บทที่ 2: มีบางอย่างผิดปกติกับอาจารย์ท่านนี้
บทที่ 2: มีบางอย่างผิดปกติกับอาจารย์ท่านนี้
“ระบบ ถ้าฉันรับเขาเข้ามา ฉันจะไม่กลายเป็นศัตรูกับพวกเจ้าเมืองนั่นหรอ?”
[ ดังคำกล่าวที่บอกว่า ความเสี่ยงย่อมมาพร้อมกับประโยชน์ นายท่านอย่ากลัวไปเลย แม้ว่าเขาจะดวงซวยไปสักหน่อย แต่พรสวรรค์ของผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลว ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นก้าวไปสู่ขอบเขตอันยิ่งใหญ่ ]
“สิ่งที่แกพูดมามันก็มีเหตุผล ต่อจากนี้ฉันจะตั้งชื่อให้แกก็แล้วกัน ชื่อของแกคือหวังไฉ่”
[ หวังไฉ่? ฉันบอกได้เลยว่านี่คือชื่อที่0tนำพาอนาคตที่สดใสมาให้ฉัน ขอบคุณที่ตั้งชื่อนี้ให้ฉัน นายท่าน ]
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าและเดินไปที่ทางเข้าขณะที่เอามือไขว้หลัง
ไม่ว่าจะในกรณีใด เขาก็เพียงต้องพาหยุนหลี่เกอไปด้วยและปล่อยให้เขาใช้ชีวิตที่ต่ำต้อยในนิกายอสูรสวรรค์เพื่อเพิ่มระดับการฝึกตนให้เขา
หากหยุนหลี่เกอเอาแต่ฝึกตนและไม่ไปกระตุ้นพวกหัวรุนแรงเข้า เขาก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ
ในปัจจุบัน หยุนหลี่เกอยังค่อนข้างไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ในชีวิตของเขา เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีเลย อย่างไรก็ตาม คู่หมั้นของเขาก็กลับถูกแย่งไปและแม้กระทั่งตระกูลของเขาก็ยังถูกทำลาย เขาจะปล่อยให้ความขุ่นเคืองครั้งใหญ่นี้หายไปได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโส แม้ว่าเส้นลมปราณของข้าจะถูกตัดขาดไปหมดแล้ว แต่ข้าก็ได้ยินมาว่านิกายอสูรสวรรค์มีเม็ดยาวิญญาณที่หายากที่สามารถเชื่อมเส้นลมปราณของคนๆ หนึ่งให้กลับมาเป็นปกติได้ ดังนั้นข้าจึงมาขอเข้าร่วมนิกายอสูรสวรรค์โดยเฉพาะ ผู้อาวุโสโปรดให้โอกาสข้าด้วย”
ผู้อาวุโสเหลือบมองเขาและพูดอย่างหมดหนทาง “เจ้าก็รู้ว่านั่นเป็นเม็ดยาที่หายาก แบบนั้นแล้วเราจะมอบมันให้กับศิษย์ใหม่อย่างเจ้าได้อย่างไร? พอเถอะ หยุดเสียเวลาได้แล้ว”
“ผู้อาวุโส พรสวรรค์ของข้าไม่ได้เลวร้าย ตราบใดที่ข้าสามารถซ่อมแซมเส้นลมปราณของข้าได้ ข้าก็จะไม่ทำให้นิกายผิดหวังอย่างแน่นอน”
“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพรสวรรค์ของเจ้าดีหรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยาวิญญาณนั้นก็มีค่ามากเกินไป แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่มีมันเลย ดังนั้นหยุดพูดแล้วหันหลังจากไปซะเถอะ ถ้าเจ้าไม่ไป เจ้าก็อย่าโทษข้าที่จะเรียกคนมาโยนเจ้าออกไปก็แล้วกัน”
หยุนหลี่เกอกำหมัดแน่น แต่เขาก็ทำอะไรไม่ถูก
สถานะของนิกายอสูรสวรรค์นั้นไม่ธรรมดา แม้แต่ด้วยภูมิหลังในอดีตของเขา เขาก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วม แบบนั้นแล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่เขาเป็นเพียงคนพิการ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เสียงที่สงบก็ดังขึ้นในหูของเขาอย่างแผ่วเบา
“เจ้าต้องการที่จะเข้าสู่นิกายอสูรสวรรค์หรอ?”
หยุนหลี่เกอตกตะลึง เขาหันไปทางต้นเสียงและตกใจเล็กน้อย
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ฝึกตนที่ดูหล่อเหลา รูปลักษณ์ของเขาได้รับการขัดเกลาและออร่าของเขาก็โดดเด่นราวกับเทพเซียน
ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ใดๆ ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบในการประเมินก็รีบวิ่งไปด้านหน้าของหยุนหลี่เกอและโค้งคำนับ
“ทำความเคารพผู้อาวุโสลู่”
ลู่เสี่ยวหรันโบกมืออย่างสบายๆ และเป็นกันเอง จากนั้นเขาก็เดินมาจนถึงข้างหน้าของหยุนหลี่เกอ
“ทำไมเจ้าถึงต้องการจะเข้าร่วมกับนิกายอสูรสวรรค์”
หยุนหลี่เกอมีไหวพริบและรู้ว่าสถานะของลู่เสี่ยวหรันนั้นจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน เขาก้มศีรษะลงและป้องมือในทันที
“ผู้อาวุโส ข้าต้องการจะแก้แค้น”
“ด้วยสถานะในปัจจุบันของเจ้ากับความยากลำบากที่เจ้าต้องเผชิญ ข้าเกรงว่าหากเจ้าต้องการที่จะแก้แค้น มันก็อาจจะเป็นไปได้เพียงในจินตนาการเท่านั้น”
การจ้องมองของหยุนหลี่เกอมั่นคงราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในนั้น
“แม้ว่าข้าจะต้องปีนภูเขาดาบหรือบุกฝ่าเข้าไปในทะเลเพลิง ข้าก็จะไม่ย่อท้ออย่างแน่นอน ตราบใดที่ข้ายังไม่ตายและเต๋าของข้ายังไม่แหลกสลายไป ข้าก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้อย่างแน่นอน”
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้า ใช่แล้ว เส้นทางแห่งการฝึกตนนั้นยาวนานและน่าเบื่อ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องการจึงเป็นความหลงใหลและความศรัทธาที่แน่วแน่
“ถ้าเช่นนั้น เจ้ายินดีรับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าหรือไม่?”
“อะไรนะ?”
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าสถานะของลู่เสี่ยวหรันนั้นไม่ใช่ธรรมดา มิฉะนั้นแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสที่ทำการประเมินก็คงจะไม่สุภาพกับเขา
อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือดังกล่าวจากนิกายอสูรสวรรค์ก็กลับตกลงที่จะรับหยุนหลี่เกอซึ่งเส้นลมปราณถูกตัดขาดไปเป็นศิษย์ของเขา นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
หยุนหลี่เกอคนนี้โชคดีแค่ไหนกัน?
หยุนหลี่เกอไม่ได้โง่ โดยไม่ต้องพูดอะไรอีก เขาคุกเข่าลงและคำนับอีกฝ่ายในทันที
“ศิษย์หยุนหลี่เกอทำความเคารพท่านอาจารย์”
หลังจากที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาจารย์ของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เสียงผู้หญิงที่ชัดเจนก็ดังขึ้นในใจของลู่เสี่ยวหรัน
[ ติ้ง… ขอแสดงความยินดีที่ได้รับลูกศิษย์คนแรก คุณจะได้รับรางวัลเป็นคัมภีร์จักรพรรดิโกลาหลบรรพกาล และหอกเทพยุทธ์โกลาหลบรรพกาล ]
ลู่เสี่ยวหรันมองเข้าไปข้างในและใบหน้าของเขาก็กระตุก
เคล็ดวิชาการฝึกตนระดับราชันยุทธ์ชั้นยอด?
และอาวุธระดับราชันยุทธ์ชั้นยอด?
หวังไฉ่ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังจริง!
แม้แต่คนอย่างลู่เสี่ยวหรันก็ยังไม่มีเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์หรืออาวุธขอบเขตราชันยุทธ์เลย
หากสองสิ่งนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็อาจจะทำให้เกิดความโกลาหลในโลกได้ในทันที!
แท้จริงแล้ว ระบบนี้ก็แข็งแกร่งกว่าการฝึกตนนับร้อยเท่า
ยอดเยี่ยม!
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ผู้อาวุโสที่ทำการประเมินวิ่งเข้ามาล้อมรอบเขาและห้ามปรามในทันที
“ผู้อาวุโสลู่ ท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ เส้นลมปราณทั้งหมดในตัวเขาได้รับความเสียหาย หากท่านรับเขาเข้ามา มันก็มีแต่จะทำลายชื่อเสียงของท่านอย่างแน่นอน”
ลู่เสี่ยวหรันพับความคิดของเขากลับไปและยิ้ม
“ไม่เป็นไร ยอดเขาจื่อฉุ่ยของข้ายังขาดคนทำความสะอาด ดังนั้นให้โอกาสเขาเถอะ”
ผู้อาวุโสที่ทำการประเมินลูบจมูกของเขาและยิ้มอย่างเชื่องช้า
“ในเมื่อผู้อาวุโสลู่ยืนกรานแบบนั้น งั้นข้าจะช่วยลงทะเบียนให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย”
“อืม”
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าและโยนขวดแก้วเซรามิกขนาดเล็กให้เขา จากนั้นเขาก็คว้าหยุนหลี่เกอด้วยมือข้างเดียวแล้วพากลับไปที่ยอดเขาราวกับนกอินทรีจับลูกเจี๊ยบ
ผู้อาวุโสที่ทำการประเมินเปิดขวดออกและมองดูสิ่งที่อยู่ข้างใน เขาสูดลมหายใจเย็นทันที
“ฮึก~! มันคือยารวบรวมปราณ! สมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสนิกายชั้นใน เขาใจกว้างจริงๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสระดับต่ำอย่างพวกเราจะสามารถเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน”
...
ในอีกด้านหนึ่ง ลู่เสี่ยวหรันนำหยุนหลี่เกอกลับไปที่ยอดเขาจื่อฉุ่ยก่อนที่จะโยนเขาลงบนพื้นหญ้า
เขายืนอยู่ต่อหน้าหยุนหลี่เกอ
“แม้ว่าเจ้าจะยอมรับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า แต่ก่อนที่ข้าจะสอนเคล็ดวิชาการฝึกตนให้แก่เจ้าอย่างเป็นทางการ ข้าก็ต้องอธิบายกฎเกณฑ์บางอย่างให้เจ้าฟังก่อน”
หยุนหลี่เกอคุกเข่าอย่างเชื่อฟังต่อหน้าลู่เสี่ยวหรัน
“โปรดบอกข้าเถอะท่านอาจารย์”
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่านิกายอสูรสวรรค์ของเราจะมีคำว่า 'อสูร' อยู่ในชื่อ แต่มันก็ไม่ใช่นิกายมารที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา พวกเราเป็นนิกายยูทธ์ที่ได้รับการยอมรับจากอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ ชื่อของเรามีคำว่า 'อสูร' เพียงเพื่อจะบ่งบอกถึงความทรงพลัง”
“ดังนั้นแล้ว ประการแรก เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายคนธรรมดาภายนอก”
“ประการที่สอง หากเจ้าพบเห็นคนชั่วที่ทำร้ายผู้อื่น เจ้าต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกทำร้าย เจ้าต้องส่งเสริมและสร้างชื่อเสียงให้กับนิกายอสูรสวรรค์ของเราและช่วยให้นิกายถูกเผยแพร่ออกไปและดึงดูดศิษย์จำนวนมากขึ้น”
“ประการที่สาม ในนิกาย เจ้าต้องเคารพผู้อาวุโสและเมตตากับผู้เยาว์ เจ้าจะต้องเป็นคนที่อยู่ในกรอบและไม่ทำอะไรที่หุนหันพลันแล่น”
“ประการที่สี่ หากเจ้าพบใครก็ตามที่กล้าดูหมิ่นนิกายอสูรสวรรค์ของเราภายนอก เจ้าก็ต้องยืนหยัดเพื่อนิกาย เจ้าไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นดูหมิ่นชื่อเสียงของนิกายเราได้”
“ทั้งสี่ประการนี้เป็นกฎของนิกายอสูรสวรรค์ของเรา”
“รับทราบ! ข้าจะจำไว้!”
ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจอีกครั้ง
“ดีมาก งั้นต่อไป ข้าจะบอกกฎของยอกเขาจื่อฉุ่ยให้เจ้าฟัง”
“รับทราบ”
“กฎของยอดเขาจื่อฉุ่ยนั้นง่ายมาก กุญแจสำคัญคือคำว่า 'ไร้เกียรติ'!”
“เอ่อ?”
หยุนหลี่เกออดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ในใจ ลู่เสี่ยวหรานกล่าวต่อ
“ประการแรก ยกเว้นกฎข้อที่หนึ่งและสาม เจ้าไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎทั้งหมดของนิกายอสูรสวรรค์”
หยุนหลี่เกอ :“…”
“ประการที่สอง เราจะไม่คิดริเริ่มก่อปัญหาให้กับตัวเอง มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเราไม่ก้าวออกจากอาณาเขตของยอดเขา เราไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับใคร เราไม่ฝักใฝ่ที่จะสร้างมิตรหรือศัตรู และที่สำคัญที่สุด เราจะไม่เปิดเผยการฝึกตนที่แท้จริงของเรา”
หยุนหลี่เกอ :“…”
“ประการที่สาม ถ้ามีใครมายั่วยุเราจริงๆ เราต้องสังเกตสถานการณ์ก่อนตัดสินใจโจมตี”
“กุญแจสำคัญคือ มันเป็นการดีที่สุดที่จะวิ่งหนีเมื่อเจ้าเจอศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่หากคู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า เจ้าก็ควรจะฆ่าอีกฝ่ายโดยทันทีด้วยเคล็ดวิชาที่ดีที่สุดของเจ้า และหลังจากฆ่าอีกฝ่ายแล้ว เจ้าก็จะต้องบดกระดูกของพวกเขาและโปรยพวกมันทิ้งไป เจ้าจะต้องเร็วและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ หากเจ้าสามารถต่อสู้เป็นกลุ่มได้ เจ้าก็ไม่ควรจะต่อสู้คนเดียว และถ้าเลือกวิ่งหนีได้ เจ้าก็อย่าสู้จะดีกว่า..”