เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 223
ตอนที่ 223
มีหรือที่สมบัติวิเศษเช่นนั้นจะสามารถหาได้อย่างง่ายดาย? ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสถานที่ใดจะปรากฏสมบัติล้ำค่าอยู่ พวกเขาทำได้เพียงพึ่งพาโชคของตนเท่านั้น
บัดนี้ เพลิงมังกรแดงอมตะนักว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถช่วยให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายบรรลุแดนหมุนวนทะเลปราณได้ ยิ่งกว่านั้น มันยังทำให้พวกเขาสามารถบ่มเพาะวิถีแห่งไฟไปได้ในเวลาเดียวกัน
ต้องรู้ก่อนว่าสมบัติเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้
“ทุกท่าน การกระทำเช่นนี้ไม่ดีกับพวกท่านเท่าใดนัก ข้าเป็นคนเดียวที่บ่มเพาะในวิถีแห่งไฟในหมู่พวกเราทั้งหมด เหตุใดจึงไม่มอบสมบัติเช่นนี้ให้แก่ข้าเสีย!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงเอ่ยด้วยความนอบน้อม
ทว่า รุ่นเยาว์ที่ดูจะอ่อนน้อมผู้นั้นกลับใช้กระบวนท่าไม้ตายของตนออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทุกคราที่มันจู่โจมออกไปล้วนเล็งไปยังจุดชีพจรของผู้อื่น
“หากท่านยกสมบัติชิ้นนี้ให้แก่ข้า ข้าจะจดจำหนี้บุญคุณครั้งนี้เอาไว้!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นดวงตาเย็นเยียบ แม้มันจะพูดอย่างนุ่มนวลเพียงใด แต่สีหน้าของมันมิได้แสดงออกถึงความขอบคุณแม้แต่น้อยตามที่เอ่ยมา
“เฮ้อ ข้าเองก็มิได้ต้องการจะช่วงชิงมันจากท่านหรอก ทว่าข้ายังมีพี่ใหญ่รอคอยอยู่ บัดนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในชั้นที่เก้าของแดนสร้างรากฐานแล้ว และกำลังรอคอยสมบัติที่จะสามารถใช้ในการบรรลุไปยังแดนหมุนวนทะเลปราณ ข้าคงมิอาจยอมยกมันให้ท่านได้!” รุ่นเยาว์ในชุดสีน้ำเงินผู้หนึ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เพียงสะบัดมือคราหนึ่ง มวลน้ำหนาแน่นก็ปรากฏขึ้นมา
“ฮ่าๆๆๆ หากเป็นเช่นนั้นก็ช่างบังเอิญยิ่งนัก ข้าเองก็มีพี่ชายอีกหลายคนที่ต้องการสมบัตินี้เช่นกัน เหตุใดจึงไม่ยกมันให้แก่ข้าเสียเล่า!” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวพลางเข้าร่วมการต่อสู้
“หึ! พวกเจ้ามันหน้าหนายิ่งนัก หากต้องการสมบัติก็เข้ามาต่อสู้กันเสียตรงๆ จะพูดให้เปลืองน้ำลายไปไย? มา สู้กับข้า!”
จากนั้น อัจฉริยะคนหนึ่งก็คำรามและพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนทั้งหลาย
ต้องรู้ก่อนว่าเหล่าอัจฉริยะน้อยพวกนี้ล้วนมาจากตระกูลใหญ่โต แล้วจะมีตระกูลใดกันที่ไม่มีผู้บ่มเพาะวิถีแห่งไฟอยู่เลย? เพราะเหตุนั้น สมบัติเช่นนี้จึงล้ำค่ายิ่งสำหรับทุกคน
ยิ่งกว่านั้น ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวสมบัติเช่นนี้ได้ ย่อมสามารถทำให้ตระกูลของตนก้าวนำหน้าตระกูลอื่นๆ ไปได้ก้าวใหญ่ และนั่นก็เท่ากับว่าตัวพวกเขาเองจะได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน
อัจฉริยะทั้งหลายล้วนแล้วแต่บ่มเพาะกันอย่างบ้าคลั่งเป็นเพราะเวลาที่ผ่านไปสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างใหญ่หลวง
ด้านล่าง หลินซวนที่มองคนทั้งหลายปะทะกันเบื้องบนอดจะลังเลอยู่บ้างไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเขาเลื่อนขั้นแดนปราณแล้ว สมบัติเช่นนี้ย่อมมิได้มีประโยชน์แก่เขาเท่าใดนัก ทว่าอย่างไรเสียเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว หากเขายอมปล่อยให้คนอื่นได้สมบัติดีๆ ไป นั่นย่อมมิใช่สิ่งที่เขาเต็มใจกระทำ
“สมบัติก็ควรอยู่ในมือของผู้ที่เหมาะสม!” หลินซวนพึมพำกับตนเองเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สลัดความลังเลทั้งหมดทิ้งไป
ต้องรู้ก่อนว่าหลินซวนนั้นบัดนี้อยู่ในแดนหมุนวนทะเลปราณแล้ว ตราบเท่าที่เขาสามารถใช้ปราณของตนครอบคลุมร่างกายเอาไว้ ประกอบกันความจริงที่ว่าเขาเป็นเพียงเด็กน้อยตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ย่อมไม่มีทางที่ผู้ใดจะค้นพบเขาได้อย่างแน่นอน
บัดนี้ หลินซวนกำลังขยับเข้าใกล้แท่นบูชาแห่งนั้นอย่างช้าๆ
หากมองจากระยะไกล ย่อมเห็นมันเป็นเพียงกลุ่มก้อนของเปลวเพลิงสีแดงสด ที่มีอักขระแห่งเต๋าจำนวนมากปกคลุมอยู่โดยรอบ
ถ้ามิใช่ความจริงที่ว่ามีเมื่อเพ่งมองอย่างชัดๆ ในก้อนเปลวเพลิงนั้นจึงจะมองเห็นดอกไม้เล็กๆ อยู่ ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อว่าในเปลวไฟที่โหมกระหน่ำเช่นนี้จะมีพืชอยู่ด้านใน
รอบแท่นบูชานั้นไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ เป็นเพราะว่าก่อนที่ผลลัพธ์จากการปะทะกันจะถูกตัดสิน ไม่มีผู้ใดกล้าหาญพอเฉียดใกล้แท่นบูชานี้ เพราะตราบเท่าที่ใครก็ตามกล้าเข้าใกล้มัน คนผู้นั้นจะกลายเป็นเป้าหมายให้ผู้คนที่เหลือรุมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าหลินซวนนั้นแตกต่างจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง เป็นเพราะเขามีปราณคุ้มกันในระดับแดนหมุนวนทะเลปราณรวมถึงเกราะสายฟ้าของเขา และตราบเท่าที่เขาใช้พลังของนัยน์ตาหยินหยาง พื้นที่โดยรอบล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุม ทำให้ไม่มีผู้ใดค้นพบเขาได้
บัดนี้ เพลิงมังกรแดงอมตะอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว หลินซวนสูดหายใจเข้าก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าและในชั่วพริบตาก็คว้าดอกไม้ดอกนั้นได้สำเร็จ
“เรียบร้อย!”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ก่อนที่จะได้กระทำสิ่งใด สายตาของผู้คนที่ลอยอยู่บนฟ้าทั้งหมดก็มุ่งตรงมาที่เขา
หยุดสู้กันก่อน มีใครบางคนขโมยเพลิงมังกรแดงอมตะไปแล้ว!”
หลังจากที่จบประโยคนั้น ก็ปรากฏลำแสงกวาดผ่านเขา ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหมดก็หันมาและพร้อมจะสังหารเด็กน้อยเบื้องหน้าตน
ทักษะมากมายส่องประกายเจิดจ้า กระทั่งห้วงมิติยังปรากฏรอยแตกขึ้นจากพลังเหล่านั้น
ผู้คนทั้งหมดต่างรีบทะยานมา ไม่เพียงเหล่าผู้บ่มเพาะเท่านั้น แต่รวมไปถึงเหล่าอสูรร้ายที่เดิมทีอาศัยอยู่ในแดนลึกลับเช่นกัน
พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้ามาด้วยการโจมตีที่น่าเกรงขาม เหตุการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้ผู้คนหน้าถอดสี และไม่มีผู้ใดคิดว่าจะมีใครรอดจากการจู่โจมเช่นนี้ไปได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเพลิงมังกรแดงอมตะมาโดยตลอด
เผชิญหน้ากับการโจมตีจำนวนมาก หลินซวนอดจะหวั่นเกรงขึ้นมาบ้างมิได้ แม้เขาจะต้องการหนีไปทันที แต่กลับไม่สามารถกระทำได้ เป็นเพราะบัดนี้การโจมตีบางส่วนได้มาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว
“ทุกคน ร่วมมือกันสังหารมันกันเถิด!” อัจฉริยะคนหนึ่งที่มองเห็นหลินซวนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
อย่างไรก็ดี ผู้คนทั้งหลายต่างมองเห็นหลินซวนเป็นเพียงกลุ่มก้อนแสงเท่านั้น
จากนั้น ปีกคู่หนึ่งซึ่งก่อร่างจากสายฟ้าสีม่วงก็ปรากฏบนหลังจากเขา
กลุ่มก้อนแสงที่เป็นทักษะปกปิดตนเองของหลินซวนระเบิดประกายแสงเจิดจ้า ทว่ามันมิใช่ทักษะโจมตีใดๆ เป็นเพียงแสงที่หลินซวนสร้างขึ้นเพียงเพื่อบดบังสายตาของผู้อื่น จากนั้นเขาก็กระตุ้นทักษะเคลื่อนไหวของตัวเองอย่างเร่งรีบด้วยหวังจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้
อันที่จริง ความแข็งแกร่งของเขามากพอที่จะต่อกรกับทุกชีวิตในที่แห่งนี้ ต้องรู้ก่อนว่าระดับการบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ในแดนหมุนวนทะเลปราณแล้ว ต่อหน้าเหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายเขามั่นใจอย่างยิ่งว่าสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
ทว่าหลินซวนยึดถือหลักการอย่างหนึ่ง สองมือหรือจะสู้กับสี่กร
ต้องรู้ก่อนว่าหากเขาไม่หลบหนีไป และฝ่ายตรงข้ามจู่โจมอย่างพร้อมเพรียงกัน พลังปราณนับร้อยสายย่อมปะทะกับเขา และในเวลานั้น ต่อให้เขาจะสามารถป้องกันพวกมันเกือบทั้งหมดได้ แต่เขาย่อมต้องได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง
หลังจากที่ปะทะกับฉิงหู่ก่อนหน้า ทำให้หลินซวนรู้ว่าเหล่าอัจฉริยะชั้นยอดต่างมีไพ่ตายเก็บเอาไว้เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว