ตอนที่แล้วEp.172 - โลกมนุษย์ช่างน่าอัศจรรย์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.174 - มหหาเทพแห่งชาติ

Ep.173 - บรรยากาศของยุคสมัยใหม่


3/3

Ep.173 - บรรยากาศของยุคสมัยใหม่

ถนนมังกรฟ้าเป็นถนนสายเก่าที่เต็มไปด้วยอาหารและของขบเคี้ยว นอกจากนี้ยังมีบริการสถานบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ มันเป็นถนนที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แม้จะเก่าและแคบแต่ยังคงความสะอาดและเรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้นคือก่อนเกิดการรุกรานจากโลกวิญญาณ

ปัจจุบันถนนมังกรฟ้าเปลี่ยนไปแล้ว

เวลานี้ถนนทรุดโทรม งอกเงยไปด้วยพืชพรรณ วัชพืช ต้นไม้น้อยใหญ่ มองไปทางไหนก็เจอพุ่มไม้หนาทึบ

เถาวัลย์เขียวหนาแน่นราวกับไม้เลื้อยปกคลุมตึกรามบ้านช่อง

ยังไงก็ตาม ถนนมังกรฟ้ายังคงมีชีวิตชีวา ร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงเปิดอยู่ ห้างสรรพสินค้า บาร์ รถฟู๊ดทรัค รวมไปถึงร้านตู้เกม และสถานบันเทิงอื่นๆ แม้อยู่ท่ามกลางยุคที่อะไรๆก็ไม่แน่นอน แต่กิจการยังคงดำเนินต่อไป

นอกจากร้านค้าต่างๆแล้ว

ยังมีผู้คนมาตั้งแผงลอยอยู่เป็นจำนวนมาก

ตอนนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยบริหารเมืองอีกต่อไป ดังนั้นผู้คนเลยต้องมาแลกเปลี่ยนวัสดุหรืออุปกรณ์ สิ่งของต่างๆที่สามารถเป็นประโยชน์กันเอง และอย่างที่บอกไป ถนนมังกรฟ้าค่อนข้างแคบ ดังนั้นตอนกลางคืนจึงดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ

นับแต่พันปีก่อน

มนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เสมอมา

เมื่อถึงคราววิกฤต ทุกคนจะสามัคคีกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

โลกวิญญาณปรากฏขึ้นเกือบหนึ่งเดือนแล้ว

สังคมมนุษย์ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

การเดินทางระหว่างเมืองใหญ่และภูมิภาคลดน้อยลง ระบบเก่าใกล้ล่มสลาย ทุกอย่างราวกลับหัวกลับหาง

ผู้คนจึงแลกเปลี่ยนสินค้ากันเฉพาะในเมืองของตัวเอง และสถานที่ดังกล่าวต้องเป็นที่ๆมีผู้คนมารวมตัวกันเยอะๆ หรือก็คือถนนมังกรฟ้านั่นเอง

เวลานี้ ย่าหวางกับเสี่ยวเหมิงเหมิงกำลังตั้งแผงลอย

โดยด้านซ้ายและขวาของพวกเธอคือนักสู้จากสมาคมมังกรฟ้าที่คอยรักษาความสงบเรียบร้อย

ย่าหวางเลิกขายเครปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เธอกับหลานสาวร่วมมือกันรีไซเคิลและซ่อมแซมอุปกรณ์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากทางสมาคมมังกรฟ้า

ช่วงเช้าเธอจะทำงานกับทางสมาคม

ช่วงตกเย็นมาตั้งแผงลอยต่อที่นี่

ไม่เพียงสร้างรายได้ให้กับองค์กร แต่ยังหารายได้พิเศษอีกด้วย

อย่าคิดเชียวนะว่าคงไม่มีใครมาเป็นลูกค้าพวกเธอ

ช่างซ่อมที่ดีจะถูกบอกต่อแบบปากต่อปาก

เนื่องจากการซ่อมแซมอุปกรณ์แต่ละชิ้น มันจำเป็นต้องใช้วัสดุที่แตกต่างกัน แล้วอีกอย่างการซ่อมแซมต้องใช้พลังจิตในปริมาณมาก จำเป็นต้องมีการจัดหาโพชั่นฟื้นพลังจิต

หรือความหมายก็คือ ในช่วงต้นๆ อาชีพสายซ่อมอุปกรณ์ทำงานคนเดียวไม่ได้

นี่คือบททดสอบอันยอดเยี่ยมถึงอำนาจขององค์กรที่อยู่เบื้องหลัง!

แม้เสี่ยวเหมิงเหมิงจะเป็นโลลิน้อยที่ยังไม่ค่อยเข้าใจโลก

แต่ทางสมาคมมังกรฟ้ามีโพชั่นฟื้นฟูพลังจิตเตรียมให้เธอตลอดเวลา เมื่อรวมกับวัสดุที่ได้จากการรีไซเคิลของย่าหวาง ทำให้เธอสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง

“อ้าว นั่นพี่ชายฮังอวี่ไม่ใช่หรอ? โอ้ พี่หมาตัวโตก็มาด้วย!”

ย่าหวางมองตามเสียงของเหมิงเหมิง

และพบว่า ฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ กับฮัสกี้กำลังเดินเข้ามา

“หมาตัวโตอะไรกัน อย่าหยาบคาย ต้องเรียกว่าเจ้านายหมา เจ้านายหมาเข้าใจไหม?”

ฮังอวี่หัวเราะ เมินเสียงประท้วงของหวังเอ๋อ “ฮ่า ฮ่า ย่าหวางอย่าไปสนใจเลย มันก็แค่ฮัสกี้ เหมิงเหมิงตัวน้อยของเราจะเรียกมันว่าอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ!”

เหมิงเหมิงสังเกตเห็นเสี่ยวไป๋ “เอ๋ พี่สาวคนนี้เป็นใครกัน เธอสวยมากๆเลย!”

ฮังอวี่ผลักเสี่ยวไป๋ออกมา แนะนำสั้นๆว่า “เธอชื่อฮังเสี่ยวไป๋ เป็นน้องสาวของฉัน ไว้หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักมากกว่านี้”

ในยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงผู้คน

ผู้หญิงสวยมีให้เห็นได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม หน้าตาของเสี่ยวไป๋ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เวลามองมายังตาสีม่วงของเธอ มันให้ความรู้สึกราวกับภาพฝัน คล้ายเด็กสาวทะลุมิติออกมาจากอนิเมะ

ต้องขอบอกเลยว่าการพาน้องสาวคนนี้มาช็อปปิ้ง เป็นจุดสนใจของผู้คนมาก

แต่ฮังเสี่ยวไป๋สงวนตัวมาก เธอไม่ทักทายเหมิงเหมิงกลับ ทางหนึ่งเพราะยังไม่เข้าใจภาษาจีนกลาง อีกทางหนึ่งเพราะขาดประสบการณ์ทางสังคม

ประสบการณ์เข้าสังคมของเธอแทบจะไม่มี พอถูกคนอื่นสังเกตเห็นหรือทักทาย จึงเกิดอาการประหม่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋ยังคงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้

“วันนี้ธุรกิจเป็นยังไงบ้าง?”

“เหมิงเหมิงซ่อมอุปกรณ์ได้มากกว่าสิบชิ้นแล้ว!” โลลิน้อยรายงานผลทันทีราวกับต้องการได้รับรางวัล “คุณย่าบอกว่าพรุ่งนี้จะพาหนูไปร้านอาหารพี่อ้วน ได้ยินว่าในเจียงเฉิง ร้านของพี่อ้วนอร่อยที่สุดแล้ว!”

“เสี่ยวเหมิงเก่งขนาดนี้เชียว?” ฮังอวี่บีบจมูกโลลิน้อยเบาๆ “งั้นไปบอกเจ้าอ้วนได้เลยนะ ว่าพรุ่งนี้ฉันลดค่าอาหารให้ 60%”

โลลิน้อยพยักหน้าอย่างมีความสุข

เธอรู้ว่าพี่ชายอ้วนเองก็เป็นลูกน้องของพี่ชายฮัง

พี่ชายฮังคือผู้มีอำนาจที่สุดบนถนนและชุมชนแห่งนี้!

ฮังอวี่คุยกับย่าหวางและถามเกี่ยวกับสถานการณ์คร่าวๆ

ย่าหวางโชว์ถุงที่เต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนคริสตัลสีเทา และวัตถุดิบให้เขาดู

“ฉันกับเหมิงเหมิงได้เศษคริสตัลเทามาประมาณ 20 ชิ้น หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว พวกเราจะมีกำไรประมาณ 10 เศษคริสตัล แล้วเอาพวกมันมารวมกันเป็นหินคริสตัลเทาได้”

ใบหน้าของย่าหวางเบิกบานไปด้วยรอยยิ้ม

เพราะนี่ถือเป็นรายได้ที่ดีมากสำหรับพวกเธอ

อีกอย่างคืนนี้ยังไม่จบลง หากเป็นตามปกติ ทั้งสองคนจะสามารถสะสมหินคริสตัลเทาได้ประมาณ 5 ก้อนต่อคืน

และย่าหวางจะเก็บหินคริสตัลเทา 4 ก้อนเอาไว้ ส่วนก้อนสุดท้ายนำไปใช้จ่ายอย่างเหมาะสม

ทำไมต้องเก็บมัน? นั่นเพราะเธอต้องการซื้อชุดเกราะดีๆให้ลูกชาย

งานปัจจุบันของโล้นซ่าแม้เป็นไปด้วยดี แต่ก็มีอันตรายอยู่บ้าง หากให้เขาได้สวมชุดเกราะสีขาว เขาจะต้องปลอดภัยขึ้นอย่างแน่นอน แม่เฒ่าจะไม่สนใจลูกชายของตัวเองได้อย่างไร?

ฮังอวี่กล่าวว่า “แต่รายได้เท่านี้ไม่น่าจะพอซื้ออุปกรณ์สีขาว ...”

“พอแล้ว ขอแค่พวกเราหารายได้พิเศษช่วงกลางคืนและฝึกฝนสกิลต่อไป บวกกับเงินที่ได้จากการทำงานให้สมาคมในตอนกลางวัน ตราบใดที่ประหยัดอดออม ไม่ใช้หินคริสตัลแบบไม่เลือกหน้า ไม่นานคงมีพอที่จะซื้อเกราะให้อาเฉียง”

“ฮ่ง เจ้านายไม่ต้องกังวล ตอนนี้พวกเรามีทีมที่เชี่ยวชาญในการรวบรวมอุปกรณ์ที่ชำรุดแล้วนำกลับมาย่อยสลาย ซ่อมแซมใหม่ แล้วขายต่อ สามารถทำกำไรได้สูงมาก” หวังเอ๋อกล่าวขึ้นในตอนนี้ “นี่ช่วยให้คุณย่าได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้รายได้ของโล้นซ่าเองก็ไม่ใช่น้อยๆ”

ยุคใหม่ได้มาถึงแล้ว

ฮัสกี้สามารถผงาดได้

ฉะนั้นชนชั้นรากหญ้าย่อมผงาดขึ้นได้เช่นกัน

ย่าหวางกับเสี่ยวเหมิงเหมิงกำลังพยายามอย่างหนัก!

ฮังอวี่ไม่ได้อยู่ที่นี่นาน เพราะเกรงว่าจะรบกวนการทำงานของทั้งสอง

เขายังคงเดินเที่ยวบนถนนมังกรฟ้ากับเสี่ยวไป๋และหวังเอ๋อ ได้พบผู้คนมากมายในชุมชนมังกรฟ้า

มีหลายคนไม่รู้จักฮังอวี่

แต่ทันทีที่เห็นบอสหวัง ก็พากันตบเท้าเข้ามาทักทาย

ดวงตาของเสี่ยวไป๋เริ่มสว่างไสว

สถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวามาก เต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจทำให้ดวงตาเธอพร่ามัว

เสี่ยวไป๋ตื่นขึ้นเมื่อหลายปีก่อน

ถ้าพูดถึงนแง่อายุคงพอๆกับเหมิงเหมิง

ดังนั้นฮังอวี่จึงตัดสินใจพาเธอไปร้านของเล่น หยุดหน้าตู้เกมแล้วสอนเล่นเครื่องคีบตุ๊กตา

ฮังเสี่ยวไป๋ชั่งใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่หลังจากลองเล่นไปสักพัก เธอก็ไม่อาจปล่อยมือจากมัน

ณ ตอนนี้ เด็กสาวนั่งอยู่หน้าเครื่องคีบตุ๊กตา ใบหน้าน้อยๆของเธอตึงเครียดราวกับกำลังเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ

ฮังอวี่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ “เสี่ยวไป๋ เอาเลย ครั้งนี้เธอทำได้แน่!”

ฮังเสี่ยวไป๋แพ้ไปสิบครั้งแล้ว ความมั่นใจของเธอยิ่งนานยิ่งลดน้อยลง แต่ด้วยกำลังใจจากฮังอวี่ เธอยังคงควบคุมเครื่องคีบตุ๊กตาอย่างจริงจัง เลื่อนกรงเล็บเหล็กของมันไปอยู่เหนือตุ๊กตาเปปป้าพิก

สูดหายใจเข้าลึกๆ

และกดปุ่ม!

กรงเล็บเหล็กค่อยๆเลื่อนลงมาอย่างช้าๆ

เสี่ยวไป๋จ้องตาไม่กะพริบ มองด้วยความประหม่า กรงเล็บคีบตุ๊กตาได้สำเร็จ สองมือของเด็กสาวกำแน่น

กรงเล็บเหล็กคีบตุ๊กตาขึ้นมา ระหว่างเคลื่อนที่กลับมันสั่นไหว แต่ตุ๊กตายังไม่หลุด สุดท้ายมาถึงปลายทาง และปล่อยลงเบื้องล่างได้สำเร็จ

สีหน้าของฮังเสี่ยงไป๋ดูมีชีวิตชีวา เธอก้มลงแล้วคว้าเปปป้าพิกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน หันกลับมามองฮังอวี่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ดูสิพี่ชาย เสี่ยวไป๋ทำได้แล้ว!”

ล้มเหลวเป็นสิบครั้ง

ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

แต่เมื่อเห็นท่าทีเบิกบานของเสี่ยวไป๋

ฮังอวี่อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เด็กสาวช่างไร้เดียงสาจริงๆ

ฮังอวี่หันไปมองตู้อื่นๆ และพบว่าตู้เกมในร้านมีการเปลี่ยนแปลงไป มีบางตู้รางวัลข้างในถูกเปลี่ยน จากตุ๊กตา ตอนนี้กลายเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับต่ำ ไม่ก็เศษคริสตัลเทา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเกมจำนวนมากที่มีรางวัลคล้ายกัน ดึงดูดผู้ที่ต้องการเสี่ยงโชคเข้ามาไม่น้อย

ไม่เลว

ทุกคนเริ่มปรับตัวไปตามสถานการณ์โลก

ไม่ใช่แค่ร้านตู้เกมเล็กๆเท่านั้นที่พยายามเปลี่ยนแปลง

เมื่อเสี่ยวไป๋เดินออกจากร้านตู้เกมพร้อมตุ๊กตา สองคนหนึ่งสุนัขก็เดินผ่านร้านขายเสื้อผ้า ฮังอวี่มองเข้าไปข้างในผ่านกระจกใส

และพบว่าร้านเสื้อผ้าแบรนด์เริ่มเปลี่ยนไปเป็นร้านขายอุปกรณ์จากโลกวิญญาณแล้ว

ความสามารถในการปรับตัวและความเร็วในการตอบสนองของมนุษย์ช่างน่าทึ่ง

เสี่ยวไป๋ไม่สนใจอุปกรณ์จากโลกวิญญาณ สายตาเธอถูกดึงดูดโดยชุดเดรสขาวซึ่งทำมาจากวัสดุธรรมดา แต่ดูงดงาม

ฮังอวี่เอ่ยถาม “เธอชอบมันหรอ?”

ฮังเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ชอบ!”

เด็กสาวช่างตรงไปตรงมา ไม่เก่งเรื่องซ่อนความคิดไว้ในใจ

ฮังอวี่พาเสี่ยวไป๋เข้าร้าน ผู้จัดการร้านเป็นหญิงวัยกลางคน เธอกวาดสายตามองทั้งสาม แต่เมื่อเห็นฮัสกี้ก็หยุดลง อุทานขึ้นว่า “บอสหวัง เป็นคุณนั่นเอง!”

ฮังอวี่ตกใจมาก

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?

หวังเอ๋อเองก็สงสัย “ฮ่ง คุณเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักเปิ่นหวัง”

“ล้อกันเล่นแล้ว ล้อกันเล่น ฉันจะไม่รู้จักบอสหวังได้ยังไง” ผู้จัดการร้านยิ้ม สามารถได้ยินกระทั่งน้ำเสียงประจบสอพลอ ... คุณคงนึกภาพไม่ออกล่ะสิว่ามีคนกำลังทำหน้าแบบนี้กับฮัสกี้จริงๆ “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณบอสหวังที่ดูแล ทำให้ร้านกลับมาคึกครื่้นอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นร้านเราคงปิดไปนานแล้ว”

จู่ๆ ฮังอวี่ก็สังเกตเห็น

ว่าอุปกรณ์โลกวิญญาณที่ร้านแห่งนี้ขาย มันคืออุปกรณ์ที่ทำจากผ้าขนสัตว์ทั่วไป กางเกงผ้าขนสัตว์ มีกระทั่งเกราะหนังมนุษย์ปลา โล่เต่าเหล็ก และมีมากกว่า 20-30 ชิ้น

ในพื้นที่บริเวณนี้ นอกจากสมาคมมังกรฟ้าแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถมอบสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดเช่นนี้ได้?

ถึงจุดนี้ หวังเอ๋อค่อยนึกออกว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง มันแสร้งทำตัวใหญ่โตทันที “ฮ่ง! เปิ่นหวังจำได้แล้ว คุณคือเจ้าของร้านขายเสื้อที่แวะมาสำงานเพื่อรับสินค้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าแต่อุปกรณ์ที่รับไปเป็นยังไงบ้าง?”

“แน่นอนว่าพวกมันเป็นที่นิยม นอกจากบอสหวังแล้ว ใครจะมีสินค้าดีๆมากมายแบบนี้ได้อีก” ผู้จัดการหญิงพูดด้วยสีหน้าประจบประแจง “ถ้ายังไงฉันขอซื้ออุปกรณ์เพิ่มอีกจะได้ไหม ...”

บอสหวังกล่าว “ฮ่ง เรื่องนี้ไม่เหมาะจะพูดกันที่นี่”

อุปกรณ์ชุดนี้เป็นเพียงการทดสอบความต้องการของตลาดเท่านั้น

หากปฏิกิริยาตอบรับค่อนข้างดี

สมาคมมังกรฟ้าจะเริ่มลงทุนอย่างเป็นทางการ เปิดร้านขายอุปกรณ์ของตัวเองซักร้านหรือสองร้าน

และทำเลที่ตั้งแห่งนี้ดีมาก บางทีพวกเขาอาจซื้อต่อ และนั่นสามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน

ผู้จัดการหญิงรีบพูดว่า “ใช่ ใช่ ใช่ ดูสมองฉันสิ เกือบไม่สนใจแขกผู้มีเกียรติซะแล้ว สาวน้อยต้องการอะไร ... โอ้ เธอสนใจเสื้อผ้าธรรมดาพวกนี้งั้นหรอ เอาไปสิ เอาไปให้หมดเลย เรื่องเงินไม่จำเป็นต้องจ่าย!”

ฮังอวี่และเสี่ยวไป๋เลือกเสื้อผ้าผู้หญิงออกมาเป็นสิบชุดและนำออกไป

ผู้จัดการหญิงไม่คิดเงินแม้แต่หยวนเดียว ทั้งยังเดินมาส่งพวกเขาถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง

เสี่ยวไป๋ถือของเล่นและกระเป๋าหลายใบด้วยรอยยิ้มกว้าง

ในทางกลับกัน ฮังอวี่เหลือบมองฮัสกี้ “เจ้าหมา ถ้าไม่มาเจอด้วยตัวเอง ฉันคงไม่ได้เห็นว่านายโด่งดังขนาดนี้!”

“ฮ่ง! นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้บอสหวังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วถนนมังกรฟ้า” หางของหวังเอ๋อชี้ฟ้า “ฮ่ง! แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมีเจ้านายใหญ่คอยดูแล ไม่อย่างงั้น เปิ่นหวังคงสร้างชื่อเสียงถึงขนาดนี้ไม่ได้”

“รู้ตัวก็ดี”

ฮังอวี่มองฮัสกี้ที่กำลังเหิมเกริม

ก่อนสลับมองเสี่ยวไป๋ที่ยิ้มแบบไร้เดียงสา

ในหัวอดคิดไม่ได้ว่าโลกช่างเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน

การเดินช็อปปิ้งวันนี้ น้องสาวไป๋มีความสุขมาก

ส่วนทางด้านฮังอวี่และหวังเอ๋อ ทั้งคู่ไม่ได้เอาแต่เที่ยวเล่นซะทีเดียว แต่ถือโอกาสนี้เยี่ยมชมร้านค้าต่างๆ พูดคุยกับผู้จัดการแต่ละคน และพบว่าทุกคนมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับยุคสมัยใหม่ และพร้อมคว้าประโยชน์จากโอกาสที่มาถึงนี้