บทที่ 67 พวกเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
สิ่นฉยงจือมองดูเฉียวเชินที่กำลังดื่มซุป และหลังจากที่หยิบชามเปล่ามาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้ว เธอก็ตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “ลูกจะขอให้พ่อทำอะไรงั้นเหรอ? แต่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยว่าง และเย็นนี้ก็มีประชุมที่บริษัทอีก อาจจะกลับมาก็มืดแล้ว”
“อ๋อ”
เฉียวเชินไม่แปลกใจเลย เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเธอพัฒนาได้ดี จนบริษัทประสบความสําเร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่พ่อของเธอจะยุ่งมาก
เฉียวเชินจําสิ่งที่ฟู่ซือเหนียนบอกเธอในตอนนั้นได้ เธอจึงพูดกับผู้เป็นแม่ว่า “พี่ซือเหนียนได้ยินมาว่าครอบครัวของเราและเฉิงเฟิงกรุ๊ปมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาก็เลยอยากจะขอให้หนูช่วยอะไรบางอย่าง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ CEO ของเฉิงเฟิงกรุ๊ปได้ประมูลเห็ดหลินจือล้ําค่าไป ซึ่งเห็ดดอกนั้นเป็นที่ต้องการของบุคคลสำคัญในปักกิ่ง เขาก็เลยอยากให้พ่อลองไปพูดคุยกับทางเฉิงเฟิงกรุ๊ปดู ว่าพวกเขาสามารถมอบเห็ดหลินจือให้กับตระกูลฟู่ได้ไหม?”
เธอคบหาดูใจกับฟู่เกอมานานแล้ว และผู้คนในตระกูลฟู่ก็เป็นมิตรกับเธออยู่เสมอ พวกเขาไม่เคยพูดว่ายอมรับตัวตนของเธอหรือปฏิเสธตัวตนของเธอ ด้วยทัศนคติที่คลุมเครือเลยสักครั้ง
ในที่สุด ฟู่ซือเหนียนก็ขอให้เธอทำอะไรบางอย่าง ดังนั้น เธอจะต้องทําเรื่องนี้ให้สำเร็จ เพื่อที่เธอจะได้เชิดหน้าต่อหน้าตระกูลฟู่ได้อีกครั้ง!
เฉียวเชินให้ความสําคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เธอจึงถามผู้เป็นแม่อีกครั้ง “แม่ เมื่อพ่อกลับมาตอนกลางคืน แม่ต้องบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้พ่อไปพูดคุยกับเฉิงเฟิงกรุ๊ป เพื่อให้พวกเขายอมปล่อยเห็ดหลินจือมาให้เรา ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเราก็ต้องจ่าย”
สิ่นฉยงจือไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก เธอตบหลังมือของลูกสาวอย่างปลอบโยน “ไม่ต้องกังวลไป ครอบครัวของเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉิงเฟิงกรุ๊ปมาโดยตลอด อีกทั้งพวกเขาก็ถูกสร้างขึ้นโดยเรา ซึ่งมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และพวกเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”
ในที่สุด เฉียวเชินก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ และพูดขึ้นอีกว่า “ถ้าอย่างนั้น หนูขึ้นไปอาบน้ำ แล้วนอนเลยนะ”
“ไปเถอะ”
สิ่นฉยงจือมองดูเฉียวเชินเดินขึ้นไปชั้นบน จากนั้น เธอก็หันหลังกลับและเดินไปที่โทรศัพท์ด้วยความลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะตัดสินใจโทรหาเฉียวเว่ยหมิน เพื่อบอกคำขอของผู้เป็นลูกสาวคนสำคัญ
วันถัดมา…
สํานักงานผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่ง
เมื่อมาถึงโรงเรียน เสิ่นฮุ่ยก็ได้รับข่าวในตอนเช้า ซึ่งเธอไม่ได้ไปดูแลชั้นเรียนของตัวเอง แต่กลับวิ่งไปที่สํานักงานของผู้อำนวยการก่อนเป็นอันดับแรก
“ก๊อก ก๊อก”
เธอเคาะประตูสองครั้ง และเสียงของผู้อำนวยการก็ดังขึ้น
“เข้ามา”
เสิ่นฮุ่ยเปิดประตู แล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ผู้อำนวยการ เรื่องที่คุณได้อนุมัติให้นักเรียนเฉินเยวี่ยนพักการเรียนไป แต่ทำไมเขาถึงได้กลับมาเรียนอีกล่ะ?”
ผู้อำนวยการหยางเห็นเสิ่นฮุ่ยเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาจึงวางปากกาในมือลง แล้วเอนหลังลงบนเก้าอี้หนังและยิ้ม “ครูเสิ่น คุณอย่ากังวลไปเลย เกรดก่อนหน้าของเฉินเยวี่ยนก็ไม่ได้แย่ เขาเพิ่งจะขาดเรียนไปบางวิชาเท่านั้น ค่อยๆ ตามเดี๋ยวทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ”
เส้นเลือดบนหน้ากากของเสิ่นฮุ่ยกําลังกระโดดจนเห็นเป็นสีเขียว เธอรีบประท้วงอย่างมีเหตุผลทันที “ผู้อำนวยการ!”
“เฉินเยวี่ยนไม่ได้ขาดเรียนแค่หนึ่งหรือสองวิชา แต่เขาหยุดเรียนมาสามเดือนแล้ว!”
ผู้อำนวยการหยางยังคงยิ้มแย้มเหมือนพระศรีอริยเมตรัย “มันก็แค่สามเดือนเอง เดี๋ยวเขาก็ตามทัน”
“แต่ใกล้จะถึงวันสอบแล้ว!”
“และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกห้องเรียนจะมีเกรดเป็นเดิมพัน ตอนนี้ในห้องเรียนของฉันมีเฉียวเนี่ยนอยู่ แถมยังจะมีเฉินเยวี่ยนที่ถูกพักการเรียนไปถึงสามเดือนอีกคน แล้วคุณคิดว่าผลการสอบจะเป็นอย่างไร? ซึ่งห้อง A เป็นห้องเรียนที่ดีที่สุดในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่ง แล้วถ้าเกิดแพ้ให้กับห้องเรียนอื่นขึ้นมา ฉันคนนี้จะมีหน้าไปเผชิญหน้ากับนักเรียนในห้อง A ได้ยังไง”
เสิ่นฮุ่ยกล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง และผู้อำนวยการหยางก็ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้า เขาจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และบอกความจริงกับเสิ่นฮุ่ยว่า “ครูเสิ่น เฉินเยวี่ยนจะกลับมาเรียนอย่างแน่นอน และเขาก็จะกลับมาเรียนที่ห้องเรียนเดิมด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถต่อรองได้ ผมก็แค่บอกคุณเอาไว้ก่อน ขนาดตัวผมเองก็ยังไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เลย”
คนจากตระกูลเว่ยในปักกิ่งมาพบเขาเป็นการส่วนตัว และขอให้ทางโรงเรียนทำแบบนี้ แล้วใครจะกล้าที่จะปฏิเสธกัน?