ตอนที่23 ราชามาเฟียยิ้มเป็นครั้งแรก
หลีหัวรอให้เหว่ยจูบ... ในขณะที่เสียงหัวใจของเธอเต้นแรง ทุกขณะ...ทุกขณะ หนึ่ง สอง สามวินาทีผ่านไปแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักที หลีหัวมองผ่านตาข้างขวาของเธอ
เหว่ยพูดขึ้นว่า “ส่งมะเขือเทศนั่นมาให้หน่อยสิ”
“ฮา...”
หลีหัวลืมตาขึ้นมาทันทีและมองไปที่ด้านหลัง เขาชี้ไปที่ตะกร้ามะเขือเทศ เธอรู้สึกอับอายอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเหมือนกับลูกมะเขือเทศนั่น เขาไม่ได้จูบเธอ... หยุด! คิดถึงเรื่องนี้! เธอคิดถึงเรื่องที่เขาจูบเธอถึงสองครั้ง มันไม่ใช่ความผิดของเธอนี่! บอสชอบทำให้เธอประหลาดใจเขาจูบเธอแบบรีบร้อน โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว เธอร้อง...เขาเป็นคนที่คาดเดาอะไรได้อยาก
เหว่ยถามด้วยความสงสัย “ปิดตาทำไม”
คิ้วของหลีหัวกระตุก “ฉัน...ฉันรู้สึกเหมือนกำลังนั่งสมาธิ คุณรู้มั้ยว่ามันดีต่อสุขภาพจริงๆ...” เธอพึมพำ นี่คือการแก้ตัวที่แย่ๆที่สุดสำหรับเธอ
เหว่ยกระพริบตา โดยที่ไม่เข้าใจ ดวงตาของหลีหัวค่อยๆเปิดกว้างจนมองเห็นริมฝีปากที่โค้งงอเรียกรอยยิ้มของเขา พร้อมกับเสียงหัวเราะที่นุ่มนวลและแผ่วเบาของเขา เธอตกใจ
“คุณนี่แปลกจริงๆ ผมไม่เคยเห็นใครนั่งสมาธิระหว่างทำงาน”
“คุณ...คุณ...”เธอรู้เสียหน้ากับคำพูดของตัวเอง เธอไม่คิดว่าเขาจะหัวเราะเยาะกับข้ออ้างแบบโง่ๆของเธอ
“เขายิ้ม” เธอรู้สึกมีแรงผลักดัน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ยิ้มให้กับบางสิ่งบางอย่างจริงๆ และเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับดอกไม้ไฟระเบิด
เจียง เหว่ยเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา เขามีริมฝีปากที่สวยงามได้รูปและรอยยิ้มที่อ่อนโยน ซึ่งรับกับใบหน้าที่เรียบเฉยของเขา ทำให้เขาดูดีมากยิ่งขึ้นสำหรับเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขายิ้มออกมา
เหว่ยเอียงศีรษะ “จริงๆเหรอ”
เธอมีอาการมึนงง หลีหัวคลำหาโทรศัพท์ในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถ่ายรูป! ปลอดภัย! “ฉันคลิกมัน ฉันถ่ายรูปของคุณ” เธอกระโดดด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันไม่พลาด เห็นมั้ย” เธอโชว์รูปให้เขาดู “คุณยิ้ม บอสคุณดูหล่อมาก”
เธอไอ “คุณยิ้มแล้ว คุณยิ้มให้บ่อยๆกว่านี้อีกนะค่ะ” ราวกับว่าหลีหัวยืนอยู่เหนือดวงจันทร์แล้วถ่ายรูปของเจียง เหว่ยที่กำลังส่งยิ้มให้
เหว่ยมองไม่เห็นมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงสำหรับเขา เขาสนใจที่จะมองหลีหัวมากกว่ารูปภาพของของเขาเสียอีก “แต่ผมคิดว่าคุณดูสวยกว่าเวลาที่คุณยิ้ม...”
หลีหัวตกใจ เธอพูดชื่นชมเขานี่! และเธอก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำชมจากเขาด้วย ทันใดนั้นเธอรู้สึกอาย “อา...ฮ่า...ฮ่า...ขอบคุณค่ะ
เหว่ยได้จดบันทึกเพิ่มสองสิ่งในสมุดเล่มเล็กของเขาจากสังเกตหลีหัว
ประการแรกหลีหัวสามารถนั่งสมาธิได้ทุกที่ทุกเวลา
ประการที่สอง เธอดูสวยงามเวลาที่เธอยิ้ม
หลีหัวถามว่า “บอส คุณเคยออกเดทกับผูหญิงคนไหนมาก่อนหรือเปล่า”
“ไม่”
“แล้วคุณรู้จักวิธีการพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันหมายถึงคุณรู้...แบบที่ทำให้ผู้หญิงมีความสุข เวลาได้ยินที่คุณพูด คุณไปเรียนมาจากที่ไหนคะ?”จีบสั้นๆแต่เธอไม่คิดที่จะใช้คำนี้
“ผมไม่ได้เรียน”
“แล้วคุณพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ก็ไม่รู้สิ มันเป็นธรรมชาติที่ผมอยู่กับคุณ”
“ตาทึม”เธอรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก เขากำลังเจ้าชู้อีกแล้ว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างบอส จะจีบผู้หญิงเป็น ในเมื่อเขาไม่เข้าใจอารมณ์หรือว่าบางที... เขาก็เป็นคนตรงไปตรงมาเหรอ?
“แกงกะหรี่! ใช่แกงของฉันกำลังจะไหม้ ขอตั้งสมาธิหน่อย! เธอซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของเธอและผลักเขาออกไป เธอตัดสินใจที่จะสอนเขาเรื่องความสุขทางอารมณ์ แต่มันก็ทำให้จิตใจของเธอหดหู่ไปพร้อมๆกันหรือเปล่า?”
วันรุ่งขึ้นเหว่ยต้องออกไปทำงานแต่เช้า เนื่องจากมีประชุมที่สำคัญ ดังนั้นหลีหัวจึงไม่ได้เห็นหน้าที่หล่อเหลาของเขาเหมือนกับทุกๆเช้า เธอทานอาหารเช้ากับป้าจางอย่างรวดเร็วและรีบไปเรียนที่วิทยาลัย
เมื่อไปถึงถนนสายหลัก สัญญาณไฟจราจรสีเขียวบอกให้คนข้าม ถนนข้างหน้ามีเพียงเธอกับเด็กชายตัวเล็กๆสะพายกระเป๋านักเรียนข้างหลัง ทันใดนั้นมีเสียงร้องกรีดดังสนั่น...และมีรถคันใหญ่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลีหัวตกใจมากเพราะมันกำลังจะชนเด็ก เด็กชายยืนตัวแข็งทื่อและหน้าซีดด้วยความกลัว
“ระวัง”เธอร้องกรีด หลีหัวกระโดดเข้าไปจับเด็กชายไว้และล้มกลิ้งบนทางม้าลายพร้อมกับเด็กชาย ไม่กี่วินาทีต่อมารถก็วิ่งเลื่อนผ่านหน้าพวกเธอไปและหยุดรถอย่างกะทันหัน
หลีหัวร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ข้อศอกของเธอถูกกระแทกและหัวเข่ามีรอยขูด “ฮึ...” แต่เธอก็ไม่ได้สนใจต่อบาดแผลนั้น และรีบตรวจเช็คดูร่างกายของเด็กชายอย่างรวดเร็ว
“เธอเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ว๊ายยย...”เขาเริ่มร้องไห้เพราะรู้สึกกลัว
“อ๊ะ อ๊ะ! อย่าร้องไห้ ดูสิ!เธอไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย” เธอเช็ดน้ำตาและกอดเขาไว้แน่น มีคนจำนวนมากมามุ่งดูและบ่นพึมพำ “น่ากลัวจัง ขอบคุณพระเจ้าที่คุณมาดึงเขาไว้ทันพอดี ไม่อย่างนั้นเด็กคนนี้อาจจะตายไปแล้ว คนขับรถไร้ความรับผิดชอบมาก”
หลีหัวโกรธเหมือนกับคนอื่นๆ เธอจ้องไปที่รถและกระทืบด้วยความโกรธ เธอเคาะกระจกรถ “ออกมา! ขับรถแบบนี้ได้ยังไง คุณกำลังจะฆ่าเด็ก ออกมาเดี๋ยวนี้!” ประตูรถค่อยๆเปิดออกและมีผู้ชายใส่สูทคลายๆนักธุรกิจก้าวออกมา เหลียง มิน อายุราวสี่สิบต้นๆ สีหน้าท่าทางของเขาดูกังวลและแปลกๆเนื่องจากสาเหตุบางอย่าง
หลีหัวเอามือเท้าสะเอวของเธอ และพูดออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด “คุณตาบอดหรือยังไง คุณไม่เห็นหรือว่ามันเป็นสัญญาณไฟสีแดง! นั่นหมายถึงว่ารถต้องหยุด คุณไม่ได้เรียนรู้กฎจราจรระหว่างเรียนขับรถเหรอ? คุณอาจจะฆ่าเด็กตายก็ได้ ดูสิ! เขาตกใจมากแค่ไหน”
นักธุรกิจคนนั้นกัดฟันของเขาและพูดขึ้นว่า “ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้”แล้วเขาก็มองไปรอบๆด้วยความกังวลใจ “มันไม่ใช่ความผิดของฉันถ้าเด็กคนนี้เดินช้าๆ”
หลีหัวตกใจกับความไร้อย่างอายของเขา “เขาเดินช้า แต่คุณนั่นแหละที่ขับรถเร็วเกินไป แม้แต่สัญญาณไฟสีแดงคุณยังไม่สนใจ คุณเมาใช่มั้ย ขอโทษ!?”
เหลียง มิน มองเธออย่างไม่เชื่อสายตา “ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ เธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
หลีหัวคิดว่าเขาต้องเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยแน่นอน เพราะดูจากการแต่งตัวที่ดูดีและขับรถราคาแพง “ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณเป็นใคร แต่คุณกำลังจะฆ่าเด็กและตอนนี้ก็กำลังโอ้อวดความร่ำรวยของคุณ
เหลียง มินเริ่มกลัวและกังวลมาก เมื่อทุกคนให้ความสนใจเขาและเขาก็ไม่สามรถที่จะอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว มิฉะนั้นเขาอาจจะถูกจับ เขารีบหยิบสมุดเช็คและฉีกมาหนึ่งใบแล้วก็เซ็นชื่อของเขา แล้วก็ยื่นไปให้กับมือของหลีหัว “เอาค่าเสียหายนี้ไป ดีใจมั้ย”