บทที่ 1: ระบบที่ไร้ค่า
บทที่ 1: ระบบที่ไร้ค่า
ทึ่ม!
เมื่อลำแสงพุ่งขึ้นสู้ท้องฟ้า เสียงทุ้มก็ดังขึ้นที่จุดตันเถียนของลู่เสี่ยวหรัน
เขาลืมตาขึ้นและมีประกายแสงสีม่วงคล้ายสายฟ้าสองดวงส่องประกายในดวงตาของเขาขณะที่มุมปากของเขายกขึ้น
“ฮ่าๆ! ในที่สุดฉันก็ทะลวงคอขวดได้สำเร็จ ฉันได้ยินมาว่าผู้นำนิกายอยู่ที่ขอบเขตสรรค์สร้างเท่านั้น แต่ฉันก็ได้บุกทะลวงไปสู่ขอบเขตสูญสลายแล้ว แบบนี้แล้วฉันก็ควรจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายอสูรสวรรค์แล้วถูกไหม?”
แต่เดิมลู่เสี่ยวหรันไม่ได้เป็นคนของโลกใบนี้ เมื่อสิบปีที่แล้ว เขาได้หลุดมายังโลกที่แปลกประหลาดและลึกลับแห่งนี้ ในสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งจะกลายเป็นที่เคารพนับถือ หลังจากหลุดมายังโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้รับระบบและกลายเป็นผู้อาวุโสในนิกายชั้นในของนิกายอสูรสวรรค์
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะได้มีโอกาสไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว
แต่ในท้ายที่สุด ไอ้ระบบเวรนี่ก็ไม่เคยใช้งานได้!
มันเป็นเวลาสิบปีแล้วที่ระบบยังคงอยู่ในขั้นตอนการโหลดอยู่
ด้วยเหตุนี้เอง ลู่เสี่ยวหรันจึงสามารถพึ่งพาได้แค่ตัวเองเท่านั้น
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยออกจากบ้านหรือย่างขาออกจากนิกายเลย เขาเก็บตัวฝึกตนและหมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังพัฒนาทักษะเรื่องค่ายกล, การหลอมยา, การหลอมอาวุธและทักษะรองอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกตน
จนกระทั่งวันนี้ ระดับการฝึกตนของเขาได้ทะลวงไปสู่ขอบเขตสูญสลายแล้ว และเขาก็กลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายอสูรสวรรค์
แม้ว่ามันจะยังมีผู้คนภายนอกนิกายอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่าเขา แต่พวกเขาก็มักจะอยู่อย่างสันโดษเป็นเวลาหลายร้อยหรือหลายพันปี ด้วยเหตุนี้เอง โดยปกติแล้วพวกเขาจึงจะไม่ออกมาจนกว่าจะมีบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในนิกายอสูรสวรรค์ต่อไปได้
ติ้ง…
[ ระบบโหลดครบ 100% แล้ว คุณต้องการเปิดใช้งานเลยหรือไม่? ]
“ระบบ?”
ลู่เสี่ยวหรันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วและพูดว่า
“แกมาสายเกินไปแล้ว ฉันฝึกมาจนถึงขอบเขตสูญสลายและกลายเป็นยอดฝีมือชั้นยอดไปแล้ว”
[ ยอดฝีมือชั้นยอดในขอบเขตสูญสลาย? ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าขอบเขตราชันยุทธ์คืออะไร? ]
ลู่เสี่ยวหรัน : “…”
[ คุณรู้จักขอบเขตสูงสุดหรือยัง? ]
ลู่เสี่ยวหรัน : “…”
[ คุณเคยได้สัมผัสกับขอบเขตเหนือความทุกข์ยากหรือยัง? ]
ลู่เสี่ยวหรัน : “…”
[ คุณเคยได้ยินเรื่องขอบเขตเซียนหรือยัง? ]
ลู่เสี่ยวหรัน: “ระบบ หยุดพูดแล้ว! เปิดใช้งานได้เลย!”
[ เปิดใช้งานสำเร็จ ขอแสดงความยินดีกับการผูกมัดระบบ อาจารย์ผู้แข็งแกร่งและอมตะยืนยง ]
ลู่เสี่ยวหรันลูบคางของเขา
“แข็งแกร่งและอมตะยืนยง นั่นฟังดูดีมาก อย่างนั้นแล้ว ฉันต้องลงชื่อเข้าใช่ไหม?”
[ ระบบนี้ไม่มีฟังก์ชั่นการลงชื่อเข้าใช้ ]
“โอ้ จริงหรอ? เอาล่ะ ไม่เป็นไร งั้นให้รางวัลระดับ SSS กับฉันหน่อยสิ แกน่าจะมีกายาศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลของพวกยอดฝีมืออยู่ใช่ไหม? หรือบางทีแกอาจจะมีสิ่งที่สามารถช่วยให้ฉันไปถึงขอบเขตราชันยุทธ์ได้? แต่ฉันก็ไม่รังเกียจหรอกนะที่จะได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์”
[ ฟังก์ชั่นนั้นยังไม่พร้อมใช้งาน ]
ลู่เสี่ยวหรันเงียบไป
“แล้วแกมีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง”
[ ระบบนี้เป็นระบบอาจารย์ผู้แข็งแกร่งและอมตะยืนยง ดังนั้นฟังก์ชั่นหลักของมันจึงเป็นการรับลูกศิษย์ ]
“มันสายเกินไปหรือเปล่าที่ฉันจะยกเลิกการผูกมัดตัวเองกับระบบ?”
[ เมื่อระบบถูกผูกมัด มันก็จะถูกผูกมัดไปตลอดชีวิต ]
“บ้าเอ้ย!”
ลู่เสี่ยวหรันโกรธมากจนเกือบจะเป็นลมล้มลง ระบบนี้มันน่ารังเกียจเกินไป
นอกจากมันจะเปิดใช้งานหลังจากผ่านไปกว่าสิบปีแล้ว มันก็ยังเป็นระบบนรกที่ต้องการบีบบังคับให้เขารับลูกศิษย์เข้ามา
ช่างน่าขัน!
เขามาไกลถึงขนาดนี้เพื่อเป็นอาจารย์ของใครสักคนอย่างงั้นหรอ?
ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความโกรธของลู่เสี่ยวหรัน ระบบตอบสนองอีกครั้ง
[ ฟังก์ชั่นของระบบนี้คือการรับศิษย์ หากระดับการฝึกตนของลูกศิษย์ของโฮสต์เพิ่มขึ้น ระดับการฝึกตนของโฮสต์เองก็จะเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน หรือหากศิษย์เข้าใจเคล็ดวิชาการฝึกตน โฮสต์ก็จะเข้าใจเคล็ดวิชาการฝึกตนนั้นด้วยเช่นกัน ]
“ห้ะ!”
ลู่เสี่ยวหรันขนหัวลุก
เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถเข้าใจความหมายของการเป็นผู้แข็งแกร่งและอมตะยืนยงได้สักที
นี่มันบ้ามาก!
ถ้าเขารับศิษย์เข้ามา เขาก็จะได้รับผลลัพธ์เช่นเดียวกันโดยไม่ต้องฝึกตน
ด้วยวิธีนี้ เขาจะฝึกตนไปเพื่ออะไรล่ะ? ตราบใดที่เขายังคงรับศิษย์และบังคับหลอกล่อให้ศิษย์เหล่านี้ฝึกตนต่อไปได้ เขาก็จะสามารถยกระดับการฝึกตนและความแข็งแกร่งของเขาได้โดยไม่ต้องทำงานใดๆ
นอกจากนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขารับลูกศิษย์เข้ามาสักพันล้านคน? แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นคนธรรมดา แต่ตราบใดที่พวกเขาทั้งหมดยกระดับการฝึกตนของพวกเขาทีละน้อย เขาก็จะสามารถก้าวหน้าได้มากในทันที
เป็นที่รู้กันว่ามันยากมากที่จะก้าวไปสู่ขอบเขตราชันยุทธ์ นอกจากจะต้องเป็นอัจฉริยะในหมู่ผู้มีพรสวรรค์แล้ว มันก็ยังต้องอาศัยโชคลาภอย่างมากอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มันก็ง่ายมากสำหรับทุกคนที่จะฝึกตนและปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อย
ราวกับว่ามองความคิดของลู่เสี่ยวหรันออกอีกครั้ง ระบบทำการแจ้งเตือนเขาในทันที
[ ระบบจะไม่รับศิษย์ขยะ ระบบจะรับเฉพาะศิษย์ที่อยู่เหนือระดับ S ขึ้นไปเท่านั้น ]
ศิษย์ขยะ?
“แล้วต้องไปถึงระดับไหนถึงจะถือว่าเป็นระดับ S ได้?”
[ อย่างน้อยต้องขอบเขตราชันยุทธ์ ]
“ได้โปรดปลดฉันออกจากระบบทีเถอะ!”
ขอบเขตราชันยุทธ์? เห็นฉันเป็นเพื่อนเล่นแกหรอ!
ในโลกใบนี้ มันมีกี่คนกันที่ไปถึงขอบเขตราชันยุทธ์?
หนึ่งแสนหรือล้านคน?
เปล่าเลย มันอาจไม่มียอดฝีมือขอบเขตราชันยุทธ์แม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ!
แบบนั้นแล้วฉันจะต้องทำยังไง?
ระบบรีบอธิบาย
[ ระบบจะค้นหาอัจฉริยะระดับ S เองโดยอัตโนมัติ โฮสต์เพียงต้องรับลูกศิษย์มาเท่านั้น ในปัจจุบัน ที่เชิงเขาของนิกายอสูรสวรรค์มีอัจฉริยะระดับ S ปรากฎตัวอยู่ ]
“ถ้าแบบนี้ก็ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย”
ลู่เสี่ยวหรันยอมรับระบบนี้อย่างไม่เต็มใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความสามารถและทรัพยากรของนิกายอสูรสวรรค์ ขอบเขตราชันยุทธ์ก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น
เขาสามารถใช้ระบบนี้เพื่อเลี้ยงดูศิษย์บางคนและปล่อยให้พวกเขาฝึกตนเองได้ ด้วยวิธีนี้ การฝึกตนของเขาก็จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว
ในอนาคต เขาก็อาจจะทะลวงไปสู่ขอบเขตราชันยุทธ์ได้ก่อนใครพวกก็ได้!
ตอนนี้มีอัจฉริยะระดับ S อยู่ที่เชิงเขาด้านล่าง เขาควรไปรับตัวเขาเลยดีไหม?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็หายตัวไปจากจุดที่เขาอยู่ในทันที
ในไม่ช้า เขาก็มาถึงที่เชิงเขาของนิกายอสูรสวรรค์
วันนี้เป็นวันรับสมัครศิษย์ของนิกายอสูรสวรรค์ ผู้ฝึกตนหน้าใหม่จำนวนมากได้มารวมตัวกันที่เชิงเขา พวกเขาทุกคนล้วนต้องการเป็นศิษย์ของนิกายอสูรสวรรค์
ท้ายที่สุดแล้ว นิกายอสูรสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในนิกายชั้นนำในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ ทรัพยากรภายในที่พวกเขาถือครองนั้นมีมากมายจนทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างก็รู้สึกอิจฉา
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติ!”
ลู่เสี่ยวหรันเพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าภูเขา แต่เขาก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาและไร้หัวใจของผู้อาวุโสที่เป็นผู้ประเมินแล้ว
เขามองไปทางต้นเสียงและเห็นชายชุดดำที่มีใบหน้าซีดเซียวซึ่งเส้นลมปราณถูกตัดขาด
“นี่คือ…?”
ดวงตาของลู่เสี่ยวหรันสั่นไหวเล็กน้อย ในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตสูญสลาย เขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเส้นลมปราณของอีกฝ่ายนั้นถูกทำลายลงไปแล้ว นอกจากนี้ อีกฝ่ายก็ยังจะไม่สามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนได้อีกในชีวิตของเขา
อย่างไรก็ตาม!
บนหน้าผากของชายคนนั้นก็กลับมีตัวอักษร “S” ตัวใหญ่สลักอยู่!
สิ่งนี้ทำให้ลู่เสี่ยวหรันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที
ระบบหาเรื่องให้ฉันอีกแล้วหรอ?
อย่างไรก็ตาม ไม่นาน ระบบก็ส่งข้อมูลคำอธิบายมาให้เขา สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น
ชายคนนี้คือหยุนหลี่เกอ เดิมทีเขาเป็นบุตรชายของตระกูลหยุนในเมืองเจียง เขามีพรสวรรค์และเฉลียวฉลาด พรสวรรค์และสายเลือดของเขานั้นพิเศษยิ่งกว่าใคร เมื่ออายุยังน้อย เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญขั้นต่ำแล้ว
นอกจากนี้ เขาก็ยังได้หมั้นหมายกับลูกสาวของเจ้าเมืองเจียง, เจียงลั่วหยู อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นทายาทรุ่นที่สองที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เขายังเด็กและมีอนาคตที่สดใสรอเขาอยู่
ถ้าพูดตามหลักเหตุและผล ชีวิตของเขาก็ควรจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็กลับพ่ายแพ้ให้กับชายนิรนามและถูกแย่งเจียงลั่วหยูไป ซ้ำร้ายยังไม่หมด แม้แต่เส้นลมปราณของเขาก็ยังถูกตัดขาด
ตระกูลหยุนย่อมไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงอย่างง่ายดายโดยธรรมชาติ ทั้งตระกูลของเขาออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรม แต่พวกเขาทั้งหมดก็กลับถูกกวาดล้างลงในครั้งเดียว และแล้วมันก็เหลือหยุนหลี่เกอเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาถูกขับไล่ออกจากเมืองเจียงและไม่ได้รับอนุญาตกลับให้เข้าไปอีก!
“ภูมิหลังของผู้ชายคนนี้มันดราม่าเกินไปหน่อยรึเปล่านะ?”
มุมปากของลู่เสี่ยวหรันกระตุกและเขาก็มีความรู้สึกไม่ดีที่อธิบายไม่ถูก..