MDB ตอนที่ 159 เตาหลอมเม็ดยาตระกูลซื่อ
“ผู้ประเมินหลิน!” ซื่อเหวินจวินดูค่อนข้างซีดเซียว แต่นั่นเป็นเรื่องปกติ ในฐานะผู้หญิง มันต้องเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะแบกรับทั้งตระกูลด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้เธอหย่ากับสามีของเธอแล้ว เรื่องนี้คงเป็นที่รู้กันในวงกว้างและก่อให้เกิดการนินทาอย่างไม่ต้องสงสัย จึงทำให้เธอรู้สึกกดดันอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ความแน่วแน่และอุสาหะของเธอ ยังคงแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านซื่อ ท่านมีธุระอันใดหรือเปล่า? เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ตนเอง?” หลินจินลุกขึ้นและทักทายเธอ
หลังจากซื่อเหวินจวิน มีกวางสีขาวตามหลังมา แม้ว่ามันจะไม่ใช่สัตว์วิเศษที่ดีเลิศแต่มันก็มีเสน่ห์อย่างมาก มันต้องเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอแน่นอน
เมื่อใดก็ตามที่หลินจินเห็นสัตว์เลี้ยง เขาก็อยากจะบันทึกไว้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือกวักมือเรียกกวางตัวนั้นให้เข้ามา
“ช่างเป็นกวางขาวที่สวยงามอะไรเช่นนี้ มาให้ข้าสัมผัส ไม่สิ มาให้ข้าดูแกหน่อย!”
เมื่อเห็นหลินจินโบกมือไปที่มัน กวางขาวก็เดินไปอย่างน่าประหลาดใจ มันเอาหัวสะกิดฝ่ามือของหลินจินด้วยความรักใคร่กับ มันดูเชื่องกับหลินจินมาก
แววตาเปล่งประกายในดวงตาของซื่อเหวินจวิน เมื่อเธอเห็นสิ่งนี้ เธอไม่ถามแต่ยิ้มแทน “ข้าบังเอิญมาเยี่ยมสาขานี้และได้ยินมาว่าผู้ประเมินหลินอยู่ที่นี่ ข้าจึงมาทักทายท่าน”
หลังจากหยุดชั่วคราว ซื่อเหวินจวินก็หยิบของสองชิ้นออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
“นี่คือดอกราตรีและวิญญาณอสูรระดับหนึ่งขั้นสูงที่ท่านต้องการ เนื่องจากผู้ประเมินหลิน ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของวิญญาณอสูร ข้าจึงขอวิสาสะตัดสินใจและนำวิญญาณอสูรธาตุมืดมามอบให้ท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ว่าอะไร” ซื่อเหวินจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินจินรู้สึกประหลาดใจ
ตระกูลซื่อมั่งคั่งอย่างแท้จริง
พวกเขารวบรวมวัสดุที่เขาต้องการในเวลาอันสั้น ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากความประมาทของเขา หลินจินจึงลืมพูดถึงคุณสมบัติของวิญญาณอสูรที่เขาต้องการ วิญญาณอสูรธาตุมืดที่ซื่อเหวินจวินนำมาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการอยู่พอดี
หลังจากพิจารณาอย่างลึกซึ้ง หลินจินก็เข้าใจ
จุดแข็งของตระกูลซือ ไม่ใช่ธุรกิจร้านขายสมุนไพรแต่การขายเม็ดยา นี่เป็นความรู้ทั่วไปและเนื่องจากพวกเขามีความรู้ในเรื่องนี้ จึงไม่แปลกที่ซื่อเหวินจวินจะรู้จักศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
หลินจินลูบกวางสีขาวก่อนที่สิ่งมีชีวิตจะวิ่งถอยหลังอย่างเชื่อฟังไปทางด้านข้างของซื่อเหวินจวิน
กวางตัวนี้เป็นสายพันธุ์ที่หายากอย่างแท้จริง มันก็น่าทึ่งเช่นกัน แม้จะอยู่ในระดับสองแต่ก็มีความสามารถที่น่าทึ่งและมีความสามารถโดยกำเนิดในการค้นหาสมุนไพรซึ่งก็เข้ากันได้ดีกับเจ้าของที่เป็นเจ้าของห้องโถงยา
จากนั้น ซื่อเหวินจวินกล่าวเสริมว่า “สัตว์เลี้ยงของข้า ไป่เอ๋อร์เป็นพี่น้องของตั๋วเอ๋อร์ แต่เนื่องจากเราสามารถสร้างพันธสัญญาโลหิตกับสัตว์วิเศษได้เพียงตัวเดียว ข้าจึงเลือกไป่เอ๋อร์ ข้าคิดว่าจะให้ตั๋วเอ๋อร์พบเจ้าของที่ดี แต่ใครจะไปรู้ คนที่ฉันเลือกเกือบจะฆ่ามันแทน เราโชคดีที่ความเมตตาของผู้ประเมินหลินช่วยมันได้ในที่สุด ถ้าไม่รบกวนท่านเกินไป ข้าอยากให้ไป่เอ๋อร์พบกับตั๋วเอ๋อร์”
หลินจินสามารถปฏิเสธได้หรือไม่?
แน่นอนเขาจะไม่พูดอย่างนั้น
ทั้งสองไม่ได้กล่าวถึงหวู่เฉินเว่ย คนหนึ่งไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเขาในขณะที่อีกคนรู้สึกดูถูกเมื่อกล่าวถึงเขา ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายไปยังหัวข้ออื่นอย่างรวดเร็ว
“ท่านรู้จักการอัดเม็ดยาด้วยหรือ ผู้ประเมินหลิน?” ซื่อเหวินจวินถาม
ขณะที่เธอดูเฉยเมย ซื่อเหวินจวินค่อนข้างสนใจในเรื่องนี้ หลินจินยิ้มเบา ๆ และตอบว่า "ข้ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
อย่างที่หลินจินพูด เขาแทบไม่รู้กี่ยวกับการอัดเม็ดยาเลย เขาเพียงแค่ดำเนินการตามคำแนะนำโดยละเอียดของพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อสร้างเม็ดยาวิญญาณสุริยา หลินจินเพียงทำตามคำแนะนำทีละขั้นตอนเท่านั้น
สำหรับเภสัชวิทยาและเทคนิคการอัดเม็ดยาที่ซับซ้อน เขาไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย
มันเหมือนกับการสอบ บางคนอ่านหนังสือเป็นพันเล่มเพื่อตอบคำถามเดียว แต่หลินจินไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งหมดเพราะเขามีคำตอบสำหรับคำถามแล้ว
ดังนั้นคนอื่น ๆ อาจคิดว่าหลินจินนั้น 'มีความรู้' และ 'มีฝีมือ'
ซื่อเหวินจวินกล่าวต่อว่า “ผู้ประเมินหลิน ท่านมีความรู้อย่างแท้จริง ข้าเรียนรู้การอัดเม็ดยามาตลอดชีวิต แต่ข้าทำได้แค่ผิวเผินเท่านั้น มาตรฐานของข้าอาจไม่ถึงหนึ่งในสี่ของพ่อของข้าด้วยซ้ำ”
มีข่าวลือว่าพ่อของซื่อเหวินจวิน เป็นนักปรุงยาที่น่าทึ่งและหลินจินชื่นชมในความสามารถของเขา
หลังจากครุ่นคิด หลินจินก็พูดอย่างนอบน้อมว่า “น่าเสียดายที่พ่อของท่านจากไปเมื่อไม่นานมานี้ ไม่เช่นนั้น ข้าอาจขอคำแนะนำจากท่านได้ นั่นน่าจะเป็นโชคสำหรับข้า”
ซื่อเหวินจวินยิ้ม “แต่ตระกูลซื่อของเรายังมีนักปรุงยาที่มีประสบการณ์เพียงไม่กี่คนคอยสนับสนุนเรา หากมีสิ่งใดที่ท่านต้องการความช่วยเหลือ ขอแค่ผู้ประเมินหลินบอกมา หากอยู่ในความสามารถของเรา ตระกูลซื่อจะยื่นมือเข้ามาช่วย”
ช่วย?
หลินจินต้องการมันอยู่พอดี
เพราะตอนนี้เขายังไม่มีเตาหลอมเม็ดยา เมื่อเขาทำการอัดเม็ดยาครั้งสุดท้าย หลู่เสี่ยวหยุนได้แอบขโมยเตาหลอมเมฆาของหลู่หยุนเหอเพื่อเอามาให้หลินจินยืม
ตอนนี้เขามีวัตถุดิบที่จำเป็นและสามารถสร้างเม็ดยาได้ เขาไม่มีเตาหลอมเม็ดยา
ถ้าซื่อเหวินจวินไม่ได้เอ่ยปากขึ้นมา หลินจินคงจะต้องหาทางเอง แต่ตอนนี้เธอได้ยื่นข้อเสนอมา เขาจะลองขอความช่วยเหลือจากเธอดู
“อืม ท่านซื่อ ข้าขอยืมเตาหลอมของท่านได้หรือไม่?” หลินจินถามอย่างเขินอาย
ซื่อเหวินจวินมึนงง
'เจ้ารู้จักการอัดเม็ดยาแต่เจ้าไม่มีเตาหลอมอย่างงั้นหรือ?’
'นี่เป็นเรื่องตลกแบบไหนกัน?’
'แม้แต่เด็กในตระกูลซื่อก็ต้องมีเตาหลอมของตัวเองเมื่อพวกเขาเริ่มเรียนการอัดเม็ดยา เพราะถ้าไม่มีมัน พวกเขาก็คงจะเริ่มเรียนไม่ได้'
คำถามเหล่านี้ไม่เคยออกมาจากปากของซื่อเหวินจวิน ผู้มีการศึกษา มีเหตุผลและอ่อนโยน แม้จะอยากรู้อยากเห็นแต่เธอก็หัวเราะและพูดว่า
“ตระกูลซื่อมีสิ่งของสองอย่างมากมาย หนึ่งคือสมุนไพรและอีกอย่างก็คือเตาหลอมเม็ดยา ท่านลืมเรื่องยืมไปได้เลย เราสามารถยกให้ท่านก็ยังได้”
‘ช่างใจกว้างยิ่งนัก!’ หลินจินรู้ยินยินดี
อย่างที่เขาคาดไว้ หัวหน้าตระกูลที่ทรงอิทธิพล เรื่องแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหับพวกเขา
“ผู้ประเมินหลิน มีเตาหลอมมากมายในคฤหาสน์ของเรา เตาหลอมเหล่านี้มากกว่าร้อยเตา ท่านสามารถเข้าไปข้างในและเลือกได้”
เห็นได้ชัดว่าซื่อเหวินจวินพยายามผูกมิตรกับหลินจิน
ท้ายที่สุด หลินจินเป็นผู้ประเมินระดับสอง ด้วยตำแหน่งของเขา มันสามารถช่วยเธอได้ในหลาย ๆ เรื่อง
ณ คฤหาสน์ซื่อ
หลินจินมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้สองครั้งในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่เขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา คราวนี้เขามาที่นี่เพื่อเอาบางอย่างจากพวกเขา
แม้แต่หลินจินก็รู้สึกว่าเขาทำตัว ‘ไร้ยางอาย’ มากแค่ไหน
“ตระกูลซื่อของเรามีเตาหลอมขนาดใหญ่สามแห่งภายในเมืองเมเปิ้ล ทั้งหมดประกอบด้วยธาตุทั้ง 5 ซึ่งเหมาะสำหรับการอัดเม็ดยาที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ นอกจากนี้เรายังมีเครื่องรางไฟอีกด้วย แต่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ในการใช้งาน แม้แต่นักปรุงยาบางคนก็ไม่สามารถใช้เครื่องรางไฟสำหรับกระบวนการอัดเม็ดยาได้” ซื่อเหวินจวินอธิบายขณะที่เธอนำทาง
หลินจินพยักหน้า พิพิธภัณฑ์มีบันทึกที่เกี่ยวข้องเช่นกัน เนื้อหาส่วนนี้มันอยู่ในส่วนของคำแนะนำในการอัดเม็ดยา
ตัวอย่างเช่น มีหลายวิธีในการทำเม็ดยา วิธีการเหล่านี้แบ่งออกเป็นการใช้ไฟภายในหรือไฟภายนอก และแต่ละวิธีมีกระบวนเฉพาะเป็นของตัวเอง
สำหรับหลินจิน ไม่มีอะไรยากหากได้รับคำแนะนำทีละขั้นตอน
ทั้งสองมาถึงห้องโถงเตาหลอมของคฤหาสน์ซื่อ
สถานที่นี้ถูกล็อคโดยประตูเหล็กและซื่อเหวินจวินต้องปลดล็อกด้วยตนเองจึงจะเข้าถึงได้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสถานที่สำคัญสำหรับตระกูล มีเพียงซื่อเหวินจวินเท่านั้นที่ถือกุญแจ
นอกจากนี้ หลินจินยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสัตว์วิเศษในบริเวณใกล้เคียง พวกมันอาจได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลซื่อเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้
ห้องโถงเต็มไปด้วยเตาหลอมประเภทต่าง ๆ บางส่วนถูกวางไว้บนชั้นวาง ในขณะที่บางส่วนถูกวางไว้บนพื้น มีแม้กระทั่งเตาหลอมที่มีลักษณะเฉพาะที่ไม่สามารถสัมผัสกับพื้นได้ ดังนั้นพวกมันจึงถูกดึงขึ้นด้วยเชือกพิเศษเพื่อห้อยลงมาจากคานด้านบน
ตระกูลซื่อมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง ตระกูลทั่วไปไม่มีทางสร้างห้องโถงขนาดใหญ่เช่นนี้ได้
“เตาหลอมหลายอันเคยถูกใช้โดยบรรพบุรุษของตระกูลซื่อของเรา บางอันถึงกับมีวิญญาณสิงสถิตหลังจากใช้งานอย่างต่อเนื่อง” ซื่อเหวินจวินกล่าวเสริม