บทที่ 3: อาจารย์ผู้ยากจะหยั่งรู้
บทที่ 3: อาจารย์ผู้ยากจะหยั่งรู้
“ประการที่สี่ หากเจ้าประสบเข้ากับปัญหาใหญ่จริงๆ เช่น ตระกูลโบราณ โปรดอย่าเปิดเผยชื่อและที่อยู่ของข้า”
ใบหน้าของหยุนหลี่เกอกระตุกอย่างรุนแรง
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็ยังไม่เข้าใจข้อมูลทั้งหมด เขาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างระมัดระวัง
“ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนควรก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่ท้อถอยกับปัญหาหรอกหรอ?”
ลู่เสี่ยวหรันหัวเราะเยาะ
“เจ้าอ่านหนังสือมากเกินไปหรือเปล่า? ข้าจะพูดกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมานะ ในโลกใบนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งก็จะเป็นที่เคารพนับถือ ตราบใดที่เจ้าฝึกตนตามขั้นตอน เจ้าก็จะสบายดี ในทางตรงกันข้าม หากเจ้าวิ่งเข้าหาศัตรูอย่างโง่เขลา แม้ว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชายุทธ์เจ้าก็ยังอาจจะตายได้!”
หยุนหลี่เกออดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างและเบิกตากว้าง
“ในโลกใบนี้จะมีตัวตนเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“แน่นอนว่ามี! และมันก็มีเยอะมากด้วย! ข้าเรียกพวกเขาว่า 'พวกขี้โกง'!”
“พวกขี้โกง?”
“ถูกต้อง! สิ่งที่เรียกว่า 'พวกขี้โกง' นั้นอาจเป็นเด็กชาวนาที่เจ้าดูถูก หรือเป็นช่างซ่อมอาวุธที่อยู่ข้างๆ เจ้าก็ได้ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ชายเช่นเจ้าที่ไม่สามารถฝึกตนได้”
“พวกเขามักจะถูกดูหมิ่นและเยาะเย้ยจากโลกมนุษย์ อย่างไรก็ตาม แท้จริงแล้ว โชคชะตาของพวกเขานั้นก็ยิ่งใหญ่และเหนือกว่าคนธรรมดามาก พวกเขาสามารถค้นพบมรดกโบราณได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เดินดูแผงขายของตามริมถนน หรือแม้กระทั่งด้วยหน้าตาที่หล่อสวยที่ทำให้บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ตกหลุมรักพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง”
“แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเหนือกว่าพวกเขามาก และเจ้าก็ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อยู่ดี ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าก็จะค้นพบว่าความเร็วในการเติบโตของพวกมันนั้นเหนือจินตนาการของเจ้าไปมาก เมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะสายเกินไปแล้ว อีกฝ่ายจะทำการแก้แค้นด้วยการฆ่าเจ้า จากนั้นก็พ่อแม่และคนในตระกูลของเจ้า และในท้ายที่สุด ทุกคนที่เจ้าห่วงใยก็จะถูกเขากำจัดออกไปทั้งหมด ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อเจ้าตาย ครอบครัวของเจ้าก็จะถูกฝังอยู่กับเจ้า”
บู้มมมมม!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิตใจของหยุนหลี่เกอก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
อาจารย์ของเขากำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่หรอ?
ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงเด็กเหลือขอจากครอบครัวที่ต่ำต้อยในเมืองเจียง เขาไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนด้วยซ้ำ
หยุนหลี่เกอไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับเขา อันที่จริง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนแบบนั้นอยู่ในเมืองเจียง
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายคนนั้นก็เติบโตจากเด็กเหลือขอที่ไม่รู้จักมาสู่การเป็นบุคคลที่สามารถทำลายตระกูลหยุนทั้งหมดของเขาได้
ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันยังได้รับความโปรดปรานจากคู่หมั้นของเขาและแม้กระทั่งทำให้บุตรสาวผู้สง่างามจากตระกูลชนชั้นสูงตกหลุมรัก!
หยุนหลี่เกอเสียสติไปแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เกิดผลลัพธ์นี้
เขาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะได้รับการตรัสรู้จากอาจารย์ของเขาในวันนี้
อาจารย์!
นี่แหละอาจารย์ของข้า!
ข้าได้อาจารย์ถูกคนแล้ว!
หยุนหลี่เกอคุกเข่าตัวตรง ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงในขณะที่เขาจ้องไปที่ลู่เสี่ยวหรัน ท่าทางของเขาดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ท่านอาจารย์พูดถูก ข้าจะปฏิบัติตามกฎของท่านอย่างแน่นอน หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน ข้าก็จะไม่ก้าวออกจากยอดเขาแม้แต่ครึ่งก้าว”
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ศิษย์คนนี้มีความคิดที่เฉียบแหลมมาก
เขาลูบที่หลังศีรษะของหยุนหลี่เกอ
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว ข้าก็จะสอนเคล็ดวิชาการฝึกตนให้กับเจ้าเอง”
หยุนหลี่เกอพยักหน้าและถามทันทีด้วยความสงสัย
“แต่ท่านอาจารย์ เส้นลมปราณของข้าได้เสียหายไปหมดแล้ว ท่านไม่ต้องช่วยข้าซ่อมเส้นลมปราณก่อนหรอ?”
ลู่เสี่ยวหรันหัวเราะคิกคัก
“ใครบอกว่าเจ้าจะไม่สามารถฝึกตนได้เพียงเพราะเส้นลมปราณของคุณเสียหายกัน? เต๋านั้นยิ่งใหญ่และมีเคล็ดวิชาที่แตกต่างกันมากมาย วันนี้ ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับคัมภีร์จักรพรรดิแห่งความโกลาหลบรรพกาล ฝึกฝนให้ดี และมันจะนำเจ้าไปสู่จุดเริ่มต้นครั้งใหม่!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ลู่เสี่ยวหรันก็สะบัดนิ้วและส่งคัมภีร์จักรพรรดิแห่งความโกลาหลบรรพกาลไปข้างหน้าของหยุนหลี่เกอ
หลังจากได้รับคัมภีร์จักรพรรดิแห่งความโกลาหลแล้ว หยุนหลี่เกอก็ทำเพียงกวาดสายตาไปเหนือมันและตกใจทันทีจนดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“โอ้พระเจ้า ท่านอาจารย์… นี่… นี่…”
เขาตกใจจนพูดไม่ออก
ถ้าลู่เสี่ยวหรันได้ให้เคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตสวรรค์แก่เขา เขาก็อาจจะแค่ตื่นเต้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ลู่เสี่ยวหรันก็ได้มอบเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ให้กับเขา!
เขากำลังฝันไปหรือเปล่า?
นี่เป็นเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด!
เคล็ดวิชาอันศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่สามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนสามารถเข้าสู่ขอบเขตราชันยุทธ์ได้!
สมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตราชันยุทธ์ก็ยังอยากได้!
อาจารย์ของเขาเต็มใจที่จะให้มันแก่เขาง่ายๆ แบบนี้เลยหรอ?
ลุ่เสี่ยวหรันเหลือบมองเขาด้วยความโกรธและพูดว่า “ดูเจ้าสิ มันก็เป็นแค่เคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ เจ้าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น? ฝึกตนให้ดี ข้าจะไปเอายามาก่อน”
หยุนหลี่เกอรู้สึกได้ทันทีว่าหนังศีรษะของเขาชาและขนบนร่างกายของเขาลุกชันขึ้น
เขารู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง
เคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์และสมบัติหายากนั้นไม่ได้มีค่าใดๆ ต่ออาจารย์ของเขา ถ้าอาจารย์ของเขาไม่สนใจแม้แต่เคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ แบบนั้นแล้วมันหมายความว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
เพราะเขาตกใจเกินไป เขาจึงตกอยาในภวังค์นานกว่าสิบวินาที
เมื่อเขารู้สึกตัว เขาก็รีบพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านอาจารย์ นี่มันล้ำค่าเกินไป นี่คือเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชัน…”
ลู่เสี่ยวหรันโบกมือและพูดอย่างโกรธเคือง “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ในฐานะลูกผู้ชาย อย่ามัวยืนโง่ให้เสียเวลา ถ้าเจ้าต้องการที่จะขอบคุณข้า เจ้าก็จงฝึกตนให้ดีและกลายเป็นยอดฝีมือของรุ่นโดยสลักจารึกชื่อของเจ้าไว้ในประวัติศาสตร์ นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าที่จะตอบแทนข้าได้”
“ท่านอาจารย์...”
หยุนหลี่เกอรู้สึกตื่นเต้นและพูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ตั้งสติได้
“ข้าเข้าใจแล้ว! โปรดอย่ากังวลไปเลยท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เมื่อเห็นว่าหยุนหลี่เกอดูมั่นใจมาก ในที่สุดลู่เสี่ยวหรันก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและจากไป
“ใช้เวลาของเจ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด แล้วก็สร้างบ้านเองเมื่อมีเวลา”
“รับทราบ!”
หลังจากที่ลู่เสี่ยวหรันจากไป หยุนหลี่เกอก็กำหมัดแน่นทันที ในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงออร่าที่ปล่อยออกมาจากคัมภีร์ ความหวังก็จุดประกายขึ้นในดวงตาของเขา
“พ่อ แม่ ท่านเห็นไหม? ลูกชายของท่านได้กลายเป็นศิษย์ของยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบแล้ว ด้วยคำแนะนำของเขา ลูกชายของท่านจะฝึกตนได้สำเร็จอีกครั้งอย่างแน่นอน จากนั้น เราจะไปหาไอ้สารเลวและอีตัวนั่นเพื่อล้างแค้นความอัปยศอดสูของเรา!”
…
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ลู่เสี่ยวหรันกลับมายังที่ห้องของเขา เขาก็ไม่สามารถรักษาท่าทางเคร่งขรึมของเขาไว้ได้อีกต่อไป คิ้วของเขาขมวดแน่นและเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ
นั่นเป็นเคล็ดวิชาการฝึกตนระดับราชันยุทธ์ชั้นยอด!
เขายังไม่ได้ฝึกฝนมันเลยแต่ก็ได้มอบมันไปแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดจริงๆ
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาใช้พลังจิตของเขาในการมองผ่านมันมาเป็นเวลานาน ข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิโกลาหลบรรพกาลนั้นคือการกำจัดการฝึกตนทั้งหมดของเขาแล้วทำลายเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างกายของเขา มันมีเพียงร่างกายที่ไร้เส้นลมปราณเท่านั้นที่จะสามารถฝึกมันได้
วิธีการนี้น่าเจ็บปวดเกินไป ด้วยเหตุนี้เอง ลู่เสี่ยวหรันจึงทำเพียงแค่มองผ่านและตัดสินใจที่จะเลิกฝึกฝน
ไม่ว่าจะในกรณีใด เขาก็สามารถได้รับการฝึกตนจากหยุนหลี่เกออยู่แล้ว
หากหยุนหลี่เกอเรียนรู้คัมภีร์จักรพรรดิโกลาหลบรรพกาลสำเร็จ นั่นก็หมายความว่าเขาจะได้เรียนรู้มันด้วย
พรสวรรค์ของหยุนหลี่เกอไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเขา และความเร็วในการฝึกตนของหยุนหลี่เกอก็ช้ากว่ามาก
ถึงกระนั้น มันก็ยังหมายความว่าเขาไม่ต้องทำงานใดๆ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็โยนวัตถุดิบเข้าไปในเตาหลอมและเริ่มหลอมยา..