อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 41 เยือนลาสเวกัส
ตอนที่ 41 เยือนลาสเวกัส
5 วันต่อมา
มีลูกน้องมารายงานกับแดนี่ว่ามีชาวโคลอมเบียต้องการพบเขา
แดนี่ดีใจมาก ในที่สุดอีกฝ่ายก็มาถึงที่นี่แล้วเพราะเขาต้องการถามให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
“พาเขาเข้ามาเร็วๆ”
ชาวโคลอมเบียยืนต่อหน้าแดนี่และพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ท่านนายพลกุสตาโวมีคําสั่งให้ผมนําข้อความสองสามประโยคมาฝากคุณ”
“เขาฝากข้อความอะไรมา?”
“คุณได้ปล้นสินค้าและฆ่าคนของเรา เราจะไม่มีวันปล่อยคุณไปเด็ดขาด! ระวังตัวไว้ให้ดี!” เสียงของชาวโคลอมเบียแข็งกร้าวราวกับว่าจะฆ่าแดนี่ในทันที
แดนี่ตกใจและพูดอย่างกังวล “ทําไมผมถึงต้องเอาสินค้าของคุณไปด้วยล่ะ นี่มันเป็นฝีมือของฝ่ายคุณชัดๆ ลูกน้องที่ผมส่งไปรับสินค้าล้วนตายหมดแล้ว! พร้อมกับเงิน 300,000 ดอลลาร์ที่ผมเตรียมไปก็ถูกขโมยไปด้วย ผมต่างหากที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝ่ายคุณที่ขโมยเงินไปหรือเปล่า!”
อีกฝ่ายส่ายหัว
“ผมไม่สนใจ ท่านนายพลแค่ส่งผมมาแจ้งให้คุณทราบเท่านั้น หากอยากจะเจรจาเรื่องนี้ คุณต้องจ่ายเงินชดเชยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 500,000 ดอลลาร์ เราถึงจะได้ทำธุรกิจกันต่อ ถ้าหากคุณไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ คุณก็รอรับการแก้แค้นของเราได้เลย!”
แดนี่โกรธอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
‘ไอ้เลว! จะมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันได้ยังไง’
ตอนนี้แดนี่อยากจะพบกับนายพลกุสตาโวแบบต่อหน้า เพื่อจะได้พูดคุยกันให้เข้าใจ เพราะว่าการคุยผ่านโทรศัพท์มันไม่เพียงพอ
น่าเสียดายที่ตอนนี้คือปี 1946 เทคโนโลยียังไม่มีความเจริญมากนัก และระยะทางระหว่างลอสแอนเจลิสไปยังโคลอมเบียช่างแสนไกลยิ่ง
หรือจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป? แต่ว่านายพลกุสตาโวคนนี้เป็นคนที่มีอํานาจมากในกองทัพโคลอมเบีย อีกทั้งลูกน้องของเขายังควบคุมทหารหลายหมื่นนาย หากอีกฝ่ายส่งคนมาฆ่าแดนี่ แก๊งชาวสเปนจะไม่สามารถหยุดเขาได้อย่างแน่นอน!
ส่วนเงิน 500,000 ดอลลาร์…เขาจะหาเงินเยอะขนาดนั้นมาจากที่ไหน
ครั้งนี้ฉันเป็นเหยื่อด้วยนะโว้ย!
แดนี่รู้สึกแย่มาก
เขาพยายามระงับความโกรธในใจไว้แล้วพูดออกมา “ได้โปรดบอกท่านนายพลกุสตาโวว่าเรื่องนี้มีความเข้าใจผิดกัน ผมจะไปที่โคลอมเบียเพื่ออธิบายให้เขาฟังในเวลาที่เหมาะสม เราจะได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันเมื่อผมไปถึงที่นั่นแล้ว ส่วนธุรกิจของเราจะดําเนินต่อไปอย่างแน่นอน”
อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเดินออกจากสํานักงานไป
แดนี่นั่งลงบนโซฟา เอื้อมมือไปหยิบซิการ์ด้วยมือที่สั่นเทา
“เวรเอ้ย!”
ในขณะเดียวกัน
ฮาร์ดี้กําลังนั่งเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังลาสเวกัส เขากําลังจะไปหาซีเกลเพื่อส่งเงินที่ได้จากการปล้นนอกจากนี้ เขาก็ยังมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับซีเกล…
ฮาร์ดี้ได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางใต้ดินแล้ว เพราะหากต้องการจะเติบโตและมีอํานาจที่มากขึ้น
เขาจะต้องมีพื้นที่เป็นของตนเองและมีรายได้ที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อง
การปล้นเพียงอย่างเดียวคงจะไม่พอ และในอาณาเขตทั้งหมดของลอสแองเจลิสตอนนี้
พื้นที่ของแก๊งชาวไอริชส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเก่า
แก๊งชาวยิวอยู่ในเมืองใหม่ที่พัฒนาแล้ว
แก๊งชาวสเปนอยู่ใกล้ฮอลลีวูด
แก๊งชาวจีนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แถบไชน่าทาวน์ ซึ่งแก๊งนี้มักจะเก็บตัวเงียบและไม่สุงสิงกับฝ่ายไหนเลย
ส่วนแก๊งขนาดเล็กอื่นๆ ก็กระจัดกระจายกันไป
ฮาร์ดี้กําลังที่จะขยายอํานาจให้มากกว่านี้ แต่ว่าเขาก็ต้องมีพื้นที่ปกครองที่เหมาะสมก่อน ซึ่งแก๊งชาวไอริชนั้นแข็งแกร่งมากและเป็นกระดูกที่แย่งได้ยากที่สุด หากอยากจะแย่งพื้นที่อีกฝ่ายมาคงเป็นไปได้ยาก หรือจะมุ่งไปที่การเป็นหัวหน้าแก๊งชาวยิว?
แก๊งชาวยิวอยู่ภายใต้การควบคุมของมาเฟีย มันยากมากสําหรับเขาที่จะกลายเป็นหัวหน้า
ฮาร์ดี้จึงเล็งไปที่พื้นที่ของแก๊งชาวสเปน
แม้ว่าแก๊งชาวสเปนจะมีพื้นที่เล็กๆ แต่ก็เป็นทําเลที่ดี มันควบคุมพื้นที่ฮอลลีวูด ซึ่งจะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
หากทําลายแก๊งชาวสเปน ยึดพื้นที่ของอีกฝ่ายและสร้างอิทธิพลของตัวเอง มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฮาร์ดี้ ได้เป็นอย่างมาก
แถมยังไม่ต้องมีข้อพิพาทกับระดับบนของแก๊งชาวยิวอีกด้วย
แผนการได้ถูกวางไว้แล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับว่าซีเกลคิดอย่างไรกับแผนการนี้
“เครื่องบินกําลังจะลงจอด กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัย ย้ำ เครื่องบินกําลังจะลงจอด กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัย”
นักบินหันศีรษะแล้วตะโกนบอกผู้โดยสารหลายสิบคนที่อยู่ข้างหลังเขา
ฮาร์ดี้รู้สึกแย่กับการเดินทางครั้งนี้มาก
เครื่องบินมีขนาดเล็ก และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้เพียงสิบห้าถึงยี่สิบคนเท่านั้น
อีกทั้งเครื่องบินยังตกหลุมอากาศบ่อยและเสียงใบพัดก็ดังมาก
อธิบายได้เพียงคําเดียวว่าห่วยแตก!
แต่จะทําอย่างไรได้ วิธีนี้เป็นการเดินทางที่เร็วที่สุดในตอนนี้
จากลอสแองเจลิสถึงลาสเวกัส หากขับรถจะต้องใช้ถนนทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 15 ซึ่งมีระยะทาง 480 กิโลเมตรและใช้เวลาประมาณครึ่งวันกว่าจะไปถึง
หากขึ้นรถไฟจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 วัน
ฮาร์ดี้รัดเข็มขัดนิรภัยของเขา เขาไม่อยากตัวปลิวออกจากเครื่องบินตายในวันนี้
ครืน!
หลังจากการสั่นและกระแทกอย่างรุนแรง เครื่องบินก็หยุดลงในที่สุด
ฮาร์ดี้ลงจากเครื่องบินพร้อมกระเป๋าเดินทาง
ชายหนุ่มในชุดสูทเดินมาหาเขา “ใช่คุณทอม ฮาร์ดี้หรือเปล่าครับ?”
“ใช่ ฉันเอง”
“คุณซีเกลส่งผมมารับคุณครับ รถอยู่ทางนี้เชิญเลยครับ” ชายหนุ่มกล่าว
ฮาร์ดี้มองดูชายหนุ่ม เขาจําได้ทันทีว่าเคยเห็นชายหนุ่มคนนี้ที่บ้านของซีเกล
ทั้งสองขึ้นรถและขับไปยังตัวเมืองลาสเวกัส
ฮาร์ดี้มองออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งสองด้านถูกปกคลุมไปด้วยทรายและกรวดสีเทา บางครั้งก็มีหญ้าเหี่ยวๆ ขึ้นมาบ้างนอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย
ไม่นานรถก็เข้าเมือง
ฮาร์ดี้เคยไปลาสเวกัสมาก่อนในชีวิตก่อนหน้านี้ ที่นี่มีแสงไฟสวยงาม มีตึกสูงระฟ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพลุกพล่าน ไปด้วยผู้คน
ตอนนี้ลาสเวกัสแทบจะไม่ใช่เมืองในสายตาของฮาร์ดี้ มันเป็นได้แค่เขตเล็กๆ ที่มีอาคารส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ทั้งสองฝั่งของถนนทางหลวง
ในปี 1829 พ่อค้าชาวเม็กซิกันกลุ่มหนึ่งได้ค้นพบที่นี่ซึ่งมีแหล่งน้ำมากมาย จึงตั้งชื่อว่า ‘ลาสเวกัส’ ที่แปลว่า ‘ทุ่งหญ้า หรือที่ราบลุ่ม’ ในภาษาสเปน
ไม่กี่ทศวรรษต่อมา เหมืองทองคําก็ถูกค้นพบในรัฐเนวาดา ข่าวการค้นพบทองคําดึงดูดผู้คนจํานวนมากและลาสเวกัสก็ได้กลายเป็นเมืองเล็กๆ
หลังจากนั้นก็มีรถไฟแล่นผ่านในปี 1905 และลาสเวกัสก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับการยกระดับเป็นเมืองหลวง ซึ่งมีประชากรมากกว่า 3,000 คนในขณะนั้น
ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รัฐเนวาดาได้ร่างกฎหมายกํากับการพนัน จนได้รับอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมาย และไม่กี่ปีต่อมา ก็มีการสร้างเสาไฟฟ้า ทําให้มีการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ จากนั้นจึงเกิดถนนทางหลวงที่เชื่อมไปยังลอสแองเจลิส ทําให้พื้นที่แถวนี้พัฒนาอย่างรวดเร็ว
นักท่องเที่ยวบางคนมาที่นี่เพื่อเสี่ยงโชค
มีชาวบ้านอาศัยอยู่ที่นี่ไม่เกิน 20,000 คน และนักท่องเที่ยวมาปีละไม่เกิน 50,000 คน
ซีเกลบอกตัวเลขเหล่านี้แก่ฮาร์ดี้
เป้าหมายของซีเกลคือการสร้างคาสิโนที่หรูหราที่สุดในสหรัฐอเมริกาเอาไว้ที่นี้ เพื่อที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้จ่ายทุกปี
แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่าเมืองที่ฮาร์ดี้เคยเห็นจากอนาคต แต่เขาก็รู้ว่าการพัฒนาที่นี่นั้นมันน่าทึ่งมาก แค่เพียงเวลาไม่กี่ปี ประชากรที่นี่ก็เพิ่มขึ้นเป็น 550,000 คน และจํานวนนักท่องเที่ยวสูงสุดคือ 40 ล้านคน
แม้ว่าที่นี่จะไม่มีทองคํา แต่ในมุมมองของฮาร์ดี้ที่นี่เป็น ‘เหมืองทองคําขนาดใหญ่’
และยังเป็นทองคําที่ไม่มีวันหมด
ตอนนี้มีถนนสายหลักเพียงเส้นเดียวคือถนนลาสเวกัส ทั้งสองด้านของถนนเป็นอาคารสองหรือสามชั้นเป็นส่วนใหญ่ มีคาสิโนขนาดเล็กและสถานบันเทิงบางแห่ง ส่วนด้านหลังเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่
ที่ดินเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งปลูกสร้างในอนาคต จะมีตึกขนาดใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ขอเพียงแค่มีเงินก็สามารถซื้อที่ดินที่นี้ไว้โดยไม่ต้องทําอะไรเลยแล้วก็รอแค่ไม่กี่ปี
รับประกันได้เลยว่าจะต้องมีคนมาขอซื้อที่ดินในราคาสูงแน่ๆ
แต่ฮาร์ดี้ก็ยังไม่รีบ เพราะต้องรอความสําเร็จจากคาสิโนของซีเกลก่อน เมื่อทุกคนเห็นผลประโยชน์มหาศาล ฝูงจิ้งจอกจะต้องวิ่งมาลงทุนอย่างไม่ขาดสายอย่างแน่นอน
รถจอดอยู่หน้าพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่
คนขับพูดกับฮาร์ดี้ “คุณซีเกลอยู่ที่ไซต์ก่อสร้าง ผมจะพาคุณไปหาเขาข้างใน”
ฮาร์ดี้ตามคนขับไปและก็เห็นซีเกลกําลังนั่งอยู่
มีร่มกันแดดขนาดใหญ่ โต๊ะกลม และเก้าอี้สองสามตัวข้างๆ พร้อมกับที่ซีเกลกําลังมองไปยังพื้นที่ก่อสร้างของเขา
“คุณซีเกล”
ฮาร์ดี้เดินเข้ามาและเรียกเขา
ซีเกลหันไปมองฮาร์ดี้ เขาพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เป็นยังไงบ้างฮาร์ดี้ ที่นี่มันร้อนมากเลยใช่ไหม? นายดูตรงนั้นสิจุดนั้นคือที่ตั้งของคาสิโนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสหรัฐอเมริกา!”
ฮาร์ดี้มองไปในทิศทางที่ซีเกลชี้ไป
ตอนนี้มันเป็นที่รกร้างว่างเปล่า และมีวัสดุก่อสร้างมากมายกองรวมกันอยู่ในที่โล่ง พร้อมกับที่รถขุดดินหลายคันกําลังขุดดินอยู่ ซึ่งทําให้จุดที่ก่อสร้างเต็มไปด้วยฝุ่นในขณะนี้…