อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 46 ภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ
ตอนที่ 46 ภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ
ทั้งสามคนออกมาจากธนาคาร พนักงานขายอสังหาริมทรัพย์แสดงความยินดีกับฮาร์ดี้ด้วยท่าทางร่าเริง “คุณฮาร์ดี้ คุณนี้โคตรเก่งเลย คุณซื้อโรงงานของเล่นนั่นมาในราคาไม่ถึง 40,000 ดอลลาร์ ผมยังทําแบบคุณไม่ได้เลย”
“คุณยังได้เงินค่านายหน้าอยู่ใช่ไหม? ผมเกรงว่าธนาคารจะเกลียดขี้หน้าคุณไปด้วยน่ะ” ฮาร์ดี้ยิ้ม
“ฮ่าฮ่า ต่อให้ถูกเกลียดขี้หน้าผมก็ทําอะไรไม่ได้หรอกครับ คุณฮาร์ดี้ ถ้าคุณอยากจะซื้ออสังหาริมทรัพย์อีกในอนาคต คุณสามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” พนักงานขายกล่าวพร้อมกับยื่นนามบัตรด้วยมือทั้งสองข้าง
“คุณชื่อเอ็ดเวิร์ดงั้นเหรอ แล้วทําไมคุณเพิ่งจะให้นามบัตรตอนนี้ล่ะ?” ฮาร์ดี้หยิบนามบัตรขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ
เอ็ดเวิร์ดยิ้ม “ผมเคยชินกับการให้นามบัตรตอนทําธุรกิจของลูกค้าเสร็จแล้วนะครับ อีกอย่างถ้ายื่นนามบัตรให้ในตอนท้ายจะสามารถช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นด้วย และก็ได้โปรดจำชื่อของผมไว้ด้วยนะครับ”
“นอกจากนั้นการทําธุรกิจกับลูกค้าเก่า อัตราความสําเร็จมักจะสูงกว่าลูกค้าใหม่หลายเท่า”
ฮาร์ดี้คิดว่าการวิเคราะห์ของเอ็ดเวิร์ดถูกต้อง การที่เอ็ตเวิร์ดมอบนามบัตรให้ในตอนนี้มันช่วยสร้างความประทับใจให้ เขาได้จริงๆ
ฮาร์ดี้และฌอนกลับมาที่โรงงานของเล่นอีกครั้ง “ฌอน หาคนมาปรับปรุงอาคารสํานักงานของโรงงาน หอพักแล้วก็ลานกว้างให้หน่อย แล้วก็จ้างคนทําป้ายบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้ด้วยนะ ที่นี่จะกลายเป็นสํานักงานใหญ่ของบริษัทรักษาความปลอดภัย
ของเรา”
“รับทราบครับบอส!”
ทั้งสองเดินไปรอบๆ อาคารสํานักงานที่มีห้องใต้ดินขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง ฮาร์ดี้พูดต่อ “ฌอน ให้คนมาปรับปรุงชั้น ใต้ดินใหม่ด้วยนะ”
“จะสร้างใหม่เป็นอะไรเหรอหัวหน้า”
“สร้างเป็นคลังเก็บอาวุธ บริษัทรักษาความปลอดภัยจะไม่มีคลังเก็บอาวุธของตัวเองได้ยังไง” ฮาร์ดี้ยิ้ม
ห้องใต้ดินที่มีพื้นที่ 200 ตารางเมตรที่ภายในเต็มไปด้วยอาวุธชนิดต่างๆ จะต้องเป็นภาพที่สวยงามแน่นอน
ผู้ที่บรรลุนิติภาวะในสหรัฐอเมริกามีสิทธิ์ในการซื้อปืนและกระสุนได้ มันจึงทําให้การต่อสู้ด้วยปืนที่นี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยต้องยื่นขอใบรับรองในการครอบครองอาวุธตามกฎหมายอยู่ดี ซึ่งขณะนี้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้นั้นก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่สําหรับใบรับรองในการครอบครองอาวุธตามกฎหมายยังอยู่ในระหว่างการดําเนินการ
แต่มันก็ห้ามไม่ให้ฮาร์ดี้สร้างคลังอาวุธก่อนได้อยู่ดี
ฌอนจดคําสั่งของฮาร์ดี้ไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการจัดตั้งบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้จะต้องออกมาดีแน่นอน
เฮนรี่และคนอื่นๆ ยังคงออกไปรับสมัครคนเพิ่มอยู่ ฮาร์ดี้คิดว่าเขาไม่ได้ไปบริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์คมาหลายวันแล้ว แถมเขายังมีตําแหน่งเป็นถึงผู้ช่วยประธานบริษัท แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเงินเดือนแต่เขาก็ต้องทํางานอยู่ดี
ฮาร์ดี้ขับรถไปที่บริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์ค ซูซานที่แผนกต้อนรับยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “สวัสดีตอนบ่ายค่ะ ผู้ช่วยฮาร์ดี้”
บ่ายแล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปไวจัง
“สวัสดีตอนบ่ายครับคุณซูซาน ผิวของคุณดูสวยขึ้นนะ” ฮาร์ดี้ยิ้ม
ซูซานที่ได้รับคําชมก็เต็มไปด้วยความยินดีดวงตากลมโตของเธอกะพริบไปที่ฮาร์ดี้
ถ้าตอนนี้ฮาร์ดี้ชวนเธอไปทานอาหารเย็น เธอก็พร้อมที่จะตอบรับอย่างแน่นอน
ต่อด้วยเล่นจ้ำจี้ในตอนกลางคืน
แต่ตอนนี้เขามีนัดกับเอวา การ์ดเนอร์แล้ว
เมื่อเขามาถึงห้องทํางาน โคเฮนก็เปิดประตูตามมาพอดี “คุณฮาร์ดี้ ผมกําลังจะโทรหาคุณอยู่เลยไม่คิดว่าคุณจะมาพอดี”
“เกิดอะไรขึ้นหรือโคเฮน?” ฮาร์ดี้ถาม
“ภาพยนตร์ที่เราคุยกันในการประชุมครั้งก่อน ทางฝ่ายวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์สได้อ่านบทแล้ว พวกเขาตกลง ที่จะร่วมมือในการถ่ายทํา เราจึงจะมีการประชุมในหลังจากนี้เพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆ และเตรียมเซ็นสัญญากับอีกฝ่าย” โคเฮนกล่าว
“ตกลง ผมจะเข้าประชุมตรงเวลา”
หลังดื่มกาแฟจากซูซานแล้ว เขาก็มาถึงห้องประชุม โคเฮนและหัวหน้าแผนกอื่นๆ อีกหลายคนมาถึงก่อนแล้ว
โคเฮนมองไปที่แฟ้มในมือของเขาแล้วพูด
“ภาพยนตร์ที่เราได้มีการพูดคุยไปก่อนหน้านี้ ทางฝ่ายวอร์เนอร์ตกลงที่จะร่วมมือในการผลิตแล้ว แต่อีกฝ่ายมีการตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องมีการแก้ไขบท เพราะเนื้อเรื่องก่อนหน้านี้ยังค่อนเบาบางมากเกินไป อีกทั้งชื่อของภาพยนตร์ได้ถูกกําหนดไว้แล้วคือ Outlaw Gold”
เมื่อได้ยินชื่อ ฮาร์ดี้ลองนึกชื่อนี้ในความทรงจํา
โอเค…ไม่มีในความทรงจํา
แสดงว่าเรื่องนี้ได้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ไม่ประสบความสําเร็จ จนจมลงในมหาสมุทรแห่งความล้มเหลวอันกว้างใหญ่
นักลงทุนภาพยนตร์รุ่นหลังๆ ได้สรุปกฎแปดสองเอาไว้ มันหมายความว่าภาพยนตร์แปดในสิบเรื่องจะขาดทุน และอีกสองเรื่องที่เหลือจะได้กําไร แต่จะทํากําไรได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องดูกันอีกที
ตั้งแต่ปี 1940 ถึงปี 1950 ฮอลลีวูดได้ผลิตภาพยนตร์ออกมาหลายพันเรื่องทุกปี หลังจากผ่านไปหลายสิบปี จะมีสักกี่เรื่องที่คนยังจําได้
มีภาพยนตร์เพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถทําเงินได้มากมายในประวัติศาสตร์ และภาพยนตร์เหล่านี้ได้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ภาพยนตร์คลาสสิกในตํานาน’
โคเฮนยังคงพูดต่อไป
“วอร์เนอร์เต็มใจให้ความร่วมมือในการถ่ายทํา โดยทีมงานฝ่ายผลิตเป็นของวอร์เนอร์ทั้งหมด และเราเป็นฝ่ายลงทุนเท่านั้น”
ความหมายในประโยคนั้นชัดเจนมาก วอร์เนอร์ต้องการเพียงบทภาพยนตร์และสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงบทเท่านั้น ส่วนที่เหลือคือการลงทุนของโนอาห์ อาร์ค และวอร์เนอร์ก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจในท้ายที่สุด
เพราะนี่เป็นโลกของทุนนิยม ใครที่มีอํานาจก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ
“ถ้าอย่างนั้นนักแสดงของเราก็ไม่ได้ร่วมแสดงด้วยสิ ผมมีนักแสดงหลายสิบคนที่ไม่มีงานมาครึ่งปีแล้วนะ?” โทมัส ผู้อํานวยการแผนกศิลปะการแสดงขมวดคิ้ว
ฮานส์ ผู้อํานวยการฝ่ายผลิตก็รู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก “นอกจากนี้ยังมีทีมผู้กํากับ นักเขียนบท ช่างภาพ ทีมจัดแสง นักแสดงประกอบ ฝ่ายดนตรี จะไม่มีใครได้งานเลยนะ”
ผู้จัดการทั่วไปโคเฮนทําอะไรไม่ถูก “แน่นอน ผมรู้แต่เราก็ไม่มีความมั่นใจมากนักว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสําเร็จ และเราก็มีเงินไม่พอ เราทําได้แค่พึ่งวอร์เนอร์ หรือไม่ก็ล้มเลิกภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเลย”
สุดท้ายก็ได้รับข้อสรุปที่หลายฝ่ายไม่เต็มใจนัก ภาพยนตร์เรื่อง Outlaw Gold จะถูกส่งมอบให้กับวอร์เนอร์ บราเดอร์สพิกเจอร์ส และบริษัทภาพยนตร์โนอาห์ อาร์คจะลงทุนที่ 150,000 ดอลลาร์
หลังจากการประชุม ฮาร์ดี้ไปที่ห้องทํางานของโทมัสเพื่อพูดคุย
โทมัสบ่นออกมาในทันที “ถึงพวกเราจะทําภาพยนตร์ทุนต่ำ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่บริษัทเราก็คงจะอยู่ต่อได้อีกไม่กี่ปี”
“โคเฮนทําได้ไม่ดีเหรอ?” ฮาร์ดี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“คนที่ควรถูกเปลี่ยนมากที่สุดในบริษัทนี้คือโคเฮน เขาไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีความสําเร็จ ไม่มีเส้นสาย และไม่มีสมองหัวหน้ามอบหมายให้เขาบริหารบริษัทภาพยนตร์ แต่เขาก็ไม่เคยทําเงินให้บริษัทนี้ได้เลย” โทมัสกล่าว
ฮาร์ดี้รู้ได้ในทันที ชายคนนี้ต้องการให้เขาที่มีตําแหน่งผู้ช่วยประธานนําคําพูดเหล่านี้ไปบอกซีเกลที่เป็นประธานบริษัท
‘ฮ่าฮ่า’
น่าสนใจจริงๆ
มีคนที่พร้อมจะแทงข้างหลังแบบนี้อยู่ทุกที่
แม้กระทั่งในบริษัทภาพยนตร์แห่งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ฮาร์ดี้กลับไปที่สํานักงานของเขาแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
เดิมที่เขาคิดว่าถ้าภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทํา เขาจะให้บทบาทตัวประกอบเล็กๆ แก่เอวา การ์ดเนอร์ แต่ตอนนี้วอร์ เนอร์รับหน้าที่ผลิตทั้งหมดไปแล้วเขาคงจะมอบบทบาทให้เธอไม่ได้แล้ว
แต่ที่โทมัสพูดมาก็เป็นความจริง
โนอาห์ อาร์คจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวของฮาร์ดี้ทันที
แล้วถ้าฉันลงทุนภาพยนตร์ทุนต่ำด้วยตัวเองล่ะ?
เขาเคยดูภาพยนตร์มาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เจ๊งหรือเรื่องที่ทํากําไร
ดังนั้นมันคงไม่ยากที่จะหาภาพยนตร์ ทุนต่ำในความทรงจํามาใช้
อย่างน้อยให้ได้กําไรสักนิดก็ยังดี
แต่ว่าตอนนี้เขาใช้เงินได้เท่าไหร่?
เขาหาเงินได้ 178,500 ดอลลาร์จากการปล้นสองครั้ง และใช้ไป 37,400 ดอลลาร์เพื่อซื้อโรงงานของเล่น แต่เขาสามารถใช้โรงงานของเล่นไปจํานองแล้วรับเงินกู้มาจํานวนหนึ่งคืนได้
นอกจากนั้นยังมีเงินเก็บอื่นๆ ของฮาร์ดี้ รวมทั้งหมดแล้วน่าจะใช้จ่ายได้ 150,000 ดอลลาร์
เงินลงทุนในภาพยนตร์ 150,000 ดอลลาร์ แม้แต่ตอนนี้ในปี 1946 ก็ยังคงเป็นได้แค่ผลงานขนาดเล็ก
เอายังไงดี?
ทันใดนั้นฮาร์ดี้นึกบางอย่างได้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่นเกมเพลย์สเตชัน 4 (PlayStation 4) ซึ่งดัดแปลงมาจากภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิกของตะวันตก
ในปี 1964 ภาพยนตร์เรื่องนี้ลงทุนเพียง 200,000 ดอลลาร์ แต่กลับทํารายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศหลายสิบล้านดอลลาร์ และได้รับการยกย่องมากมาย
ฮาร์ดี้หยิบกระดาษออกมาแล้วเขียนชื่อ
‘นักฆ่าเพชรตัดเพชร (A Fistful of Dollars)’
โครงเรื่องภาพยนตร์ ‘โจ นักล่าเงินรางวัลตัวคนเดียวที่เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในแถบชายแดนเม็กซิโก เขาได้รู้มาว่ามีกองกําลังสองกลุ่มในเมืองแห่งนี้ คือกลุ่มพี่น้องราโมนและกลุ่มนายอําเภอ ทั้งสองกลุ่มต่อสู้กันอย่างไม่หยุดหย่อนการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายทําให้ชาวเมืองไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ดังนั้นโจจึงตัดสินใจกําจัดกองกําลังชั่วร้ายทั้งสองกลุ่มนี้ออกไปจากเมือง’
ในเรื่องนี้มีตัวละครหญิงคือหญิงสาวที่โดนพี่น้องราโมนลักพาตัวไป ตัวละครหญิงคนเดียวในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีฉากการแสดงมากนักแต่ก็เป็นที่จดจําได้ดีมาก ฮาร์ดี้คิดว่าเอวาน่าจะเหมาะสมกับบทบาทนี้มาก
โครงเรื่องมีประมาณสามถึงสี่พันคํา ฮาร์ดี้รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้น มาและโทรไปที่แผนกฝ่ายผลิตภาพยนตร์
“ผู้ช่วยฮาร์ดี้ ต้องการอะไรรึเปล่าคะ”
“เรียกนักเขียนบทมาที่ห้องผมหน่อย ผมมีเรื่องจะรบกวนพวกเขาสักเล็กน้อย” ฮาร์ดี้กล่าว
เขาไม่รู้ว่าจะเขียนบทอย่างไร ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักเขียนบทมืออาชีพ เพราะมีคนที่เหมาะสมอยู่ที่นี่แล้ว ทําไมไม่ใช้มันละ?