Ep.172 - โลกมนุษย์ช่างน่าอัศจรรย์!
2/3
Ep.172 - โลกมนุษย์ช่างน่าอัศจรรย์!
ฮังอวี่เดินไปตามโพรงมดที่สลับซับซ้อน
รังมดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และจำนวนมดยักษ์ข้างในก็มากมายเหลือเกิน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันขาดราชินีมดและราชามดค่อยสั่งการ ทุกตัวก็ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีความคิดรวมตัวกันสังหารผู้บุกรุกแต่อย่างใด
ฮังอวี่ถึงขั้นเกิดความคิดว่าในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ขอกำจัดศัตรูทุกตัวที่ขวางหน้าเลยแล้วกัน จึงขอให้เสี่ยวไป๋เก็บกวาดมดยักษ์ตามรายทาง
ไก่อ่อนกลุ่มนี้จะยืนหยัดสู้กับฮังเสี่ยวไป๋ที่ทรงพลังได้อย่างไร?
หากพวกมันรวมกลุ่มกันเป็นฝูง ตราบใดที่มีจำนวนมากพอ ย่อมสามารถคุกคามพวกเขาได้
ทว่าตอนนี้มดยักษ์สูญเสียผู้นำไปแล้ว
พวกมันจะโจมตีเป้าหมายในระยะที่มองเห็นเท่านั้น
ระบบการตรวจจับของมดยักษ์ไม่ได้กว้างนัก บวกกับถูกบดบังด้วยฝุ่นลวงตา ฉะนั้นไม่อาจสร้างภัยคุกคามได้
เสี่ยวไป๋เปรียบดั่งรถปราบหน้าดินในร่างมนุษย์ คอยปลดปล่อยสกิลโจมตีอันทรงพลังจากระยะไกล และเมื่ออยู่ในพื้นที่จำกัดอย่างโพรงมด ศัตรูแทบไม่มีโอกาสหลบหนี
การกวาดล้างดำเนินต่อไปจนสุดทาง
สังหารทั่วสารทิศ
มดยักษ์เกือบสองร้อยตัวถูกกำจัดภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
ปฏิบัติการนี้เป็นภารกิจที่ผ่อนคลายที่สุดเท่าที่ฮังอวี่เคยทำมา
ผลเก็บเกี่ยวล้ำค่า ก็แค่เดินไปเรื่อยๆ นี่เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เขาไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงคอยตามหลังเสี่ยวไป๋ มือข้างหนังถือเครื่องรางอัญเชิญ อีกข้างถือดอกบัวรวมวิญญาณ คอยดูดซับพลังงานวิญญาณและไอวิญญาณจากศพมดยักษ์
เนื้อจากมอนสเตอร์มดยักษ์นั้นจัดอยู่ในระดับปานกลาง
ดังนั้น ณ ตอนนี้เน้นรวบรวมพลังงานวิญญาณจากพวกมันเป็นอะไรที่สะดวกและรวดเร็วกว่า!
แน่นอน ระหว่างนี้สามารถรวบรวมไอวิญญาณให้แก่เครื่องรางอัญเชิญได้เช่นกัน
เครื่องรางอัญเชิญไม่ใช่วัสดุสิ้นเปลืองแบบใช้แล้วทิ้งในครั้งเดียว ทว่าการใช้งานมันแต่ละครั้ง สิ่งที่ต้องจ่ายไม่ใช่น้อยๆ
การอัญเชิญและใช้งานมอนสเตอร์นั้นจำเป็นต้องเผาผลาญไอวิญญาณ และหากมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมาโดนสังหารระหว่างการต่อสู้ มันจะสูญเสียไอวิญญาณเป็นจำนวนมาก
อย่างการต่อสู้ในค่ายมนุษย์หมูป่า การตายของอัศวินอันเดธทำให้ไอวิญญาณส่วนใหญ่ที่สะสมมาอย่างยากลำบากหายไปกว่าครึ่ง
ปัจจุบันไอวิญญาณที่เหลืออยู่ในเครื่องรางอัญเชิญมีเพียง 800 แต้มเท่านั้น
แม้เครื่องรางอัญเชิญจะค่อนข้างลำบากในการใช้งาน แต่มันก็ยังเป็นของดีมากในช่วงต้นเกม ดังนั้นในเมื่อมีโอกาส จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะใช้มันรวบรวมไอวิญญาณเพิ่มเติม เผื่อใช้ในช่วงเวลาสำคัญครั้งต่อไป
การมุ่งหน้าสู่ที่ซ่อนสมบัติครั้งนี้กำจัดมดยักษ์ระหว่างทางได้ราวๆ 1-2 ร้อยตัว
รวบรวมพลังงานวิญญาณผ่านดอกบัวได้ราวๆ 50 แต้ม
รวบรวมไอวิญญาณได้มากกว่า 100 แต้ม
ไม่ใช่ไม่อยากฆ่ามากกว่านี้ แต่พลังจิตของเสี่ยวไป๋มีจำกัด จำเป็นต้องหยุดพักเพื่อให้เธอฟื้นตัวซะก่อน
“ฮ่ง! เจ้านาย อยู่ข้างหน้านี้เอง!”
หวังเอ๋อนำทางฮังอวี่เข้ามาในโพรงถ้ำแห่งหนึ่ง บริเวณนี้ราวกับเป็นที่ทิ้งขยะของมดยักษ์ มันเต็มไปด้วยเศษอาหารและซากมดยักษ์ที่ตายแล้ว กลิ่นไม่พึงประสงค์หนาแน่นจนหายใจแทบไม่ออก
ใบหน้าเล็กๆของฮังเสี่ยวไป๋แสดงออกถึงความประหลาดใจ
ความสามารถของสัตว์วิญญาณประเภทหมาป่าตัวนี้ช่างน่าทึ่ง
มันสามารถตระหนักถึงสถานที่เช่นนี้ และนำทางได้อย่างแม่นยำ
หากไม่ใช่เพราะเรดาร์ล่าสมบัติของสุนัข ใครที่ไหนจะมายังสถานที่แบบนี้?
ใครจะไปคิดกัน ว่าสถานที่เช่นนี้จะมีขุมทรัพย์อยู่? ยังไงก็ตาม เมื่อดูจากการที่มันหาตำแหน่งของราชินีพบ แสดงว่าความสามารถของหวังเอ๋อเป็นของจริง
สถานที่ที่หวังเอ๋อพามาเต็มไปด้วยกองซากมดยักษ์ มองไม่เห็นอะไรที่พอจะเป็นจุดสังเกตนอกจากนี้ได้เลย
ประจัญบาน!
ฮังอวี่ปลดปล่อยสกิลของเขา พุ่งผ่านสิ่งกีดขวางในคราเดียว
เขาทะลุเข้าสู่อีกห้องหนึ่งที่ไม่ใช่กองขยะ
มันคืออาณาเขตวิญญาณชั้นดี เหนือศีรษะ ผนัง และพื้นดิน ทั้งหมดเต็มไปด้วยพืชวิญญาณอย่างน้อย 50-60 ต้น พวกมันเปล่งแสงจางๆระยิบระยับ
“เจอแล้ว เจอแล้ว ฮ่ง!”
หวังเอ๋อดีใจมาก กระโดดหมุนตัวสองสามตลบ
ฮังอวี่กวาดสายตามอง แม้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดี แต่ไม่อาจถึงขั้นพูดว่าเซอร์ไพรส์ได้อย่างเต็มปาก
นั่นเพราะพืชพวกนี้ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรพลังจิตที่เป็นสมุนไพรระดับสูง
สมุนไพรระดับสูงที่ว่าคือสมุนไพรคุณภาพสูงเกรด 4 หากรับประทานทันทีจะเกิดผลในครึ่งนาที หลังจากนั้นช่วยฟื้นฟูพลังจิต 30 หน่วยภายใน 2 นาทีถัดไป และหากนำไปกลั่นเป็นโพชั่น ผลการฟื้นฟูจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งแน่นอน นี่ยังคงมีประโยชน์สำหรับฮังอวี่
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่สามารถกลั่นโพชั่นที่มีคุณสมบัติดีแบบนี้ได้
ทว่าหากเป็นเสี่ยวไป๋ล่ะก็ไม่ใช่ปัญหา
เธอมีเทคนิคกลั่นโพชั่นขั้นกลาง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในหลากหลายสูตร
ขอแค่ฮังอวี่มีวัตถุดิบให้ ที่เหลือไม่น่าเป็นปัญหา
ระหว่างกวาดสายตามอง ฮังอวี่ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นพืชวิญญาณต้นหนึ่ง
“หือ? มีต้นแก่นจันทราอยู่ด้วยแฮะ”
เจ้าสิ่งนี้ ฮังอวี่เคยได้มันมาก่อนจากปันหลง ลูกน้องของเหล่าจ้าวตอนแลกเปลี่ยนของในด่านหน้ามนุษย์หมูป่า มันนับเป็นวัตถุดิบหายากซึ่งจัดอยู่ในคุณภาพสีเขียว
เจ้าสิ่งนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับใช้พัฒนาสัตว์วิญญาณ เนื่องจากมันอัดแน่นไปด้วยพลังงานทางวิญญาณที่ทรงพลัง จึงช่วยส่งเสริมต่อการวิวัฒนาการและเติบโตของสัตว์วิญญาณได้เป็นอย่างดี
หมาหวังเอ๋อจ้องมองมัน น้ำลายไหลย้อย
เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้านาย
มันอ้าปากงับต้นแก่นจันทราด้วยความปิติยินดี
ในชั่วเวลาสั้นๆ ขนทุกเส้นบนตัวมันเปล่งประกายแสงระยิบระยับ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงาน ดวงตาของหวังเอ๋อสว่างไสวและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
“ฮ่ง เปิ้นหวังรู้สึกได้ถึงพลัง ใกล้จะวิวัฒนาการสู่ขั้นถัดไป”
ฮังอวี่ตรวจสอบข้อมูล
[หมาหวังเอ๋อ] (สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์) เลเวล 3 ขั้นซิลเวอร์ ค่าพลังชีวิต 80 , ค่าพลังจิต 140 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิต +0.1 , แต้มวัฒนาการ 69/80 , แต้มวิญญาณ588/800 สกิล: เสริมการดูดซับ , วิวัฒนาการขั้นสูง , จิตสุนัขเทวะ , คลื่นราชาหมาป่า , ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน
ไม่เลว!
สกิลพรสวรรค์ตามปกติแล้วจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเกิดการวิวัฒนาการ
ซึ่งแต้มวิวัฒนาการของหวังเอ๋อขาดอีกแค่ 11 แต้มเท่านั้นก็จะได้ขึ้นเป็นชั้นยอดขั้นโกลด์
ส่วนแต้มวิญญาณขาดอีกราวๆ 200 แต้ม เมื่ออัพเลเวลก็จะแข็งแกร่งขึ้น
การวิวัฒนาการจะช่วยให้สกิลขกระดับขึ้นหรืออาจได้รับสกิลใหม่
ไม่ว่าหวังเอ๋อจะอัพเลเวล 4 หรือวิวัฒนาการเป้นขั้นโกลด์ พลังรบของเจ้าหมาย่อมดีขึ้นมาก ฮังอวี่รู้สึกว่าเขาควรเร่งการเติบโตของหวังเอ๋อ เพื่อให้มันมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต
“วันนี้กอบโกยได้มากพอแล้ว”
“พวกเราไปกำจัดมดยักษ์อีกซักชุดแล้วกลับกันเถอะ”
ฮังเสี่ยวไป๋ดื่มโพชั่นฟื้นพลังจิต และด้วยความสามารถในการฟื้นฟูพลังจิตของเธอ ระหว่างฮังอวี่รวบรวมสมุนไพร พลังจิตของเธอก็ฟื้นฟูได้มากกว่าครึ่ง ไล่สังหารมดยักษ์เพิ่มได้อีกเป็นเกือบสองร้อยตัว ช่วยให้ดอกบัวสะสมพลังงานวิญญาณได้ทั้งหมด 100 แต้ม เปลี่ยนเป็นแต้มวิญญาณแก่ฮังอวี่
กว่าจะออกมาได้ก็ตกเย็นแล้ว
เสี่ยวไป๋เองก็เหนื่อยล้า ตัวเธอไม่ใช่เครื่องจักร ดังนั้นทำงานหนักเกินไปไม่ได้
วันนี้ทั้งวัน ฮังอวี่รู้สึกราวกับตัวเองเพียงแค่นอนนับเงิน นี่ต้องขอบคุณในความพยายามของเสี่ยวไป๋ เขาจะต้องตอบแทนเธออย่างดี
ฮังอวี่โทรหาผังต้าไห่ล่วงหน้า ขอให้เขาเตรียมอาหารคุณภาพสูงมากกว่า 20 จาน และเมื่อสองคนหนึ่งสุนัขขึ้นไปยังห้องส่วนตัวชั้นสอง นั่งรอไม่เกินครึ่งนาที อาหารก็ถูกเสิร์ฟ
เสี่ยวไป๋หิวมากตอนนี้
เมื่อเห็นอาหารมากมายกองตรงหน้า ดวงตาอันงดงามของเธอสว่างไสวทันใด
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ได้ลงมือกินมัน เพียงกระพริบตาแล้วถามว่า “กินได้เลยไหม?”
น้องสาวตัวน้อยยังคงรักษาอาการ
“แน่นอน ทุกอย่างเตรียมไว้ให้เธอ เป็นรางวัลของความพยายามในวันนี้”
ฮังเสี่ยวไป๋เผยรอยยิ้มแย้มทันที เธอไม่รู้วิธีใช้ตะเกียบ เอื้อมมือคว้าอาหารและเริ่มแทะมัน แม้จะดูมูมมาม แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ
เสี่ยวไป๋เกิดความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าฮังอวี่นั้นดีเกินไปสําหรับตัวเอง
ภารกิจวันนี้ไม่ถือว่าอันตรายเลย แถมเมื่อกลับมายังเตรียมของอร่อยๆตั้งมากมายให้เธอ
ฮังอวี่จิบชาวิญญาณ เฝ้ามองเธอเหมือนพี่เลี้ยงเด็ก “อย่ารีบ กินช้าๆ ไม่มีใครแย่งเธอหรอก ร้านอาหารนี้เป็นของฉัน เธอสามารถกินได้เท่าที่ต้องการ”
สถานที่ที่เรียกว่า ‘ร้านอาหาร’ เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก
ทันทีที่เด็กสาวนั่งลง ก็จะมีคนนำอาหารมาให้
เสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่ากระทั่งร้านอาหารแห่งนี้ ฮังอวี่ก็ยังเป็นเจ้านาย
ฮังเสี่ยวไป๋ต้องถอนหายใจอีกครั้งให้กับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านายฮัง
ฮังอวี่จมเข้าสู่ห้วงความคิด
‘พวกเด็กสาวๆนี่ปกติแล้วชอบทำอะไรกันนะ?’
และแล้วเขาก็นึกออก “โอเค หลังจากเธอกินอิ่มแล้ว ฉันจะพาไปช็อปปิ้ง”
ฮังเสี่ยวไป๋ก้มหน้าแทะน่องใหญ่ ระหว่างเคี้ยวเอ่ยถามเสียงงึมงำ “ช็อปปิ้งคืออะไร มันกินได้รึเปล่า!”
“เปล่า มันก็แค่การออกไปข้างนอก เดินเล่นเรื่อยเปื่อย ซื้อของนิดๆหน่อยๆระหว่างทาง” ฮังอวี่คิดตามและเสริมว่า “วิธีนี้จะช่วยให้เธอได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของมนุษย์ เข้าถึงบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้ สามารถกลมกลืนเข้ากับพวกเราได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น”
“กลมกลืนกับมนุษย์?”
เสี่ยวไป๋ลองคิดตาม และพยักหน้าอย่างแรง
เวลานี้เด็กสาวรู้สึกรื่นรมย์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ที่เกิดความรู้สึกนี้มันไม่ใช่เพราะอาหาร แต่ที่มากกว่านั้นคือเธอรู้สึกได้ถึงความเท่าเทียมที่ไม่เคยเจอมาก่อน ... เด็กสาวเกิดความคิดว่าหลังจากออกจากโลกวิญญาณ ถึงพลังรบจะลดลง แต่คุณภาพชีวิตของเธอกลับดีขึ้น ทุกวันที่ผ่านพ้นนับวันยิ่งน่าสนใจ
โลกมนุษย์ช่างน่าอัศจรรย์!
ตอนนี้ถ้าให้เธอกลับไปเป็นเจ้านายในอาณาเขตเล็กๆ เธอคงไม่ไปแล้ว
ทำไมต้องกลับไปอยู่ในอาณาเขตที่ไม่มีใครคุยด้วยเล่า?
ทำไมต้องไปกังวลตลอดทั้งปีว่าเมื่อไหร่จะถูกมอนสเตอร์ดุร้ายโจมตี กังวลเรื่องโดนเจ้านายคนอื่นเอาเปรียบ ทำไมต้องคอยอดทนต่อการถูกคุกคามและการกระทำที่หยาบคาย ขณะที่ฮังอวี่ใจดีกับเธอมาก
ฮังอวี่มองไปยังเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาแทะน่องชิ้นใหญ่
ก่อนสลับไปมองฮัสกี้ที่กำลังแทะกระดูกอย่างเมามัน
แม้ทั้งคู่จะค่อนข้างแปลก แต่เวลาที่ฮังอวี่อยู่ด้วยกันกับพวกเขา เจ้าตัวเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ...