เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 224
ตอนที่ 224
ยิ่งกว่านั้น ก่อนที่หลินซวนจะเข้ามาในแดนลึกลับแห่งนี้ เขาได้ยินมาว่าเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างก็ดื้อด้านยิ่งนัก พวกเขาต่างส่งยอดฝีมือรุ่นเยาว์เข้ามาในแดนลึกลับเป็นจำนวนไม่น้อย
เพราะเหตุนี้ ต่อให้หลินซวนจะทรงพลังเพียงใด เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทคู่ต่อสู้ การรีบหนีไปในตอนนี้จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เจ้าหัวขโมยหน้าไม่อาย บังอาจมาขโมยต่อหน้าข้าหรือ? เจ้ารนหาที่ตาย วันนี้ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้านั้นทรงพลังเพียงใด!”
มีเสียงเย็นชาดังออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนที่ห้วงมิติจะสั่นสะเทือน จากนั้นปรากฏเป็นหมัดของผู้บ่มเพาะคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลินซวน ความรุนแรงของมันทำให้ก้อนเมฆบนท้องฟ้าสลายไปจนหมดสิ้น
รุ่นเยาว์ผู้นั้นช่างรวดเร็วนัก ประกายแสงมากมายสาดส่องออกมา มันช่างยากที่จะจินตนาการยิ่งนักว่าคนผู้หนึ่งสามารถปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
หลินซวนเงยหน้าขึ้นไปมองยังร่างที่กำลังใกล้เข้ามา มันคือชายหนุ่มที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าเกรงขาม พร้อมด้วยประกายแสงสีทองเจือจาง มันมีนามว่าเล่ยหยุนซี
ต้องรู้ก่อนว่าชายผู้นี้นับว่าเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง ต่อให้เป็นหยิงเจาก็ยังมิอาจเทียบกับมันได้แม้แต่น้อย
หรือต่อให้เป็นลู่สีหลีก็ตามที มันก็ยังนับว่าแข็งแกร่งกว่าอย่างมากมาย
เล่ยหยุนซีนับได้ว่าเป็นตัวตนไร้เทียมทานในที่แห่งนี้ ฉายาที่ผู้อื่นเรียกมันว่าเมล็ดพันธุ์ไร้ผู้ต้านมิใช่การโอ้อวดแต่อย่างใด มันได้รับการเรียกขานเช่นนี้ด้วยความสามารถที่แท้จริงจากสองมือของตนเอง
ตราบเท่าที่มันมีเวลามากเพียงพอ มันย่อมสามารถเติบโตไปเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้น ในยามที่มันกำเนิดขึ้น มันเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่งพร้อมด้วยพลังแห่งสายฟ้า
บัดนี้ ความเร็วของเล่ยหยุนซีมากล้น อีกทั้งมันยังกางค่ายกลขึ้นอย่างกะทันหัน ด้วยพลังจากค่ายกลนี้ มันจึงไปปรากฏตัวเบื้องหน้าหลินซวนแทบจะในทันที
“เจ้าต้องการจะหนีไปหลังจากขโมยของงั้นหรือ? มิคิดจะถามกำปั้นของข้าก่อนรึ?” เล่ยหยุนซีตะคอกใส่หลินซวน
“ฮี่ๆๆ อาศัยเพียงเจ้าจะหยุดข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!” หลินซวนเอ่ยอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็กระแทกหมัดไปเบื้องหน้าอย่างไม่ลังเล
ตู้ม!
เมื่อกำปั้นของทั้งคู่ปะทะกัน แรงกดดันมหาศาลก็ระเบิดออกมา และห้วงมิติโดยรอบปรากฏรอยแตกขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ทั้งคู่ต่างเป็นเพียงยอดฝีมือรุ่นเยาว์และมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่ได้สูงส่งมากนัก ทว่าเมื่อหมัดของทั้งคู่สัมผัสกันกลับทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งมโหฬาร
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นส่งแรงกระแทกออกไปเป็นระยะทางกว่าพันลี้ ผู้ที่อ่อนแอเพียงมองเห็นการปะทะนั้นก็ใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด ชัดเจนว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขามิได้สูงส่งมากพอจึงได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบที่ตามมา
“โอ้?” เล่ยหยุนซีมองไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยความสับสน ในความคิดของมัน เพียงหมัดนี้ก็มากพอจะสังหารศัตรูลงได้
ทว่า สิ่งที่มันประหลาดใจคือกำปั้นของมันราวกับต่อยลงบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอีกฝ่ายจะไม่บาดเจ็บเท่านั้น กระทั่งถอยหลังออกไปยังไม่ปรากฏให้เห็น กลับเป็นมันเองที่ถูกผลักให้ต้องถอยออกมาหลายก้าวจากแรงปะทะที่ส่งกลับมา
“เจ้าเป็นใครกัน?” เล่ยหยุนซีมองไปยังหลินซวนด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
บัดนี้ ในหัวใจของมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แม้ว่ามันจะไม่สามารถมองผ่านกลุ่มแสงไปยังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ แต่มันก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
มันตระหนักได้ว่าศัตรูในคราวนี้เป็นเพียงเด็กน้อย และคนผู้นี้มีอายุต่ำกว่ามันอย่างแน่นอน ช่างเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะจินตนาการถึงใครสักที่อายุน้อยกว่ามันทว่ากลับต่อกรกับมันได้เช่นนี้
ในตอนนั้นเอง หลินซวนก็หรี่ตาลงมองไปยังฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน เขาเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย อย่างที่คาดการณ์ไว้สำหรับอัจฉริยะเช่นนี้ พลังสายฟ้าที่มันมีนั้นเหนือกว่าสายฟ้าที่เขาใช้ในตอนนี้อยู่เล็กน้อย
แต่เป็นเพราะว่าเล่ยหยุนซียังมิได้แข็งแกร่งนัก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นเอง อักขระแห่งเต๋าจำนวนมากก็ล้อมรอบร่างของเล่ยหยุนซีไว้ และอักขระแต่ละตัวแฝงพลังอำนาจเอาไว้ไม่น้อย
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
“หึๆๆ มีเพียงทักษะอ่อนด้อย กลับกล้าที่จะกระทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ต่อหน้าข้า วันนี้ข้าจะทำให้เข้าได้รับรู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์นั้นหมายความเช่นใด!” เล่ยหยุนซีเอ่ยอย่างเฉื่อยชา
จากนั้น ร่างของมันก็ปลดปล่อยแสงสีทองเจิดจ้า สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลินซวน การโจมตีที่ล้มเหลวในคราแรกมิได้ทำให้มันท้อถอยแต่อย่างใด กลับเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณการต่อสู้ของมันให้สูงขึ้น และในตอนนี้เอง มันก็จู่โจมเข้ามาด้วยทักษะที่รุนแรงกว่าเดิม
แสงสีทองนั้นอาบย้อมทั่วทั้งใต้หล้าให้กลายเป็นสีเดียวกัน โลกทั้งไปเรื่องส่งเสียง ราวกับว่ากำลังตอบรับการโจมตีนี้
“เท่านี้รึ?”
หลินซวนมิได้เคลื่อนไหว และกระทำเพียงยิงลำแสงสีทองออกจากดวงตาของตน
จากนั้น กฎเกณฑ์บางประการก็ปรากฏขึ้นรอบกายของ กลายเป็นสายฟ้าสีม่วง จากนั้นหลินซวนจึงใช้สายฟ้าเหล่านี้ควบรวมเป็นกระบี่เล่มหนึ่งและพุ่งเข้าจู่โจมฝ่ายตรงข้าม
แม้ว่าสายฟ้าสีม่วงนี้ของเขาจะด้อยกว่าสายฟ้าของศัตรู แต่นั่นก็เป็นเพียงการปะทะกันอย่างคร่าวๆ เท่านั้น ต้องรู้ก่อนว่าหลินซวนคือผู้ใด ด้วยระดับการบ่มเพาะแดนหมุนวนทะเลปราณและนัยน์ตาหยินหยางของเขาแล้ว อย่าได้กล่าวถึงกายเซียนแห่งเต๋าที่เขามี
ต่อให้เป็นเพียงสิ่งของสามัญก็สามารถกลับกลายเป็นทรงพลังถึงขีดสุดได้ในเงื้อมมือของเขา บัดนี้ เขามีความสุขยิ่งนัก เขาเคยคิดว่าผู้คนทั้งหมดจะโจมตีเข้ามาพร้อมกัน แต่กลับมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่กำลังปะทะกับเขา และสิ่งนี้สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้พลังสูงสุดของเขาเข้าต่อกร
เปรี้ยง!
ใต้หล้าสั่นสะท้าน สายฟ้าสีม่วงและสีทองผสานรวมกัน ช่วงเวลานี้ไม่มีผู้ใดรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
แรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะกันนั้นรุนแรงสีจนแม่น้ำในบริเวณนี้ระเหยกลายเป็นไอ ในหูของผู้คนทั้งหลายได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังสนั่น มีบางคนถึงขั้นต้องเรียกสมบัติวิเศษขึ้นมาปกป้องตนเอง
“คุณพระช่วย! นี่ช่างน่าเหลือเชื่อนัก แม้ว่าข้าไม่เชื่อว่าเล่ยหยุนซีจะเป็นผู้ไร้เทียมทาน แต่ในวิถีของสายฟ้าแล้วมันนับว่าเป็นยอดฝีมือ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนกล้าปะทะกับมันโดยใช้สายฟ้าเช่นนี้!”
รุ่นเยาว์อัจฉริยะผู้หนึ่งหรี่ตามองสถานการณ์เบื้องหน้าตน ในหัวใจของมันรู้ดีว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของเล่ยหยุนซีแม้แต่น้อย กล่าวได้อีกแง่หนึ่งว่า ในที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเล่ยหยุนซีได้
และผู้คนที่เฝ้ามองโดยรอบต่างมิใช่คนโง่งม พวกเขาสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของหลินซวนนั้นทรงอำนาจเพียงใด สายฟ้าที่เขาใช้เมื่อครู่ไม่มีทางเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของคนผู้นี้
อย่างก็ตาม ในตอนนี้ ทักษะที่ดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุดของเขากลับสามารถต้านทานทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเล่ยหยุนซีได้ นี่ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อยิ่งนัก
ต้องรู้ก่อนว่าเล่ยหยุนซีนั้นเป็นตัวตนระดับตำนานผู้หนึ่ง... ในวันที่มันเกิดมา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยทะเลอัสนี
*สายฟ้าสีม่วงที่พูดถึงเป็นทักษะที่หลินซวนได้มาจากอสูรสายเลือดมังกรที่กลายเป็นกระดูกไปนะครับ ไม่ใช่อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ที่ใช้สายฟ้าอันนี้เป็นเพราะหลินซวนเห็นว่ามันกินพลังน้อยกว่าอัสนีสวรรค์มากๆ เลยไม่อยากให้อัสนีสวรรค์ให้เปลืองพลังปราณเล่นๆ ครับ