งแล้วตายล่ะ?”
[ เอ่อ… ถ้านายท่านไม่ต้องการจะไป งั้นก็ต้องใช้วิธีอื่น เนื่องจากเธอเป็นศิษย์ระดับ SS ฉันจึงสามารถใช้การนำทางวิญญาณได้ เมื่อเปิดใช้งานการนำทางวิญญาณแล้ว ฉันก็จะสามารถดึงดูดเธอมาที่นิกายอสูรสวรรค์ได้ ในกรณีนั้น นายท่านก็จะสามารถรับเธอเป็นศิษย์ได้ ]
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเปิดใช้งานการนำทางวิญญาณกันเถอะ”
[ รับทราบนายท่าน ]
…
สองสามวันต่อมา ห่างจากนิกายอสูรสวรรค์หลายร้อยไมล์ ร่างที่สวยงามสองร่างบินผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับลำแสงดาวตก
“องค์หญิงอู๋เซีย ช้าลงหน่อยเถอะ เราอยู่ไม่ไกลจากนิกายอสูรสวรรค์แล้ว”
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายช้าลง
“ย่าหลี่ ข้าหยุดไม่ได้ เสียงนั่นบอกข้าว่าข้าต้องไปที่นิกายอสูรสวรรค์ มันมีโอกาสที่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของข้าได้รออยู่ที่นั่น และการพลาดโอกาสนี้ก็จะทำให้ข้าต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน”
ย่าหลี่ถอนหายใจเบาๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหมดหนทาง และมันก็เผยให้เห็นร่องรอยของความปวดใจ
ในฐานะธิดานอกสมรสของจักรพรรดิ จื่ออู๋เซียก็ทำงานหนักกว่าองค์ชายหรือองค์หญิงในพระราชวังจักรพรรดินับร้อยๆ เท่า
เพื่อที่เธอจะได้รับการยอมรับให้สมกับที่เป็นองค์หญิง เธอจึงทำงานหนักมาโดยตลอด
และในที่สุด ความทุ่มเทของเธอก็สำเร็จลุล่วง เธอค่อยๆ ได้รับการยอมรับจากผู้คนในพระราชวัง
ในตอนแรก เธอเชื่อว่าตราบใดที่เธอทุ่มเทเพียรพยายามมากพอ สักวันหนึ่งเธอก็จะสามารถสลัดรูปลักษณ์ลูกเป็ดขี้เหร่ของเธอและกลายเป็นองค์หญิงที่แท้จริงแห่งงพระราชวังจักรพรรดิสันติราชาแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่”
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงก็ได้ทำลายความพยายามทั้งหมดของเธอในทันที
ในชั่วข้ามคืน เธอก็กลายเป็นตัวตลกของพระราชวัง
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอเลือกที่จะทำงานให้หนักขึ้นแทน นอกจากกินแล้ว เธอก็เอาแต่ ฝึกตน ฝึกตนและฝึกตน
แม้แต่ผู้ชายก็ไม่สามารถอดทนพยายามเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวที่บอบบาง!
เดิมทีเธอไม่ต้องการจะทำงานหนัก แม้ว่าเธอจะเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ แต่เธอก็มักจะถูกเยาะเย้ยจากทุกคนในพระราชวัง ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์จำนวนนับไม่ถ้วนในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ที่กำลังไล่ตามเธอ
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงต้องดิ้นรนทำงานให้หนักขึ้น
เธอต่อสู้อย่างหนักเพื่อพิสูจน์ว่าคนอื่นคิดผิด
ทั้งสองคนรีบบินตรงไปข้างหน้าและมาถึงนิกายอสูรสวรรค์อย่างรวดเร็ว
เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา ทั้งสองจึงไม่ได้หยุดอยู่ที่ประตูภูเขา แต่พวกเขาบินตรงผ่านประตูภูเขาและเข้าสู่นิกายอสูรสวรรค์
ทั้งสองคนไม่ได้แจ้งนิกายอสูรสวรรค์ล่วงหน้า แม้ว่านิกายอสูรสวรรค์ทั้งหมดจะต้อนรับเธอด้วยความเคารพเพราะตัวตนของเธอ แต่พวกเธอก็ยังเลือกตัดสินใจที่จะเข้าไปอย่างลับๆ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเธอก็กังวลว่าผู้อาวุโสที่เรียกเธอมาจะมองเธอว่าเป็นคนบ้าอำนาจ
เนื่องจากเขาเลือกที่จะถ่ายทอดความคิดและดึงดูดเธอมาอย่างเงียบๆ ดังนั้นมันก็จะต้องเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้เรื่องนี้แน่ๆ
“องค์หญิง มียอดเขามากมายในนิกายอสูรสวรรค์ ท่านรู้หรือว่ามันคือยอดเขาไหน?”
อู๋เซียหลับตาลงและฟังเสียงในใจของเธออย่างใจเย็น ในท้ายที่สุด เธอก็ลืมตาและบินไปในทิศทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน หญิงชราก็บินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
ทั้งสองคนมาถึงหน้ายอดเขาจื่อฉุ่ยอย่างรวดเร็ว
“ยอดเขาจื่อฉุ่ย?”
หญิงชราขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “องค์หญิง ก่อนที่ข้าจะมา ข้าได้ตรวจสอบนิกายอสูรสวรรค์แล้ว ยอดเขาจื่อฉุ่ยเป็นยอดเขาที่ธรรมดาที่สุดในบรรดา 320 ยอดเขาของนิกายอสูรสวรรค์ ไม่เพียงเท่านั้น ลู่เสี่ยวหรัน ผู้นำสูงสุดของยอดเขาจื่อฉุ่ยก็ยังเป็นผู้ฝึกตนที่ธรรมดามากอีกด้วย บางทีการฝึกตนของเขาอาจจะต่ำกว่าของท่านด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตาม สายตาของจื่ออู๋เซียก็ยังคงหนักแน่นและไม่ไหวติง
“มันคือที่นี่แหละ มันจะต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ ข้าสัมผัสได้ว่าคนที่เรียกหาข้าอยู่บนยอดเขาลูกนี้!”
“เอาล่ะ ในกรณีนี้ ข้าก็จะไปกับท่านเอง”
ไม่ว่าจะในกรณีใด ด้วยระดับการฝึกตนของเธอ การปกป้องเจ้าหญิงก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ
ทั้งสองคนสัมผัสได้ว่ายอดเขาจื่อฉุ่ยได้รับการปกป้องโดยค่ายกล ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้บินเข้าไปจากฟากฟ้า
แม้ว่าพวกเธอจะไม่กลัวนิกายอสูรสวรรค์ แต่มันก็ไม่คุ้มที่จะไปยั่วยุพวกเขา
ทันทีที่พวกเธอลงจอด ทั้งสองคนก็สังเกตเห็นศิลาจารึกที่ลู่เสี่ยวหรานตั้งเอาไว้
“พื้นที่ต้องห้ามของยอดเขาจื่อฉุ่ย ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา ใครก็ตามที่เข้ามาจะต้องตาย”
หลังจากอ่านอย่างผ่านๆ แล้ว ย่าหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม
“ผู้นำสูงสุดของยอดเขาจื่อฉุ่ย… ช่างเป็นคนที่หยิ่งผยอง มีแต่ยอดฝีมือชั้นยอดเท่านั้นที่จะกล้าพูดคำที่หยิ่งผยองเช่นนี้ออกมา”
“บางทีมันอาจเป็นผู้นำสูงสุดลู่ที่สร้างมันขึ้นมาเพื่อเหล่าศิษย์ของเขาในนิกายอสูรสวรรค์?”
จื่ออู๋เซียกล่าวอย่างเฉยเมย และย่าหลี่ก็ถอนรอยยิ้มของเธอ
“ ถูกต้อง ไม่ว่าการฝึกตนของผู้นำยอดเขาลู่จะอับจนเพียงใด แต่เขาก็ยังคงเป็นบุคคลที่น่านับถือในนิกายอสูรสวรรค์ สำหรับศิษย์ในนิกายอสูรสวรรค์แล้ว เขาก็ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถยั่วยุได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนระดับเรา การห้ามปรามของเขาก็เป็นเหมือนเรื่องตลก
จื่ออู๋เซียพยักหน้า
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่เราก็ยังเป็นคนที่มาบุกรุกอาณาเขตของคนอื่น ย่าหลี่ จำไว้ว่าอย่าทำร้ายใคร ท่านไม่สามารถกลั่นแกล้งผู้อื่นได้เพียงเพราะข้าเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่”
ย่าหลี่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“รับทราบค่ะ องค์หญิงน้อยของข้า”
อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกประทับใจมากเช่นกัน
แม้ว่าจื่ออู๋เซียจะไล่ตามความแข็งแกร่ง แต่นิสัยตามธรรมชาติของเธอก็ไม่ได้เลวร้าย เธอจะไม่รังแกคนอื่นด้วยสถานะของเธอ
นี่เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมากสำหรับคนที่มีสถานะและความแข็งแกร่งสูงส่งเช่นนี้
จื่ออู๋เซียเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ค่ายกล ย่าหลี่ติดตามไปอย่างใกล้ชิด
ทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้าไปในค่ายกล ลู่เสี่ยวหรันก็สัมผัสได้ถึงการมาของพวกเธอในทันที
ค่ายกลผนึกสวรรค์แปดทิศถูกควบคุมโดยความคิดของเขาและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาโดยธรรมชาติ
“เอ๊ะ? มีคนมาเคาะประตูบ้านฉันจริงๆ หรอเนี่ย หวังไฉ่ การนำทางวิญญาณของแกมีประโยชน์มาก มันเหมือนกับวิทยุ ฉันขอข้อมูลของเธอคร่าวๆ ให้ฉันดูหน่อยว่าเธอเป็นใคร”
[ โปรดรอสักครู่ ]
หวังไฉ่ฉายภาพเอกสารให้ลู่เสี่ยวหรันตรวจสอบในทันที
[ จื่ออู๋เซีย ขอบเขตวิญญาณ ธิดานอกสมรสแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ เมื่อเธอยังเด็ก เธอเดินเตร่อยู่ท่ามกลางสามัญชนและหมั้นหมายกับชายหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากนั้น เมื่อจักรพรรดิพบเธอเข้า ตัวตนและสถานะของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จักรพรรดิสั่งบังคับให้จื่ออู๋เซียกลับเข้ามาในพระราชวังและสั่งยกเลิกการหมั้นของเธอ สามปีต่อมาโดยไม่คาดคิด ฝ่ายชายได้เข้ามาท้าทายจื่ออู๋เซียและเอาชนะเธอลง สิ่งนี้ทำให้จื่ออู๋เซียกลายเป็นตัวตลกในพระราชวัง ]
“มาแนวนี้อีกแล้วหรอ?”
“หวังไฉ่ ทำไมแกถึงหาแต่คนมีปมด้อยมาให้ฉันกัน?”
“นายท่าน ผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดนั้นล้วนเย่อหยิ่งและดื้อรั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอยู่ภายใต้ผู้อื่นได้นาน และแม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่นิกาย พวกเขาก็จะแซงหน้าท่านอย่างแน่นอนในอนาคต แบบนั้นแล้วนายท่านยังจะยินดีที่จะเป็นสุนัขหรือไม่?”
“ไม่ เอาคนมีปมแบบนี้มาก็ได้”
ลู่เสี่ยวหรันขอยอมฆ่าตัวตายดีกว่าจะเป็นสุนัขให้กับตัวเอกที่ไร้สมองเหยียบ
…
หลังจากที่จื่ออู๋เซียและย่าหลี่ก้าวเข้าสู่ค่ายกล พวกเขาก็ไม่ได้ถูกรบกวนจากพลังภายนอกอีกต่อไป นอกจากนี้ มันก็ยังไม่มีกับดักหรือค่ายกลดักโจมตี พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนกับศิลาจารึกที่ตั้งอยู่ข้างหน้า
“ตอนแรกข้าคิดว่าผู้นำยอดเขาจะจัดตั้งค่ายกลหนึ่งหรือสองค่ายเอาไว้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะคิดมากไปเอง”
จื่ออู๋เซียยิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า “ย่าหลี่ สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับพระราชวังจักรพรรดิของเรา นิกายอสูรสวรรค์มีขนาดเล็กมากและขาดแคลนทรัพยากร พวกเขาไม่จำเป็นต้องสร้างค่ายกลใดๆ ในนิกาย”
“นั่นก็จริง”
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็ค่อยๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
พวกเธอกำลังเดินอยู่จริงๆ และทิวทัศน์รอบๆ ตัวพวกเธอก็ค่อยๆ เลื่อนผ่านไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร็วของพวกเธอ พวกเธอก็ควรจะไปถึงยอดเขานานแล้ว
แต่ในความเป็นจริง พวกเธอทั้งสองก็ยังคงอยู่ที่เชิงเขา
“องค์หญิง มีบางอย่างผิดปกติ”
ย่าหลี่ซึ่งมีระดับการฝึกตนอยู่ที่ขอบเขตสรรค์สร้างเป็นคนแรกที่ค้นพบความผิดปกติ..